webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

071

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 71 ความรู้สึกดีๆ

ดังนั้นตอนที่โหวซีหลิ่งยืมประโยค ‘ลาก่อน’ ของโจวชิงซงมา มันก็เป็นวิธีของนักเขียนแก่ๆ คนหนึ่ง ที่ต้องการจะบอกลานักอ่านที่รักเขาจริงๆ

ก็อย่างที่โหวซีหลิ่งได้พูดไป เขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าในหลายปีที่ผ่านมานี้ จะได้มาอยู่ในห้องแคสติ้งนักแสดง และได้ฟังเด็กสาวที่ยังอายุน้อยมาพูดถึงความคิดในใจของเขาขึ้นมา

แววตาของเขาเผยความอ่อนโยนออกมามากกว่าเดิม การกล่าวอำลาของเขาโดนเจียงเซ่อจับได้เสียแล้ว และนั่นก็ยิ่งทำให้โหวซีหลิ่งประทับใจในตัวเธอมากขึ้นไปอีก

“ดังนั้นบทหนังเรื่องนี้ มันเป็นการเขียนบทครั้งแรกของอาจารย์ และอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเดียวและเรื่องสุดท้ายที่จะได้ไปอยู่บนฉากหนังก็ได้ เพราะฉะนั้นในวินาทีที่ได้เห็นบท ยังไม่ทันได้ดูเนื้อเรื่อง หนูก็มีความรู้สึกที่อยากจะพยายามที่จะเล่นบทนี้ให้ได้ค่ะ”

พูดถึงตรงนี้แล้ว เจียงเซ่อก็หันไปหาหลินซีเหวินทันที

“และต้องขอบคุณผู้กำกับหลินมากๆ สำหรับโอกาสครั้งนี้ ที่ทำให้หนูได้มาลองแคสติ้งดู”

หลินซีเหวินเองก็ได้ยินบทสนทนาของเธอและโหวซีหลิ่งเมื่อกี้นี้แล้ว เขาเองก็ไม่ได้ขัดอะไร โหวซีหลิ่งเป็นนักเขียนที่มีอารมณ์ศิลปินสูง เขาไม่ค่อยให้ความสนใจต่อคนอื่นๆ นัก แต่เขารู้สึกได้ว่าเจียงเซ่อเป็นคนฉลาด เธอสามารถรับรู้ได้ว่าบทสนทนาของเธอกับโหวซีหลิ่งนั้นทำให้หลินซีเหวินนั่งเงียบไป เธอจึงพูดเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนากลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โหวซีหลิ่งเองก็ดูอารมณ์ดี เขาอาจจะไม่ใช่พวกที่พูดคุยเก่งหรือเป็นคนที่ชอบหัวเราะครืน แต่ตอนนี้เจียงเซ่อกลับทำให้เขาต้องหัวเราะออกมาเรื่อยๆ

“ฉันเองก็แปลกใจ ตอนที่ผู้ช่วยหลีได้พบกับเธอ ฉันก็คิดว่าผู้ช่วยหลีคงได้พูดไปแล้ว ในหนังสองเรื่องนี้ ถ้าเธอเลือกบท ‘เทพเจ้าเอ้อหลาง’ ละก็ ค่าตอบแทนก็ยังพูดคุยกันได้” เขาเปลี่ยนท่านั่ง เลื่อนตัวตรงหลังพิงพนัก

“แล้วทำไมสุดท้ายถึงเลือกที่จะเล่นบท ‘โต้วโค้ว’ ของ ‘The Occasion of Beiping’ ล่ะ? ผู้ช่วยหลีคงได้พูดกับเธอแล้ว ว่ารูปร่างและคุณสมบัติของเธอเองก็ไม่เลวเลย”

พอเขาพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา

“ถ้าเทียบกันแล้ว ‘เทพเจ้าเอ้อหลาง’ ค่าตอบแทนก็มากกว่า บทก็เยอะกว่าด้วย”

บทสนทนาของเจียงเซ่อและโหวซีหลิ่งเมื่อกี้ หลินซีเหวินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ยินและเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว แน่นอนว่าคำตอบแบบเดิมคงตอบออกมาไม่ได้อีก

เจียงเซ่อได้ผ่านคำถามในส่วนที่เกี่ยวกับโหวซีหลิ่งไปแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องผ่านของหลินซีเหวินด้วยเช่นกัน

เธอยังไม่ได้รู้จักหรือเข้าใจอุปนิสัยของหลินซีเหวินนัก ผู้กำกับคนนี้อายุพอๆ กับกู้เจียเอ่อ ร่างกายดูอวบๆ หน่อย ไว้ผมแสกกลาง ยิ้มตาหยีมองไปที่เจียงเซ่อ

เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้ปกปิดความคิดในใจของตัวเอง มุมปากของเธอค่อยๆ วาดยิ้มขึ้นมา

“ตอนที่หนูเห็นชื่อของอาจารย์โหว ก็เดาได้ว่าผู้กำกับหลินคงเชิญอาจารย์โหวมาแต่งบท และคงจะต้องให้ความสำคัญกับหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ มากแน่ๆ และคงทุ่มเทความคิดทั้งหมดให้กับหนังเรื่องนี้” เธอพูดออกมาตรงๆ “ในระยะเวลาสั้นๆ แล้ว เรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อหลาง’ นั้นค่าตอบแทนสูง บทพูดก็เยอะ ได้ออกกล้องก็ไม่น้อย สำหรับดาราหน้าใหม่แล้วก็คงจะเป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าหนูอยากจะพัฒนาและเติบโตในวงการนี้แล้ว หนูก็อยากที่มีความก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง เพื่อที่จะเพิ่มพูนความสามารถของตัวเอง”

เธอไม่ได้ปกปิดความคิดในใจของเธอเลยสักนิด แค่ประโยคเดียวก็พูดถึงทั้งโหวซีหลิ่งและหลินซีเหวิน และได้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดในการตัดสินใจของเธอด้วย คำตอบในรอบนี้ก็แตกต่างตรงข้ามจากคำตอบของโหวซีหลิ่งโดยสิ้นเชิง

หลินซีเหวินก็เกิดให้ความสำคัญต่อเจียงเซ่อมากกว่าเดิม เธอไม่ใช่พวกผู้หญิงที่มีแต่สมองกลวงๆ แต่กลับมีความคิดและการวางแผนที่ผ่านการใคร่ครวญมากอย่างดีด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เธอฉลาดมากๆ อีกทั้งยังมีการวางตัวทางความคิด คำพูดและสีหน้าที่ดี เป็นคนที่มีสติเฉียบแหลมแบบนี้แล้ว ถ้าเดินในเส้นทางนี้ คงจะต้องมีอนาคตที่ดีและก้าวไกลได้มากแน่ๆ

โหวซีหลิ่งเองก็ดูชื่นชมในตัวเธอมาก อากัปกิริยาการการพูดจาก็เหมาะสมกับกาลเทศะ แถมยังมีความสามารถในการพูดคุย ฟังแล้วไม่รู้สึกถึงความเคอะเขินหรือไม่เป็นธรรมชาติเลยสักนิด

โดยเฉพาะตอนที่เธอพูดคุย เธอเก่งมากในการนึกถึงคนข้างๆ โดยที่พยายามไม่ให้อีกคนเงียบเหงาเกินไป

และตอนที่เธอพูดจา เธอก็สามารถพูดถึงหลินซีเหวินขึ้นมาอย่างแนบเนียน และตอนที่พูดคุยกับหลินซีเหวินเอง เธอก็สามารถเอ่ยถึงโหวซีหลิ่งขึ้นมาได้เช่นกัน

นี่มันไม่เหมือนกับเด็กสาววัยรุ่นที่เพิ่งจะเข้าปีหนึ่งเลยสักนิด แต่กลับเหมือนหญิงสาวที่เป็นคนในสังคมชั้นสูงที่ได้การอบรมมาเป็นอย่างดีมากกว่า สง่าและงดงาม ลักษณะท่าทางสงบนิ่งไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

หลินซีเหวินพยักหน้า ค่อนข้างพอใจกับคำตอบของเธอไม่น้อย

“การที่เธอวางแผนไว้แบบนั้นก็ถูกแล้ว การเริ่มต้นของนักแสดงนั้นสำคัญมากเช่นกัน” พอเขาพูดจบก็หันหน้าไปมองโหวซีหลิ่ง

“คุณโหวล่ะ คุณคิดว่าไง?”

เขาหมายถึงการแสดงของเจียงเซ่อในบท ‘โต้วโค้ว’ ถามถึงความคิดเห็นของโหวซีหลิ่ง

ความจริงแล้วโหวซีหลิ่งก็ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกที่พึงพอใจในตัวเจียงเซ่อเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขายังคงมีแต่รอยยิ้ม พอได้ยินหลินซีเหวินถามถึงความคิดเห็นของตัวเอง เขาก็หัวเราะ ‘ฮะๆ’ ออกมาเบาๆ

“ฉันคิดว่าสาวน้อยนั้นทำได้ดีมาก ด้านฝีมือการแสดงอะไรพวกนั้นฉันเองก็คงไม่รู้เท่าผู้เชี่ยวชาญอย่างซีเหวินหรอกนะ แต่ถ้าเป็นความเข้าใจต่อบท ‘โต้วโค้ว’ ในเรื่องแล้วละก็ การที่รู้ว่าตัวละครต่างๆ คิดอะไร ถือว่ามีความสามารถมากๆ จุดนี้ถือว่าดีเลย”

การที่เขาพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเขาพอใจกับเจียงเซ่อมากๆ ถึงได้พูดถึงเธอดีขนาดนี้

หลินซีเหวินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สองแขนไขว้กอดอกไว้ข้างหน้า “ฝีมือการแสดงดูยังไม่ชำนาญเท่าไหร่ แต่ยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ ยังไงก็ยังสอนกันได้”

โหวซีหลิ่งเองก็พูดขึ้นต่อ

“สอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งได้ สาวน้อยคนนี้ต้องฉลาดมากแน่ๆ และคงจะเป็นคนที่ขยันไม่น้อย เมื่อกี้ที่เด็กคนนั้นพูดบทขึ้นมา แปบเดียวก็ตั้งสติได้แล้ว สามารถเผชิญต่อสถานการณ์คับขันอย่างนั้นได้ เรื่องการแสดง” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“ฉันมีเพื่อนเก่าคนหนึ่งชื่อฉางยวี่หู แต่ก่อนเล่นละครอยู่ที่โรงละครของหัวเซี่ย ตอนนี้เกษียณไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะลองหาเวลาไปหาเพื่อนเก่าแก่คนนี้เอง ให้เธอชี้แนะสาวน้อยคนนี้เสียหน่อย คงไม่เกินความสามารถของเธอหรอก แล้ว‘The Occasion of Beiping’ ยังมีเวลาอีกประมานหนึ่งเดือนที่จะเปิดกล้อง เวลาน่าจะยังทันอยู่ ซีเหวินล่ะ เธอว่ายังไง?”

หลินซีเหวินตื่นเต้นขึ้นมา “อาจารย์ฉางน่ะหรือครับ?”

ผู้ช่วยหลีที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็มองเจียงเซ่อด้วยความแปลกใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าการที่เจียงเซ่อพูดคุยกับโหวซีหลิ่งแค่ไม่กี่ประโยค ก็สามารถทำให้โหวซีหลิ่งให้ความสำคัญกับเธอได้มากขนาดนี้

ฉางยวี่หูที่โหวซีหลิ่งพูดถึงขึ้นมา เป็นนักแสดงพิเศษของประเทศที่ได้รับราวัลจากรัฐบาลหัวเซี่ย เป็นคนที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากประเทศ ในหัวเซี่ยนี้ พวกคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน น้อยนักที่จะได้รับโอกาสอันทรงเกียรติขนาดนี้

รุ่นพี่อาวุโสแบบนี้ก็ไม่ได้เหมือนกับพวกนักแสดงที่อยู่ในวงการ ถึงขนาดที่ว่าเคยดูถูกต่อพวกนักแสดงในวงการบันเทิงด้วยซ้ำ

ถึงแม้จะมีเงินก็ยากที่จะเชิญคนคนนี้ออกมาได้ การที่โหวซีหลิ่งได้กล่าวถึงจุดนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะไม่ได้อะไรเลยจากการเรียนกับฉางยวี่หู แต่ยังไงซะการที่เธอเคยเรียนกับฉางยวี่หูมาก่อน ก็สามารถใช้ประโยชน์จากการที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ได้แน่นอน อนาคตในวงการบันเทิงของเธอ ผู้กำกับหลายคนคงจะต้องให้ความสำคัญกับเธอแน่ๆ

ถ้าได้บทหนังที่ดีหน่อย ดูความสัมพันธ์และเส้นสายอีกนิด คิดๆ ดูแล้วโอกาสของเธอจะต้องสูงมากแน่ๆ โดยเฉพาะกับการเข้าชิงรางวัลหนัง

พวกคอนแทคแบบนี้ ถึงมีเงินมากมายก็ซื้อไม่ได้หรอก

ในวงการบันเทิงทุกวันนี้ ดาราเองก็มีหลายระดับเช่นกัน ดาราหนังนั้นมีจุดยืนที่สูงกว่าดาราละคร แต่ในวงการละครนั้นก็มีพวกดารานักร้องไอดอลที่ดังเช่นกัน ก็เป็นไปตามลำดับ

พวกนักร้องที่เริ่มจะมีชื่อเสียงแล้วก็หวังที่จะได้เป็นนักแสดงไปด้วย พอได้เป็นแสดงละครทีวี ก็เริ่มสะสมแฟนคลับในการสร้างชื่อเสียงให้มั่นคงขึ้น จากนั้นก็หวังที่จะเข้าสู่วงการหนังภาพยนตร์ต่อไป

แต่นักแสดงในวงการหนังภาพยนตร์นั้นมีมาตรฐานที่ตั้งเป้าไว้สูงมาก คนเหล่านั้นต่างหวังที่จะได้รับรางวัลเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเอง

เมื่อถึงในจุดสถานภาพนี้แล้ว เรื่องเงินทองก็จะตามมา แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก เพราะส่วนมากก็หวังที่จะดังและได้รับชื่อเสียงให้มากกว่านี้ขึ้นไปอีก