webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

073

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 73 สายโทรเข้า

การแนะนำของผู้ช่วยหลีก็เป็นสิ่งทีเจียงเซ่อกำลังคิดอยู่ในพอดี สัญญาแปบเดียวก็ได้มาแล้ว ก่อนที่จะไป เจียงเซ่อยังได้เชิญผู้ช่วยหลีมาทานข้าวด้วยกันด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนเรื่องก่อนหน้านี้ แต่ทว่ายังมีเรื่องยุ่งๆ ที่ถอนตัวออกมาไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังเดินมาส่งเจียงเซ่อถึงหน้าลิฟต์ด้วยตัวเอง

หลังจากที่เซ็นสัญญากับบริษัทซ่างเจียไปแล้ว ในวันจันทร์ทางบริษัทซ่างเจียก็ได้โอนเงินสามสิบเปอร์เซ็นต์แรกมาให้เธอ

หลังจากที่เจียงเซ่อได้เงินมาแล้ว เธอก็เลือกที่จะโทรออกไปหาเจ้าขอหอพักข้างนอก จ่ายค่าเช่าไปสามเดือน วันเสาร์ช่วงเช้าเธอมีเรียน ตอนบ่ายเรียนเสร็จเธอก็ตัดสินใจไปที่บ้านครอบครัวตู้ คิดว่าจะไปเยี่ยมโจวฮุ่ยเสียหน่อย

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับครอบครัวตู้ แต่ตั้งแต่ที่เธอเกิดมาเป็นเจียงเซ่อ แน่นอนว่าเธอคงไม่หลีกหนีผู้ปกครองของตัวเองไปตลอดหรอก

ออกจากบ้านมาได้ระยะหนึ่ง ห้องนอนที่เคยเป็นของเจียงเซ่อก็ได้ถูกรื้อไปนานแล้ว เตียงเหล็กข้างในก็โดนลากออกมา หลังจากที่รู้ว่าเจียงเซ่อได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งแล้ว และคงไม่กลับมาที่บ้านอีก ใบหน้าของหล่อนก็ดูโล่งใจเป็นอย่างมาก

หล่อนเพิ่งค้นพบว่าตัวหล่อนเองไม่ได้เข้าใจในตัวลูกสาวคนโตเสียเท่าไหร่เลย อาจจะเป็นเพราะว่าการที่เธอแต่งงานรอบที่สอง ชีวิตการเป็นอยู่ของเธอก็ฝากเอาไว้ที่ครอบครัวตู้ทั้งหมด เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องห่างจากเจียงเซ่อออกมา

ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เจียงเซ่อมักจะโต้เถียงกับหล่อนเสมอ ไม่เชื่อฟังหล่อนเลยสักนิด แต่หล่อนก็ยังพูดสอนเธออยู่เสมอ

แต่ทว่าตอนนี้ลูกสาวเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เวลาที่หล่อนอยู่กับลูกสาวคนโตตนนี้ หล่อนก็ไม่เคยได้พูดอะไรออกมาอีกเลย

หล่อนนึกถึงตอนที่เจียงเซ่อขนของออกจากบ้านครอบครัวตู้ได้ดี มันเป็นเพราะว่าตอนนั้นตู้หงหงได้เอาหนังสือแจ้งการสอบเข้ามหา’ลัยของเจียงเซ่อไปทิ้งโดยพละการ ตอนนั้นโจวฮุ่ยเองก็คิดว่าอย่างเจียงเซ่อคงไม่มีทางที่จะจ่ายค่าเทอมมหา’ลัยเองได้หรอก เลยไม่ได้สนใจการกระทำของตู้หงหงในตอนนั้นเลย

แต่ก็เพื่อไม่ให้สองพี่น้องมายืนเถียงกันอีก ตอนนั้นเธอเลยไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา

ตอนนี้ได้มาเห็นเจียงเซ่อแล้ว พอนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมาก็รู้สึกอึดอัดใจทุกที

เจียงเซ่อนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนต่างไม่ได้พูดอะไรกัน โจวฮุ่ยเหลือบมองไปที่นาฬิกาบนพนังบ้าน จากนั้นหล่อนก็พูดขึ้นมาด้วยความลังเล

“เดี๋ยวคุณอาตู้ก็จะกลับมาแล้วนะ......”

ท่าทางและอารมณ์ของเธอดูกระวนกระวายมากๆ คำพูดของหล่อนเองเจียงเซ่อก็เข้าใจมัน

“เขาไม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะกลับมา” โจวฮุ่ยถูมือไปมา เจียงเซ่อเองก็รีบตอบ

“หนูเองก็มาแบบกะทันหัน แค่อยากจะมาดูน่ะค่ะ เดี๋ยวที่มหา’ลัยก็มีงานอีก อีกแป๊บเดียวก็จะไปแล้ว”

พอโจวฮุ่ยได้ยินอย่างนั้น ใจของหล่อนก็กลับมาที่เดิม

ตู้ชางฉวินไม่ชอบเจียงเซ่อ หลังจากที่เธอไปแล้ว เขากลับยิ้มออกมาด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ วันนี้เจียงเซ่อก็โผล่มา ถ้าเย็นนี้บนโต๊ะกินข้าวมีคนเพิ่มมาอีกคน หล่อนก็รับประกันไม่ได้เลยว่าสามีหล่อนจะโมโหขึ้นมาหรือเปล่า

พอได้ยินว่าเจียงเซ่อจะไม่ได้ค้าง โจวฮุ่ยก็พยักหน้ายิ้มๆ

“ที่มหา’ลัยมีงานหรือ งั้นลูกก็รีบกลับไปเถอะ อย่ามาเสียเวลาเลย”

เจียงเซ่อพยักหน้า ใบหน้าของเธอเองก็เหมือนมีเรื่องอะไรในใจ แต่สุดท้ายก็บอกลาและออกจากบ้านครอบครัวตู้มา

ตอนนี้ที่บ้านครอบครัวตู้ไม่ค่อยดีนัก ทุกวันนี้โจวฮุ่ยก็อย่างลำบาก แต่เจียงเซ่อก็ไม่ได้คิดที่จะให้เงินหล่อนอะไร อย่างแรกเลยคือเจียงเซ่อยังอายุน้อย ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน แต่กฎหมายก็ต้องรออีกหนึ่งเดือนถึงจะครบสิบแปด ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว โจวฮุ่ยยังคงต้องให้ค่าเลี้ยงดูเธออยู่ แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะเรียกร้องการเลี้ยงดูจากหล่อน และแน่นอนว่าคงยังไม่ให้เงินตอนนี้

อย่างที่สองคือ เธอรู้ว่าไม่ควรที่จะเปิดเงินทองที่พกติดตัวมาให้หล่อนดู เธอยังไม่แน่ใจว่าถ้าโจวฮุ่ยรู้ว่าเธอมีเงินละก็ หล่อนจะขอเงินจากเธอเพื่อเอาไปโปะกับเงินครอบครัวตู้หรือเปล่า จึงมาแค่ครู่เดียวก็กลับ

ก่อนหน้านี้ที่เจียงเซ่อคุยกับโจวฮุ่ยมันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง ที่จริงที่มหา’ลัยไม่มีงานอะไร เธอจึงตัดสินใจกลับไปที่หอนอกเพื่อค้างคืนหนึ่ง

ในขณะที่เดินอยู่ก็มีสายโทรเข้ามา มันเป็นเบอร์แปลก เธอเพิ่งจะกดรับเท่านั้น เสียงปลายสายที่เสียงเหมือนโหวซีหลิ่งก็พูดขึ้นมา

“หนูเจียงเซ่อ จำได้ไหมเอ่ยว่าฉันเป็นใคร?”

“อาจารย์โหว?”

เจียงเซ่อเกิดความสงสัยและแปลกใจขึ้นมาทันที วันนั้นที่อยู่ในห้องแคสติ้ง เธอเคยเจอโหวซีหลิ่งครั้งหนึ่ง ตอนนั้นโหวซีหลิ่งยังพูดเอาไว้ว่าจะเชิญเพื่อนสนิทอย่างรุ่นพี่อาวุโสมาสอนการแสดง

แต่ว่านั้นที่ออกมาจากบริษัทซ่างเจีย เธอก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าโหวซีหลิ่งอีกเลย ทั้งสองก็ไม่ได้ขอเบอร์กันไว้ เจียงเซ่อเองก็เข้าใจว่าโหวซีหลิ่งต้องงานรัดตัวมากแน่ๆ และเรื่องนี้เองเขาก็คงแค่หลุดปากออกมาเฉยๆ ไม่นานก็คงจะผ่านเลยไป เธอจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก

แต่ทว่าพอหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ไม่คิดเลยว่าโหวซีหลิ่งจะเป็นคนโทรมาเองแบบนี้

“ฮ่าๆ สาวน้อยความจำดีจริงๆ”

ในสายนั้น โหวซีหลิ่งมีน้ำเสียงที่ดูมีความสุขมากๆ

“วันนั้นอาจารย์ก็บอกเองไม่ใช่หรือ ว่าจะเชิญอาจารย์ฉางมาสอนการแสดงให้หนู? แต่คนก็อายุมากแล้ว ขี้หลงขี้ลืมไปบ้าง วันนั้นคุยกับหลินซีเหวินจนจบแล้ว อาจารย์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมขอเบอร์หนูเอาไว้”

เขาดูไม่เหมือนคนที่ทำตัวเป็นคนอาวุโสเลยสักนิด กลับกันเขากล้าที่จะยอมรับผิดเองด้วยซ้ำ

“ตอนนั้นคุยเสร็จก็รีบของเบอร์หนูกับบริษัทซ่างเจียทันที ก็เพิ่งจะได้โทรวันนี้ล่ะนะ”

วันนั้นที่ได้ไปแคสติ้ง เขาก็ได้พูดคุยกับเจียงเซ่อตั้งหลายประโยค เจียงเซ่อเองก็รู้สึกประทับใจอยู่ในใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้ที่เธอแทบจะไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ แต่ทว่าโหวซีหลิ่งกลับจำคำสัญญานั้นได้เป็นอย่างดี และถึงกับโทรมาเองด้วย

“อาจารย์โหว ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่อุตส่าห์คิดถึงเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่งานยุ่งแท้ๆ”

โหวซีหลิ่งหัวเราะ

“ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ นั่นล่ะนะ แต่ว่าถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องค่อยๆ จัดการไปทีละเรื่อง” เขาพูดอีกนิดหน่อย ถึงค่อยเข้าเรื่องที่จะพูด

“อย่างนี้นะ อาจารย์ได้ติดต่อคุยกับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้เธอจะไปที่โรงละครแห่งชาติเสียหน่อย ถึงตอนนั้นเดี๋ยวอาจารย์จะไปที่นั่นพร้อมกับหนู หนูพอจะมีเวลาหรือเปล่า?”

เจียงเซ่อที่ได้ยินถึงโอกาสดีๆ อย่างนั้นเธอก็ดีใจขึ้นมาทันที และรีบตอบรับออกไป

เธอตกลงกับโหวซีหลิ่งเอาไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปเจอกันที่บ้านอาจารย์โหว เขาจะเชิญฉางยวี่หูมาทานมื้อเที่ยงด้วยกันกับเขาและเจียงเซ่อ จากนั้นช่วงบ่ายก็จะไปที่โรงละครแห่งชาติด้วยกัน

พอเจียงเซ่อวางสายไปแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

ตอนนี้บนรถไฟใต้ดินมีผู้คนไม่มากนัก แต่ก็มีไม่น้อยที่แอบมองเจียงเซ่ออย่างเงียบๆ มีกลุ่มวัยรุ่นที่แอบมองเจียงเซ่อไปด้วย พลางกระซิบกระซาบไปด้วย ต่างพากันเดาว่าเธอเป็นนักแสดงของสังกัดไหนกัน พอลองนึกๆ กันดูแล้วก็ยังไม่แน่ใจนัก

พอกลับมาถึงที่หอ เวลาก็ยังไม่ดึกนัก เจียงเซ่อจึงตักสินใจหยิบบท ‘The Occasion of Beiping’ ขึ้นมาอ่าน

หลังจากที่เซ็นสัญญาไปแล้ว ทางบริษัทซ่างเจียก็เตรียมบทของ ‘โต้วโค้ว’ ที่นอกเหนือจากฉากเดี่ยวให้เธอเพิ่ม มันเป็นบทที่ก่อนหน้านี้ที่เธอยังได้ไม่ครบนั้นเอง

ตอนกลับไปที่บ้านก็ได้อ่านไปแค่ครึ่งหนึ่ง ยังไม่จบเลย

พอได้อ่านบทของ ‘โต้วโค้ว’ ในเรื่องแล้ว เธอก็รู้สึกอยากจะถอนหายใจออกมา แต่พอได้บททั้งหมดมาอยู่ในมือแล้ว ก็เห็นภาพรวมของเรื่องมากขึ้น พระเอกในเรื่องอย่างเซียวจือนั้น เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย พ่อแม่ของเขาฝากความหวังกับเขาเอาไว้มาก ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ของเขาก็ให้เขาอ่านหนังสือตำราที่ควรจะอ่านมากมาย และได้หาภรรยาที่คู่ควรต่อวงศ์ตระกูลเอาไว้ด้วย

แต่ตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่กำลังอำนาจของประเทศนั้นอ่อนลง ประเทศชาติกำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขารู้สึกทุกข์ใจกับชนชาติที่ล้าหลังเป็นอย่างมาก ตอนที่เขาอยู่ในโรงเรียนเขาก็แข็งขันไม่น้อย เพื่อชนชาติและประเทศที่จะก้าวไปข้างหน้า