webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

055

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 55 ซัดแหลก

ก่อนหน้านี้ที่เหยาเสียงได้เจอเซ่อก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเขาก็ถูกความสวยของเธอดึงดูดจนทุกวันเอาแต่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา

แต่ทว่าบทบาทที่เธอเล่นใน ‘ฝันที่เป็นจริง’ ไม่ได้สำคัญอะไร ถ่ายวันเดียวก็เสร็จแล้ว โปรดิวเซอร์อย่างเหยาเสียงจึงไม่ได้เริ่มทำความรู้จักเธอเสียที เขาถึงได้พะวงถึงเธออยู่ในใจเสมอ

ตั้งแต่เข้างานปิดกล้องมานี่เขาก็จ้องเจียงเซ่อมาโดยตลอด แต่ยังไม่ทันได้ให้เจียงเซ่อดื่มเหล้าแสดงความเคารพเลยด้วยซ้ำ เจียงเซ่อก็หาข้ออ้างหลบไปได้อย่างลื่นไหล

เหยาเสียงเองก็เคยมีประสบการณ์ที่ไปตามรั้งพวกดาราแบบนี้เอาไว้ และสุดท้ายเขาก็จับเธอได้ว่าอยู่หน้าลิฟต์แล้ว

“เพิ่งทานไปครึ่งรายการอาหารเอง ทำไมจะกลับแล้วล่ะ?”

เข้าตั้งใจจะยื่นมือมาดึงตัวไว้ แต่ลิฟต์ก็มาพอดี ประตูลิฟต์นั่นค่อยๆ เปิดออก

ข้างในนั้นมีคนสองคนยืนอยู่ เจียงเซ่อรีบเบี่ยงตัวเข้าไปข้างใน เธอยิ้มแล้วตอบกลับ

“พี่เหยา กระโปรงฉันเลอะน่ะค่ะ ไม่กล้าไปขัดอารมณ์ของพวกคุณหรอก”

เธอชี้นิ้วไปที่กระโปรงที่เป็นรอย เหยาเสียงรีบรั้งสกัดประตูลิฟต์เอาไว้ ทำให้ประตูไม่ยอมปิดลง แล้วเขาก็คิดที่จะเข้ามาดึงเจียงเซ่ออีกครั้ง

“เช็ดๆ มันหน่อยก็ได้แล้วนี่ ข้างในงานเลี้ยงนั่นมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้าเธอมาเดี๋ยวฉันจะช่วยแนะนำให้ได้นะ”

เจียงเซ่อขมวดคิ้วแล้วนิ่งไป ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เผยอี้ที่อยู่ในลิฟต์ก็ทนไม่ไหวพูดขึ้นมา

“ไสหัวออกไป”

ตอนที่เขาโดนเนี่ยต้านผลักๆ ดันๆ เข้ามาในลิฟต์ ตอนนั้นเขากำลังคิดถึงเฉิงหรูหนิงขึ้นมาพอดี และตอนนี้เขาก็กำลังอารมณ์ไม่ดีมากๆ ด้วย

ยิ่งพอลิฟต์ลงมาแค่ไม่กี่ชั้น ก็ต้องมาเจอสองคนนี้ดึงยื้อกันไปมาอย่างน่ารำคาญอีก

พอเจียงเซ่อเห็นว่าเป็นเผยอี้ ยังไม่ทันได้แปลกใจ เธอก็เกิดคิดแผนที่จะหลุดจากสถานการณ์นี้ได้

ก่อนหน้าที่ที่ได้คุยกับไต้เจียข้างล่างนั่น ได้รู้มาว่าคนคนนี้เป็นคนต่ำทราม ถ้าอยากจะอยู่ในวงการบันเทิง ยังไงซะก็อย่าไปผิดใจกับเขา

เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พอเงยหน้ามองเผยอี้แวบหนึ่ง เธอก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เขาดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

เนี่ยต้านเอียงหน้ามามองเจียงเซ่อแล้วยิ้มๆ

“ไง คนสวย” เขาโบกมือ “พวกเธอออกไปก่อนก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวค่อยเรียกลิฟต์ใหม่”

เจียงเซ่อจำเนี่ยต้านได้ เขาเป็นหลานของตระกูลเนี่ยที่เป็นทหารเหมือนกัน และเป็นเพื่อนกับเผยอี้มาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อก่อนเฝิงหนานเองก็เคยเห็นเขา

เนี่ยต้านอายุน้อยกว่าเผยอี้สองเดือน และน้อยกว่าเธอห้าปีกว่า แต่ก่อนเขาเคยพูดน้ำเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยแบบนี้ใส่เธอที่ไหน?

ทุกครั้งที่เจอกัน เขาก็จะเรียกเธออย่างเคร่งครัดว่า ‘พี่เฝิงหนาน’ แบบนี้มาตลอด

เจียงเซ่อเองก็ยิ้มตอบ เธอตั้งใจเดินเข้าไปหาเหยาเสียง ทำท่าทีว่ากำลังกลัวเผยอี้และเนี่ยต้านเป็นอย่างมาก

“พี่เหยา งั้นเราออกมาก่อนก็ได้ค่ะ”

ตอนนั้นที่ไต้เจียไม่รับบุหรี่จากเขา เขาก็ดูเจ็บใจเป็นอย่างมาก คนคนนี้เป็นคนใจแคบน่าดู แถมดูบ้าศักดิ์ศรีอีกด้วย

พอเจียงเซ่อพูดแบบนั้น เขาก็รู้สึกไม่ยอมขึ้นมา สาวสวยอยู่ตรงหน้าขนนาดนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด เขาเองก็โดนคนที่ไม่รู้จักกันอย่างเผยอี้มาพูดใส่แบบนี้ ยิ่งไม่รู้จักกันก็ยิ่งกล้าเป็นธรรมดา พอได้ยินเผยอี้พูดแบบนั้น เขาก็เข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ ลิฟต์แล้วชี้ไปที่เผยอี้

“ไอ้หนู จะพูดอะไรก็ระวังๆ หน่อย”

ตอนนี้เผยอี้กำลังอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เหยาเสียงยังกันประตูลิฟต์ไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วตอนนี้ยังกล้ามาข่มขู่เขาด้วย

ที่จริงตัวเองก็อยากจะมีเรื่องเหมือนกัน และพอดีกับที่เหยาเสียงมายืนขวางทางปืนพอดี

เผยอี้กำหมัดแน่น หลังจากนั้นก็กระชากเหยาเสียงเข้าไปในลิฟต์ เนี่ยต้านเองก็รีบกดปิดประตูลิฟต์ทันที แล้วหมัดของเขาก็ซัดไปที่ใบหน้าของเหยาเสียง

ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเคยก่อเรื่องแบบนี้บ่อยๆ จนชินไปแล้ว อีกคนมีหน้าที่ซัดคน อีกคนเป็นคนตามเก็บ

เหยาเสียงที่อยู่ในลิฟต์ถูกซัดจนร้องเสียงแหบเสียงแห้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเซ่อเห็นเผยอี้ซัดคนแบบนี้ เขาดูดุร้ายราวกับหมาป่า ตากระตุกเป็นระยะๆ

แรงเขาไม่ใช่น้อยๆ เลย แขนทั้งแขนคว้ารัดคอเอาไว้ แบบนั้นเหยาเสียงเองก็ขัดขืนอะไรไม่ได้อีก เขาจะต้องถูกขยี้แน่ๆ

ลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปข้างล่าง พวกทีมงานต่างก็อยู่ที่ชั้นเจ็ดกัน ไม่ว่าเหยาเสียงจะร้องจนคอแตกก็คงไม่มีใครมาช่วยเขาหรอก

ก่อนหน้านี้คำพูดของเขายังอวดเก่งอยู่เลย แต่หลังากโดนกำปั้นเข้าไปแล้วเหงื่อก็ไหลท่วมทั้งตัว ล้มลงไปบนพื้นจนตะคริวกินไปหมดแล้ว

เผยอี้เหวี่ยงเท้ากระทืบลงไปบนท้องของเขา เหยาเสียงรู้สึกเหมือนเครื่องในในท้องตัวเองมันบิดไปหมด ราวกับว่าพวกลำไส้ต่างๆ โดดเผยอี้เหยียบจนขาดไปหมดแล้ว

กระทืบไปแล้วสองที เผยอี้ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงเตะเข้าไปอีกที

“ไอ้ขยะเอ้ย!”

เหยาเสียงร้องออกมาเบาๆ เนี่ยต้านนั่งยองลงแล้วกระชากหัวเขาขึ้นมา

“แกบอกให้ใครระวังนะ?”

ตอนนี้เหยาเสียงพูดอะไรออกที่ไหน เขาทำได้แค่หอบหายใจพะงาบๆ อยู่อย่างนั้น เนี่ยต้านดึงผมเขาขึ้นมา หลังจากนั้นก็จับหัวเขาโขกไปบนพื้นลิฟต์จนห้องขนส่งห้องนี้สะเทือนไปหมด

“พูดสิวะ!”

“ผม ผมจะพูดให้ระวังกว่านี้......” ตอนนี้เหยาเสียงไม่ได้เบ่งอำนาจเหมือนตอนแรกแล้ว ดูท่าวันนี้เขาจะเจอของจริงเข้าให้แล้ว โดนเนี่ยต้านจับหัวโขกพื้นขนาดนี้ เขาคงไม่กล้าร้องอีก เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ผม......”

“เสียงเบาไป!”

เผยอี้เหวี่ยงเท้าซัดเขาไปที่ท้องของเหยาเสียงอีกครั้ง เตะจนร่างของเขาแข็งงอ เหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาเต็มไปหมด เขาไอกระอักออกมาหนึ่งที

“ผม ผมจะพูดจาให้ระวังกว่านี้!”

แล้วเนี่ยต้านก็ปล่อยเขาลง ปล่อยให้ล้มนอนตัวอ่อนยวบอยู่ในลิฟต์ แล้วเนี่ยต้านก็ทำท่าปัดมือสองสามครั้ง

“ได้ยินไหม พี่อี้ของฉันบอกว่าแกเป็นไอ้ขยะ!”

เสียงและการเคลื่อนไหวในลิฟต์ทำเอาเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าลิฟต์สังเกตได้ พอประตูลิฟต์เปิดออก พวกเจ้าหน้าที่ก็รีบเข้ามาดู

เหยาเสียงยังคงนอนอยู่บนพื้นลิฟต์ พวกพนักงานในโรงแรมก็รีบโทรหารถฉุกเฉินทันที และก็คนบางส่วนเข้าไปถามเรื่องราวจากเผยอี้และเหยาเสียง แค่ครู่เดียวทั่วทั้งโถงลอบบี้ข้างล่างนี่ก็วุ่นวายไปหมด

เนี่ยต้านเองก็เจอเรื่องแบบนี้บ่อย กับสถานการณ์แบบนี้เขาเองก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร โดนคนล้อมเอาไว้ก็ไม่ลนลาน เขาทำแค่หยิบมือถือขึ้นมา ไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่เชื่องช้าในตอนที่กดโทรออก

อีกครู่หนึ่ง พวกทีมงานที่กินเลี้ยงอยู่ชั้นเจ็ดก็รู้ข่าว รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลใกล้ๆ ก็มาถึงพอดี

หลายคนรีบเอามือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอเอาไว้ เหยาเสียงถูกหามขึ้นรถฉุกเฉินไป เธอที่ยืนดูอยู่ไกลๆ ก็ยกมุมปากขึ้น แววตาเผยความเบิกบานใจออกมา

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

กู้เจียเอ่อที่ลงมาจากงานเลี้ยงมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก ราวกับว่ากำลังพยายามยับยั้งความโกรธของตัวเองอยู่

วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงปิดกล้องหนังของเขา แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก พวกนักข่าวบันเทิงก็มาอยู่ทุกซอกหน้าต่าง และเขาก็พอจะเดาออกว่าพวกนักข่าวจะจะเขียนข่าวหลังจากงานเลี้ยงนี้จบลงยังไง

ที่จริงคนๆ นี้ต้องเป็นคนที่แต่งเพลงให้หนังของเขา หนังก็เพิ่งจะเข้าขั้นตอนการตัดต่อ แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทแบบนี้ขึ้น แล้วเขาจะมีหน้ามาฉีกยิ้มอีกได้ยังไง

ในลิฟต์เจียงเซ่อเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คนของโรงแรมจึงพาเธอไปที่ห้องวงจรปิด ครู่เดียวก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบถามเธอ

“พอลิฟต์มาจอดที่ชั้นเจ็ด แล้วสองคนนี้......” เขาจ้องไปที่เผยอี้และเนี่ยต้านสองคนนั้น แต่ก็ไม่กล้ายื่นมือเขาไปชี้ ถ้าสามารถเดินเข้าโรงแรมรุ่ยจี๋ได้แล้วล่ะก็ ส่วนมากก็เป็นพวกคนรวยๆ กันทั้งนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ที่นี้ ต้องมีความสามารถทางด้านการพิจารณาคำพูดและรู้จักสังเกตสีหน้า เขาดูก็รู้แล้วว่าเผยอี้ดูอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก และคงเป็นฝ่ายเผยอี้นั่นแหละที่ลงมือก่อน แม้แต่ลูกค้าในโรงแรมก็ยังกล้าตีแบบนี้ ตัวเขาเองก็คงจะมีอิทธิพลพอดู