webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

063

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 63 สุดความสามารถ

หรือพูดได้ว่า ในหนังของหลินซีเหวินนี้ ขอแค่เจียงเซ่อไม่ปฏิเสธ ยังไงซะก็ต้องมีซักบทที่เธอจะได้เล่น

การที่ผู้ช่วยหลีพูดถึงเรื่องค่าตอบแทนขึ้นมา คงเป็นเพราะเธอเองก็ตัดสินใจไม่ได้ สังเกตจากการรับโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ ความคิดที่จะเสนอเงินค่าตอบแทนให้เจียงเซ่อมากขึ้นคงเป็นของหลินซีเหวินเอง

พอคิดได้แบบนั้น เจียงเซ่อเองก็นิ่งไป

ถึงแม้ว่าผู้ช่วยหลีจะพูด ‘ขอโทษ’ มาแล้ว แต่ขอแค่ตัวเธอเองรู้ข้อจำกัดของบริษัทซ่างเจีย เรื่องนี้ก็ค่อยพูดง่ายขึ้นมาหน่อย

“คุณหลี” เธอมองผู้ช่วยหลีที่เพิ่งนั่งลงบนโซฟาตรงตำแหน่งเดิมของตัวเองด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงการพูดก็ผ่อนคลายลง

“ฉันขอทราบหน่อยได้ไหมคะ ว่านักแสดงในใจของผู้กำกับหลินที่จะได้บท ‘โต้วโค้ว’ ไป เธอเป็นใครหรือ?”

เธอไม่มีท่าทีหรือสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็น แต่กลับพูดถึงคนที่หลินซีเหวินพอใจที่จะให้เล่นบท ‘โต้วโค้ว’ ในเรื่อง ‘The occasion of Beiping’ แทน

ผู้ช่วยหลีมองเธอแวบหนึ่ง แววตาของเธอไม่มีความพยายามยื้อ และกลับดูเยือกเย็นสุขุมเป็นอย่างมาก ถึงจะโดนเธอกล่าวปฏิเสธไปเมื่อกี้ เธอก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจในตัวเจียงเซ่อมากยิ่งขึ้น หล่อนยิ้มแล้วตอบ

“ผู้กำกับหลินค่อนข้างให้ความสำคัญต่อบท ‘โต้วโค้ว’ มาก ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยได้ยินผู้กำกับหลินพูดเอาไว้ ว่าสนใจที่จะให้เย่หยิงเฟยเป็นคนเล่นบทนี้น่ะค่ะ”

เจียงเซ่อเองก็พอรู้จักเย่หยิงเฟยอยู่ หล่อนเป็นดาราสาวที่มีชื่อเสียงทางด้านภาพลักษณ์ที่แสนเซ็กซี่มากๆ คนหนึ่ง

ข่าวอื้อฉาวที่เกี่ยวกับเธอก็มีอยู่ตลอดเวลา ตอนที่เป็นเฝิงหนานเธอก็พอเห็นข่าวและได้ยินมาอยู่บ้าง

ไม่ว่าเธอจะได้ร่วมงานกับดาราชายไหนๆ ในวงการ ดาราชายคนนั้นก็จะมีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์กับหล่อนเสมอ ถ้าพูดในอีกด้านหนึ่ง เพราะเย่หยิงเฟยเข้าวงการมาพร้อมกับภาพลักษณ์เซ็กซี่อยู่แล้ว ก็คงเป็นความจริงที่หล่อนจะเหมาะสมกับบท ‘โต้วโค้ว’ ในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’

เพราะถึงแม้จะไม่มีฝีมือในการแสดง ท่าทางลักษณะของเย่หยิงเฟยก็คงสามารถทำบทนี้ให้ออกมาดีได้อยู่แล้ว

เธอลอบถอนหายใจออกมา ถ้าหากคนที่ได้มารับบท ‘โต้วโค้ว’ คือเย่หยิงเฟยละก็ งั้นการที่หลินซีเหวินตั้งใจที่จะหานักแสดงด้วยตัวเอง บทบาทนี้ก็คงจะสำคัญมากแน่ๆ

ผู้ช่วยหลีผายมืออก แสดงท่าทางว่าทำยังไงได้ล่ะ “ผู้กำกับหลินเคยพูดเอาไว้ เพราะคุณคือนักแสดงที่ผู้กำกับกู้เป็นคนแนะนำมาเอง ดังนั้นในหนัง ‘เทพเจ้าเอ้อหลาง’ จึงมีถึงสองบทที่ให้คุณได้เลือก” พอหล่อนพูดถึงตรงนี้ก็ชี้ไปที่เอกสารบทหนังที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้า

“ไม่ว่าคุณจะเลือกบทไหน เรื่องค่าตอบแทนก็สามารถเสนอตัวเลขที่คุณพอใจมาได้เลยค่ะ”

แน่นอนว่างเงินเป็นแรงดึงดูดที่ได้ผลที่สุด ผู้ช่วยหลีอยู่กับผู้กำกับหลินมานานหลายปี ดารานักแสดงนิสัยแบบต่างก็เจอมาไม่น้อย และหล่อนก็เคยได้นั่งพูดคุณเจรจากับพวกดาราเหล่านั้นมานับไม่ถ้วน

หรืออย่างดาราหน้าใหม่อย่างเจียงเซ่อ ยังไงก็คงคล้อยไปตามกับเงินค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแน่นอน

ยิ่งยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่แล้วด้วย งานที่มีอยู่ในมือคงมีไม่มากนักหรอก ยิ่งโดยเฉพาะเจียงเซ่อที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับค่ายไหนเลย เรื่องทุกอย่างก็ต้องเป็นตัวเธอเองที่ต้องมาเจรจา

การที่ได้สัญญาหนังที่ดีแบบนนี้ ยังไงก็คงไม่มาเรื่องมากกับของแบบนี้หรอก ยิ่งได้เพิ่มค่าตอบแทนไปด้วยแล้ว ยังไงซะผู้ช่วยหลีก็ต้องสามารถทำให้เจียงเซ่อรับเล่นหนังให้ได้

แต่ทว่าเจียงเซ่อกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ พอได้ยินว่าเงินค่าตอบแทนจะเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้ เธอกลับนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วเปิดบท ‘The Occasion of Beiping’ ออกมาดูอีก

“คุณหลี ในบทนี่ นอกจากชื่อของผูกำกับหลินแล้ว ยังมีชื่อผู้เขียนบทโหวซีหลิ่งด้วย ใช่อาจารย์โหวหรือเปล่าคะ?”

ถึงแม้ว่าบท ‘โต้วโค้ว’ ในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ จะเป็นบทที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ และเจียงเซ่อเองก็มีความลังเลกับบทนี้อยู่บ้าง แต่สำหรับเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อหลาง’ เธอจะไม่รับแสดงแน่นอน

ผู้ช่วยหลีที่ได้ยินเจียงเซ่อพูดถึงผู้เขียนบทขึ้นมา ความแปลกใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหล่อน “ใช่ค่ะ ไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้จักอาจารย์โหวด้วย”

เจียงเซ่อพยักหน้า

“ถ้าพูดถึงอาจารย์โหวละก็ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นพี่อาวุโสของฉันเลยละค่ะ งานเขียนของเขาในปีที่ผ่านๆ มา ฉันเองก็ได้อ่านมันมา และฉันก็ชอบผลงานของเขามากๆ เลย”

พอเธอพูดอย่างนั้น ผู้ช่วยหลีก็แปลกใจเป็นอย่างมาก

เมื่อยี่สิบปีก่อนโหวซีหลิ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เนื้อหางานเขียนหนังสือของเขามีความหมายและมีคุณค่าอย่างที่สุด แต่มันก็ไม่ได้รับความนิยมแล้วในสมัยนี้

เด็กหนุ่มสาวอย่างเจียงเซ่อแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเคยได้อ่านหรือเปล่าหรอก ไม่แน่ว่าแม้แต่ชื่อก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร ไม่น่าเชื่อว่าเจียงเซ่อจะพูดถึงโหวซีหลิ่งขึ้นมา

ผู้ช่วยหลีแอบตะลึงอยู่ในใจ สายตาก็พลางประเมินเจียงเซ่อที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย

“รุ่นพี่อาวุโส? คุณเองก็เคยอ่านหนังสือของอาจารย์โหวอย่างนั้นหรือ?”

เจียงเซ่อยิ้ม

“ใช่ค่ะ ปีที่อาจารย์โหวจบจากคณะวรรณกรรมของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งมา ในปีเดียวกันก็ยังได้รับเชิญให้ไปกล่าวสุนทรพจน์อยู่เลยนะคะ เสียดายที่ตอนนั้นฉันยังเด็กเกินไป เลยไม่ได้ไปฟังอาจารย์โหวกล่าวด้วยตาตัวเอง”

ผู้ช่วยหลีตะลึงงันไปในทันที

“คุณเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งหรือ?”

เจียงเซ่อพยักหน้าเบาๆ เอาบทที่อยู่ในเข้าไปกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ปีนี้เพิ่งเข้ามาเป็นปีหนึ่งค่ะ หนังสือของอาจารย์โหวมีความหมายที่ดีมากๆ น่าเสียดายที่พักหลังๆ มานี้ไม่ค่อยได้เขียนแล้ว”

หลายปีมานี้คณะวรรณกรรมโบราณเองก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจนัก ถึงแม้ว่าโหวซีหลิ่งจะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่สามารถสู้คนอาชีพเดียวกันในสมัยนี้ได้แล้ว

หนังสือที่เคยเป็นกระดาษก็เริ่มกลายเป็นพวกอี-บุ๊คส์ไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะในมือถือ คอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาสิ่งต่างๆ ได้ หรือแม้แต่นิยายในรูปแบบหลากหลาย ธุรกิจการจัดพิมพ์ต่างก็ไม่อาจฝืนกระแสได้ โหวซีหลิ่งและนักเขียนคนอื่นๆ ต่างก็ต้องผ่านวันเหล่านั้นมาอย่างอยากลำบาก

หลายปีมานี้เขาจึงไม่ค่อยได้เขียนหนังสืออีก หรือแม้แต่หนังสือเล่มล่าสุดวางจำหน่ายไป ผลตอบรับที่ออกมาก็ไม่เป็นไปตามที่หวังนัก ในตอนที่หลินซีเหวินไปหาเขา เขาก็กำลังคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่อยู่พอดี

ถ้าเจียงเซ่อสามารถพูดออกมาได้ขนาดนี้ ก็แสดงว่าเธอรู้จักโหวซีหลิ่งจริงๆ ไม่งั้นคงไม่พูดออกมาส่งๆ หรอก

“อาจารย์โหวไม่ใช่จะเชิญมาง่ายๆ ครั้งนี้กว่าผู้กำกับหลินจะเชิญเขามาได้ เรียกได้ว่าทุ่มความจริงใจครั้งใหญ่ให้เลยก็ว่าได้ค่ะ”

วันนี้ที่ผู้ช่วยหลีได้มานั่งพูดคุยกับเจียงเซ่อ ยิ่งคุยก็ยิ่งได้รับความแปลกใจมาอยู่เรื่อยๆ

สาวสวยดาราหน้าใหม่คนนี้ไม่ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนสอนการแสดง เธอก็ไม่ใช่พวกที่จะมาแสดงเป็นตัวประดับด้วยสิ แถมเธอยังสอบติดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งอีกด้วย ถือเป็นบุคคลที่มีความสามารถจริงๆ ทั้งสวยทั้งเก่ง เพียบพร้อมไปทั้งสองด้าน

ความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อเธอเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก และแน่นอนว่าเป็นความรู้สึกที่ดี พูดไปสองสามประโยคหล่อนก็เกิดความลังเลไปครู่หนึ่ง

“ถ้าเป็นอาจารย์โหวจะต้องดีใจแน่ๆ ที่มีเด็กชอบผลงานของเขา เรื่องบทนี้......”

ผู้ช่วยหลีชี้ๆ ไปที่บท ‘โต้วโค้ว’ ของเรื่อง ‘ The Occasion of Beiping’ หล่อนขมวดดิ้วแน่นและกัดริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

“ฉันจะลองช่วยถามดูอีกทีนะคะ เผื่อว่าผู้กำกับหลินจะเปลี่ยนใจแล้วนัดคุณมาอีกที”

โหวซีหลิ่งเป็นผู้แต่ง ยังไงก็ต้องมีนิสัยของผู้แต่งอยู่แล้ว

เจียงเซ่อกำลังเดา ในหนังสองเรื่องที่หลินซีเหวินกำลังจะถ่ายทำ เรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อหลาง’ นี่เหมือนจะเป็นอะไรที่อลังการ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ การลงทุนก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ก็แค่รีบๆ เตรียมการหาต้นทุนเอาไว้ พยายามคิดมุขที่จะทำเงินตามที่คิดไว้เท่านั้นเอง

แต่เรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ไม่เหมือนกัน หนังเรื่องนี้ก่อนที่หลินซีเหวินจะเริ่มถ่ายทำ เขาก็ได้เตรียมการที่จะดึงโหวซีหลิ่งออกมาอย่างยากลำบาก

โหวซีหลิ่งไม่ค่อยคุ้นกับตลาดของเด็กสมัยนี้นัก แต่เขาก็เป็นถึงนักเขียนเกี่ยวกับวัฒนธรรม ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนจุดยืนกันบ้าง

ทั้งหัวเซี่ยฟิล์มหรือคณะกรรมการป๋ายฮวาอี้ซู่ทั้งหลาย จากสิบคนก็คงมีสักเจ็ดแปดคนแล้วที่มีเอี่ยวในการช่วยดึงตัวเขามาไม่มากก็น้อยละนะ

คณะกรรมการป๋ายฮวาอี้ซู่ไม่ชอบหนังที่เอาแต่ทำเงินอย่างเดียวแต่เนื้อหากลวงโบ๋ และยิ่งเป็นโหวซีหลิ่งที่มีความคิดความอ่านลึกซึ้งและมีผลงานแฝงความหมายด้วยแล้ว