webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

051

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 51 คล้ายคลึง

พอเผยจิ้นหยางถามถึงเธอขึ้นมา อาจารย์หลิวก็ขมวดคิ้วแน่น เผยจิ้นหยางเห็นแบบนั้นก็ยิ้มขึ้น

“คิดไปถึงไหนล่ะเนี่ย?”

เขาเองก็อายุสามสิบกว่าแล้ว ทั้งภรรยาทั้งลูกก็มีพร้อม ที่ถามถึงเจียงเซ่อขึ้นมาก็เพราะว่าเมื่อกี้เหมือนจะเห็นเธอมีท่าทีแปลกๆ ก็เท่านั้น

อาจารย์หลิวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มๆ

“เป็นนักศึกษาที่มาฝึกน่ะ เป็นเด็กเก่ง”

เขามีนิสัยยังไงเผยจิ้นหยางเองก็รู้ดี พอได้ยินเขาพูดชมเจียงเซ่อก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ และหันไปมองเธออีกรอบ

เผยอี้ที่อยู่ข้างๆ กำลังยืนลูบคอตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เผยจิ้นหยางจับเขาเอาไว้ไม่อยู่เลยล็อคคอเพื่อให้เขาเงียบแทน

ประโยคที่เผยจิ้นหยางพูดกับอาจารย์หลิว ก็ดึงดูดให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองเหมือนกัน

เจียงเซ่อนึกถึงแต่ก่อน ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ ดวงตาของเขาต้องประกายระยิบระยับ

อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นหลานของอีกรุ่นหนึ่งเลย อีกทั้งเผยอี้เป็นหลานคนโต เขาจึงไม่มีพี่สาว ดังนั้นเขาก็จะสนิทกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆ

แต่ตอนนี้สายตาของเขาก็แค่ลอบมองดูเจียงเซ่อแค่ชั่วครู่แล้วก็เบนหน้าไปทางอื่นทันที

หลังที่เกิดใหม่มานี้ เจียงเซ่อเองก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เธอกลายเป็นใครคนหนึ่งที่ไม่เหมือนเธอตัวจริงเลยแม้แต่น้อย เผยอี้จะจำเธอไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ทั้งๆ ที่เผยอี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้วแท้ๆ แต่เขากลับแทบจะไม่มองตรงมาที่เธอเลย และนั่นก็ทำให้เธอเกิดรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา

เธอคิดถึงตอนที่เขาไปฝรั่งเศสในคืนนั้น ในตอนนั้นเธอโดนทายาทของเจียงหัวกรุ๊ปมาส่งที่บ้าน เผยอี้เองก็มารออยู่ในบ้าน แต่ทั้งสองคนก็จากกันไม่ดีนัก

ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นละก็ เธออาจจะไม่ไปเถียงทะเลาะกับเผยอี้ก็ได้ แถมยังทำให้รู้สึกเสียใจมาจนถึงตอนนี้ แม้แต่คำขอโทษสักคำก็ไม่มีปัญญาพูดออกไป

เจียงเซ่อสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วบิดฝาขวดน้ำออก เธอควบคุมสติอารมณ์และเก็บอาการตัวเอง พยายามฝืนสงบนิ่งแล้วค่อยๆ นั่งลง

เผยจิ้นหยางมองเธออีก ก่อนจะเอ่ยลากับอาจารย์หลิว

“ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีก ไว้วันหลังค่อยคุยกัน”

เผยอี้เองก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาอยู่ปีสองแล้ว และไม่จำเป็นที่จะต้องไปฝึกกับเด็กใหม่อีก

ถึงเขาจะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ถึงยังไงซะตระกูลเผยเองก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังทหารมานาน ในทุกๆปีเขาจะต้องเข้ามา ‘เรียน’ ที่โรงเรียนทหารระยะหนึ่ง

สำหรับการฝึกของอาจารย์หลิวนั้นถือว่าเบาเกินไปสำหรับเผยอี้ ที่มานี่ก็แค่เห็นว่าเป็นวันหยุด เผยจิ้นหยางเองก็ไม่ได้คิดจะทิ้งเขาไว้ตรงนี้แล้วให้ไปฝึกกับพวกเด็กใหม่

แต่เผยอี้กลับไม่ขยับตัว จู่ๆ เขาก็มองไปทางที่เจียงเซ่ออีกครั้ง คิ้วขมวดเข้าหากันเบาๆ

เธอถือเขาน้ำและค่อยๆ นั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ ถึงจะไม่ได้ดูเป็นท่าทางที่สง่าอะไรนัก แต่ที่ที่เธอนั่งอยู่ตรงนั้นกลับดูแตกต่างจากคนอื่นเป็นอย่างมาก

ลักษณะท่าทางของเธอคล้ายกับเฝิงหนานเป็นอย่างมาก แต่ว่าเฝิงหนานคงไม่ไปนั่งบนพื้นหรอก

“ไปเถอะ” เผยจิ้นหยางยื่นขาไปหวังจะเตะเผยอี้ แต่เขาก็ยังมองไปที่เจียงเซ่ออยู่ จนกระทั่งรู้ตัวว่าเผยจิ้นหยางกำลังจะเตะ เขาจึงกระโดดหลบทันที

ท่าทีของเผยอี้ทำเอาเผยจิ้นหยางต้องขมวดคิ้ว

“ฉันต้องพาแกไปด้วย ยังมีเรื่องต้องทำอีกนะ”

เผยอี้รู้สึกแปลกๆ และอยากจะดูอีกสักรอบ แต่เผยจิ้นหยางที่ทนจนทนไม่ไหวแล้ว ตีเข้าไปที่หลังของเขาแล้วผลักให้เดินไป

เจียงเซ่อได้พักค่อนข้างนาน พอเด็กใหม่คนสุดท้ายที่โดนลงโทษให้วิ่งเสร็จ อาจารย์หลิวก็ใจดีให้ทุกคนพักกันอีกห้านาทีแล้วค่อยเรียกรวมกลุ่ม

การฝึกทหารครั้งนี้ทำเอาพวกที่ถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็กต่างก็ทรหดกันเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่ฝึกทำภารกิจกลับมาที่ห้องพักทุกคนก็จะล้มตัวนอนบนเตียงไม่อยากขยับตัวกันอีก

พอต้นเดือนกันยามาถึงการฝึกทหารก็สิ้นสุดลง ทุกคนต่างรีบขึ้นรถบัสคันใหญ่เพื่อกลับมหาวิทยาลัย ตอนนี้เองที่เจียงเซ่อรู้สึกได้ว่าตัวเองผอมลงด้วย

“ในที่สุดก็ได้ชีวิตกลับคืนมา”

ยวี๋เสี่ยวตานนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนเบาะที่นั่ง และบ่นกระปอดกระแปด “ช่วงที่ผ่านมานี้เหมือนโดนจับมาทรมานเลย”

เด็กสาวหลายคนโดนแดดเผาคนคล้ำไหม้ไปเยอะ บางคนยกกระจกขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้ออกมา และเอาแต่พูดว่าไม่กล้าไปเจอหน้าใครแล้ว

ส่วนรูมเมทสามคนนั้นก็โชคดีที่เจียงเซ่อเตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้ซื้อพวกครีมกันแดดเอาไว้ แต่เพราะว่าวันนั้นที่ทั้งสามเลือกซื้อกันก็เป็นแค่ครีมกันแดดธรรมดาๆ ที่ราคาไม่สูงนัก ฝึกมาตั้งหลายวันก็มีคล้ำขึ้นบ้าง

เฉาซวงมองมาที่เจียงเซ่ออย่างอิจฉา “เซ่อเซ่อ เธอดูไม่เปลี่ยนไปเลยอ่ะ”

ทุกวันที่ออกไปฝึกเจียงเซ่อก็จะคอยเอาน้ำแตะลงบนผิวร่างกายบ้างในเวลาพักพอกลับไปที่พักแล้วเด็กสาวก็ต่างคนต่างนอนแผ่อยู่บนเตียงไม่ยอมขยับ แต่เจียงเซ่อก็ก็กัดฟันทนนั่งมาร์กหน้าและนวดหน้าไปมา หลังจากนั้นก็ไปล้างหน้าอาบน้ำแล้วค่อยกลับมานอน

ตอนนั้นมีเด็กสาวหลายคนมักจะขี้เกียจที่จะดูแลตัวเอง พอตอนนี้มาเทียบกับเจียงเซ่อตอนนี้แล้ว หลังจากที่ฝึกเสร็จ เธอก็ดูไม่เปลี่ยนไปเลย

ตอนนี้เอง เด็กสาวทั้งหลายก็หันมามองและสังเกตผิวของตัวเอง ถ้าไม่เอามาเทียบกันก็ยังพอได้อยู่ แต่พอเอามาเทียบกันแล้วก็เห็นได้ทันทีว่าตัวเองดำขึ้นมาก

พอรถบัสมาถึงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ก็มีพวกรุ่นพี่มายืนรอรับอยู่บ้างแล้ว

ตอนที่เจียงเซ่อเดินลงมา คนที่มารอรับต่างก็พากันเดินเข้ามาหาเธอ

ต้นเดือนกันยายนก็เริ่มเปิดเรียนแล้ว วันนั้นมีหลายคนที่แอบถ่ายรูปเธอเอาไว้ และมันก็ถูกโพสถูกแชร์ไปจนเป็นข่าวดัง

และตอนนี้พวกรุ่นพี่ปีก่อนๆ ก็รู้แล้วว่าคณะประวัติศาสตร์มีสาวสวยเข้ามาเรียน รูปร่างสูงหุ่นดีมากๆ

เจียงเซ่อเองไม่ชอบที่มีคนมาช่วยด้วยท่าทางแปลกๆ แบบนี้เลย แต่เหล่าเด็กสาวสาวทั้งหลายก็อยากจะพึ่งความโชคดีของเธอ พวกรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งรีบเดินแทรกรุ่นพี่ที่เข้ามาก่อนเพื่อมาประจบเอาใจยวี๋เสี่ยวตานและคนอื่นๆ มาช่วยถือพวกกระเป๋าและของต่างๆ กลับไปที่หอให้

หลังจากที่กลับมาจากฝึกและได้พักผ่อนไปสองวัน เจียงเซ่อเองก็เริ่มหายใจได้คล่องขึ้น

เธอคิดว่าคณะประวัติศาสตร์ที่เธอเลือกจะไม่ค่อยมีคนสนใจเสียอีก แต่กลายเป็นว่าพอไปถึงที่ห้องเรียนวันแรก ก็พบว่ามีนักศึกษาจากคณะสาขาอื่นอีกมากมายเข้ามานั่งเลคเชอร์วิชานี้ด้วย

ศาสตราจารย์ที่เข้ามาสอนเองก็ตกใจที่ห้องเรียนมีคนนั่งเต็มไปหมด แถมตรงริมๆ ห้องก็คนมานั่งฟังด้วย

วันแรกของการเรียนจบไปเธอก็กลับมาที่หอ ตอนนี้ในหอมีแค่ยวี๋เสี่ยวตานและเฉินยวี่เวยอยู่ ยวี๋เสี่ยวตานหยิบขนมแล้วขึ้นไปนั่งบนขัดสมาธิบนเตียง

“เซ่อเซ่อ สองสามวันมานี้คณะสาขาของเธอดังมากเลยนะเนี่ย”

เจียงเซ่อเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือแล้วเช็ดหน้า พอเดินออกมาก็ได้ยินยวี๋เสี่ยวตานถามขึ้นมาแบบนั้น

เธอเอียงคอคิด แล้วตอบออกไป “ไม่เห็นรู้สึกนะ”

ประโยคนั้นทำเอาขนมรสเผ็ดที่อยู่ในปากฉุนขึ้นจมูก หล่อนจ้องเจียงเซ่อแล้วตะโกน “ไม่รู้สึกงั้นเหรอ?”

เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดแปลกจนทำให้ยวี๋เสี่ยวตานต้องตกใจขนาดนั้นนี่ วิชาที่เธอเลือกเรียนเป็นสิ่งที่เธอชอบ เวลาเข้าเรียนก็นั่งเรียนอย่างตั้งใจ

พอเกิดใหม่ก็ได้เรียนใหม่อีกรอบ การที่จะได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศการเรียนเป็นสิ่งที่ยาก ได้กลับมาเกิดใหม่เป็นเด็กขนาดนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง เธออยากจะรักษาช่วงเวลาแบบนี้เอาไว้ให้ดีและใช้มันอย่างคุ้มค่า และเธอคงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นหรอก

“เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้สิ?”

ยวี๋เสี่ยวตานวางถุงขนมลง หล่อนนอนแผ่ลงกับเตียงแล้วหันมาจ้องเจียงเซ่อ

หล่อนนอนอยู่ตรงข้ามเตียงชั้นล่างเหมือนกับเจียงเซ่อ หล่อนมองเจียงเซ่ออีกครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดังออกมา เฉินยวี่เวยที่นอนอยู่ด้านบนก็โดนกวนจนตื่น

“ทำไมเหรอ?”

เฉินยวี่เวยถลกผ้าม่านขึ้น แล้วยื่นหัวออกมา ยวี๋เสี่ยวตานก็ตอบ

“ในเพจโรงงเรียนตอนนี้น่ะ มีคนโพสเกี่ยวกับเธอด้วยนะ มีคนเข้าไปสนับสนุนตั้งสองร้อยกว่าหน้าแน่ะ”

หล่อนเลียนิ้ว แล้วก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“เธอไม่รู้สึกเหรอว่าคณะเธอมีคนมาฟังบรรยายเยอะเลยน่ะ”