webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

074

บทที่ 74 ความคิดเห็น

โหวซีหลิ่งไม่ได้เขียนหนังสือมาหลายปีแล้ว แต่ทว่าฝีมือของเขาไม่ด้อยลงจากตอนนั้นเลย

ในบทหนังมีตัวละครมากมายหลายแบบ อันจิ่วยวี่นั้นเป็นคนจิตใจอำมหิตและไร้ซึ่งความรู้สึก

แต่เซียวจือนั้นเป็นคนที่ขยันขันแข็ง รักประเทศและใสใจกับความทุกข์ยากของประชาชน

ในตอนที่เป่ยผิงตกอยู่ในสภาวะโดนข้าศึกยึดครอง พวกทหารศึกต่างก็ใช้โอกาสนี้ในการแย่งชิงอิทธิพลและอาณาบริเวณ ไม่สนใจความเป็นความตายของคนในประเทศ แต่ละตัวละครต่างโลดแล่นและมีชีวิตอยู่ในกระดาษ

โหวซีหลิ่งนัดเจียงเซ่อเอาไว้ในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นพอเห็นว่าสามทุ่มครึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังอ่านบทไม่หมด แต่เจียงเซ่อก็วางมันลง

เมื่อวานหลังจากที่โหวซีหลิ่งโทรมาหา เขาก็ส่งที่อยู่บ้านของตัวเองมาให้ทันที

คนแก่ไม่ค่อยคุ้นชินกับการติดต่อสื่อสารในสมัยนี้นัก เขาจึงส่งมาเป็นข้อความสั้นๆ เธอกดเปิดดู รีบล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องทันที แล้วหาร้านอาหารแถวๆ นั้นทานให้เรียบร้อยและขึ้นรถไฟฟ้าทันที

บ้านของโหวซีหลิ่งอยู่ในเมืองหลวงทางทิศตะวันออก มันเป็นบ้านแนว*ซื่อเหอหยวน (บ้านสมัยเก่าของจีน เรือนที่พักทั้งสี่ด้านจะหันหน้าเข้าหากัน ตรงกลางเป็นสวน) ที่มีกำแพงล้อมเอาไว้ทั้งสี่ด้าน ตัวบ้านมีกลิ่นอายโบราณและย้อนยุคเป็นอย่างมาก บ้านแบบนี้ราคาก็ขึ้นไปตามกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นแล้วขึ้นอีก กลายเป็นสิ่งที่แม้จะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้

เธอซื้อผลไม้มาด้วย ถือมันเดินไปเคาะประตูบ้านของโหวซีหลิ่ง เขากำลังถือบัวรดน้ำรดต้นคามิเลียอยู่พอดี

หลายปีมาแล้วที่โหวซีหลิ่งได้ซื้อเรือนหลังนี้เอาไว้ ประตูใหญ่คือประตูที่จะเข้าไปในตัวบ้าน ทั้งสองข้างเป็นห้องโถงใหญ่และห้องสำคัญ ตรงสวนหย่อมถูกกั้นเอาไว้เป็นสองฝั่ง โดยให้ต้นองุ่นเถาเป็นรั้วกั้น ใต้ต้นเถาองุ่นมีชุดโต๊ะเก้าอี้หินตั้งเอาไว้ด้วย ส่วนอีกด้านก็ปล่อยว่างเอาไว้

ส่วนพื้นที่ที่เหลือในสวนก็มีต้นไม้ดอกไม้และใบหญ้าปลูกเอาไว้ ส่วนอีกมุมก็มีต้นไห่ถางอีกด้วย พื้นที่ถือว่าไม่เล็กเลย

“เสี่ยวเจียงมาแล้วหรือ?”

ภรรยาของโหวซีหลิ่งมาเปิดประตูให้ พอโหวซีหลิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ เขาวางบัวรดน้ำลงแล้ว กวักมือเรียกเจียงเซ่อยิ้มๆ

ดูเหมือนอกจากผู้ชราสองคนที่อยู่ในบ้านนี้แล้วก็ไม่มีใครอีก เจียงเซ่อทักทายและถามสารทุกข์สุกดิบทั้งสอง โหวซีหลิ่งก็ตอบด้วยท่าทางอารมณ์ดี

“หนูมาเช้าจังเลย”

ตอนที่เจียงเซ่อมาถึงก็แค่เก้าโมงเท่านั้น ถือว่ายังเช้ามาก “โอกาสที่จะได้มานั่งพูดคุยกับอาจารย์โหวไม่ได้หาได้ง่ายๆ หนูก็เลยถือว่ามาเยี่ยมเยียนไปด้วย ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนหรือเปล่า”

หลายปีก่อนหน้านี้ภรรยาของโหวซีหลิ่งเป็นคุณครูสอนโรงเรียนมัธยมปลาย ถึงแม้อายุจะมากแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของหล่อนยังดูดี ดูเหมือนพอรู้ว่าเจียงเซ่อจะมา หล่อนจึงได้เตรียมชาเอาไว้ต้อนรับ

พอได้ยินเจียงเซ่อพูดอย่างนั้น หล่อนก็ยิ้มขึ้นมา

“มีคนมาเยี่ยมเยียนเราไม่มากนักหรอก พอเด็กๆ โตกันแล้ว อยู่บ้านก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำนัก หนูมาได้ประจวบเหมาะเลยล่ะจ๊ะ”

โหวซีหลิ่งพาเจียงเซ่อมานั่งที่เก้าอี้หิน เมืองหลวงในช่วงตุลาคมก็ถือว่าอากาศเริ่มเย็นแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่งข้างนอกมีเสื้อถักสีเทาอีกตัวคลุมเอาไว้ และนั่งคุยเล่นกับเจียงเซ่อ

“หนูอ่านบท ‘The Occasion of Beiping’ จบแล้วหรือ?”

เจียงเซ่อส่ายหน้าแล้วตอบออกไป

“ยังเลยค่ะ ปกติแล้วหนูจะอยู่หอในมหา’ลัย เวลาที่กลับถึงหอแล้วถึงจะมีเวลาอ่าน เมื่อคืนก็ได้อ่านถึงตอนที่เซียวจือขัดขวางเพื่อไม่ให้ทำข้อตกลงกับพวกโจรสลัดญี่ปุ่น เพื่อหยุดยั้งการรุกรานเป่ยฝิง

เวลาที่เธออ่านหนังสือเธอก็จะวิเคราะห์ตามไปด้วย จึงได้อ่านช้าแบบนี้ และโชคดีที่ก่อนมาเกิดใหม่เธอก็ได้เรียนที่มหา’ลัยสอนภาษา ตอนที่เธออ่านหนังสือก็มักจะให้ความสนใจและระมัดระวังรอบคอบอยู่เสมอ โหวซีหลิ่งมีการให้ความสำคัญแต่ละความหมาย ถือว่ามีความชำนาญในการเขียนคำต่างๆ ได้ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก

“สำหรับหนูการที่ได้อ่านหนังสือ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้อ่านหนังสือของโหวซีหลิ่ง ทุกตอนทุกประโยคล้วนแล้วทำให้ต้องทวนคิดและซาบซึ้งไปกับมัน

โหวซีหลิ่งเองก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับที่เจียงเซ่อพูด พอภรรยาของโหวซีหลิ่งยกผลไม้ที่ปอกเสร็จแล้วออกมา ทั้งสองก็คุยกันถึงเรื่องตัวละครใจบทหนังแล้ว

“ ‘โต้วโค่ว’ ในหนังเรื่องนี้ หนูคิดว่าอย่างไรหรือ?”

ภรรยาอาจารย์โหวส่ายหน้ายิ้มๆ หล่อนเองก็นั่งลงด้วยเช่นกัน และรอฟังคำตอบของเจียงเซ่อ

“พูดแบบไม่ปิดบังอาจารย์เลยนะคะ ตอนแรกที่ได้เห็นตัวละคร ‘โต้วโค่ว’ นอกจากการที่หนังเรื่องนี้มีอาจารย์เป็นคนเขียนบทและการที่ผู้กำกับหลินให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้แล้ว ความจริงตอนที่หนูเห็นบท ‘โต้วโค่ว’ หนูเองก็ยังลังเลอยู่เหมือนกัน”

เจียงเซ่อยกน้ำชาขึ้นมา จิบมันไปหนึ่งจิบ

ภรรยาอาจารย์โหวได้ยินอย่างนั้น หล่อนก็พยักหน้าด้วยความเห็นด้วยอยู่ในใจ

‘โต้วโค่ว’ ในบทนั้น แม้ว่าฉากที่จะได้ออกมันจะน่าทึ่งแค่ไหน แต่แค่ออกมาฉากแรก ตั้งแต่ต้นจนจบก็เป็นคนที่ดูแรงและมีภาพลักษณ์ไม่ดีนัก

นักแสดงทั่วไปที่ยินยอมจะเล่นบทผู้หญิงแบบนี้ ส่วนมากก็คงจะเป็นพวกดาราที่มีคาแรคเตอร์เซ็กซี่อยู่แล้ว และแน่นอนว่าจะต้องหุ่นดีและเจ้าเสน่ห์ไม่เบา

แต่ทว่าโหวซีหลิ่งกลับทำตรงกันข้ามเลย เขาเขียนถึงลักษณะของหญิงสาวไม่เหมือนกับคนอื่นๆ มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“เพราะอย่างนั้นหนูเลยรู้สึกประทับใจกับตัวละคร ‘โต้วโค่ว’ พอสมควร บวกกับที่อาจารย์เป็นคนแต่งแล้วด้วย” โหวซีหลิ่งอมยิ้มแล้วทำมือว่าให้เจียงเซ่อพูดต่อ

“เธอได้เซียวจือมาไว้ในกำมือตั้งหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้หนีไปได้ การกระแบบนี้ มันก็พิสูจน์ได้ว่าอย่างชัดเจนว่าในใจลึกๆ ของเธอยังมีความรู้สึกที่ค่อนข้างสับสนต่อเซียวจืออยู่ ฉากที่เธอมีความสุข คือตอนที่อันจิ่วยวี่มาช่วยเธอเอาไว้ ดังนั้นในตอนที่อันจิ่วยวี่หมดสิ้นอิทธิพลและอำนาจ เธอก็ยังคงคอยอยู่เคียงข้างอันจิ่วยวี่ ไม่หนีไปไหน” ดูเหมือนว่าธาตุแท้ของ ‘โต้วโค่ว’ นั้น มีบางสิ่งที่พวกผู้ชายส่วนมากนั้นไม่มี นั่นก็คือ ‘คุณธรรม’

“ในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ คนส่วนใหญ่คงจะรู้สึกเสียดายเธอไม่น้อย และคิดว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงที่เสียตัวมามากมาย ไม่ใช่ผู้หญิงที่สะอาด พอเข้าสู่ฉากหนัง เธอก็เหมือนกับได้ตกลงไปในบ่อโคลนแล้ว แต่ทว่าตอนที่เซียวจือได้ไปบุกที่คฤหาสน์อัน และเข้าจับกุมอันจิ่วยวี่ วินาทีที่ได้เจอเธอ เธอก็ยังเอาแต่ร้องเพลง ‘เสียงคร่ำครวญของหญิงสาว’” เจียงเซ่อพูดถึงตรงนี้ ก็เสริมเข้าไปอีก

“หนูรู้สึกว่ามันมีความหมายมากๆ”

ในสายตาของหลายๆ คน การปรากฏตัวและฉากต่างๆ คนอย่าง ‘โต้วโค่ว’ ที่อยู่ท่ามกลางหมู่ชาย คงไม่ใช่ผู้หญิงที่บริสุทธิ์และซื่อสัตย์นักหรอก แต่ในตอนที่เธอถูกจับกุม กลับเอาแต่ร้องเพลง ‘เสียงคร่ำครวญของหญิงสาว’ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการจะเป็นคนที่มีราคีหรือไม่ ในใจลึกๆ ของเธอแล้วก็มีบรรทัดฐานเป็นของตัวเอง

เธอไม่คิดว่าตัวเองนั้นเป็นคนสกปรก แต่สิ่งที่มันโสมมคือคนที่อยากจะได้ตัวและความสวยงามของเธอมากกว่า

“เธอเองก็พูดเอาไว้ เธอคิดว่าเธอไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความเลว แต่โลกใบนี้ต่างหาก ที่บีบบังคับให้เธอต้องเลวร้าย หนูคิดว่านี่ก็เหมือนเป็นการประณามโลกใบนี้”

ภรรยาอาจารย์โหวพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา

“ฉันคิดว่าคำพูดที่เธอได้โต้กับเซียวจือ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับสังคมที่มีแต่สงครามในตอนนั้น และการที่เธอไม่อยากจะยอมแพ้ ฉันเองก็คิดเหมือนกันกับเสี่ยวเจียงนะ”

ก่อนหน้านี้คุณนายโหวเองก็ได้ยินโหวซีหลิ่งพูดถึงเจียงเซ่อมาบ้างแล้ว และก็รู้ด้วยว่าโหวซีหลิ่งได้ช่วยเจียงเซ่อติดต่อกับฉางยวี่หู ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจกับเจียงเซ่อไม่น้อย พอตอนนี้ได้มาเจอ หล่อนเองก็รู้สึกว่าสายตาสามีของตัวเองก็ไม่เลวเลย

ทั้งสามได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกสักพัก จากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เรื่อยไปถึงเรื่องผลงานของปรมาจารย์ทางวิชาการที่มีชื่อเสียงของประเทศ ทั้งโหวซีหลิ่งและภรรยาของเขาต่างก็มีความรู้กว้างขวางและมากมายหลายแขนง แต่อย่างไรเสียทั้งสองก็อายุมากแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้โหวซีหลิ่งแปลกใจไม่น้อยก็คือ เจียงเซ่อนั้นได้อ่านหนังสือมาหลากหลายมากๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะยังอายุน้อย

เวลาที่เธอไม่เข้าใจอะไร เธอก็จะนั่งฟังคำสอนไปอย่างเงียบๆ การที่ได้ปรึกษาและเปิดใจพูดคุยกับเธอมันทำให้สองสามีภรรยารู้สึกสบายใจมาก จนกระทั่งฉางยวี่หูโทรมาหาโหวซีหลิ่งเพื่อมาเตือนว่าอย่าลืมเวลาที่นัดกันเอาไว้ แต่คุณนายโหวก็ยังรู้สึกติดใจที่ได้คุยกับเธอ จึงได้เชิญเจียงเซ่อว่าถ้ามีเวลาก็มาเป็นแขกที่บ้านอีกก็ได้

โหวซีหลิ่งได้เตรียมสั่งจองโต๊ะในร้านอาหารแบบดั้งเดิมเอาไว้แล้ว ตำแหน่งร้านไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตเมืองที่เฟื่องฟูแต่กลับซ่อนตัวอยู่ตรงใจกลางเขตซื่อเหอหยวน

เขาอายุมากแล้ว แต่เวลาออกไปไหนมาไหนก็จะเดินเอา นอกเสียจากว่าสถานที่ที่จะไปมันไกลจริงๆ เขาถึงจะนั่งรถประจำทางไป เป็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากๆ

ร้านอาหารอยู่ห่างจากบ้านโหวไม่ไกลนัก เดินไปแค่อีกสองตรอกก็ถึงแล้ว ในตอนที่ทั้งสองเดินไปถึง ก็บังเอิญเจอกับฉางยวี่หูที่มาถึงพอดีเช่นกัน