娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 49 ฝึกทหาร
คำพูดของยวี๋เสี่ยวตานดึงดูดเฉาซวงและเฉินยวี่เวยให้เกิดความสงสัยได้เป็นอย่างดี เจียงเซ่อชะงักนิ่งไป เธอเกิดนึกถึงเพื่อนของคุณปู่เฝิงจงเหลียงขึ้นมา พี่น้องในตระกูลต่างเป็นกองกำลังในตี้ตู ตระกูลเผยเองก็มีลูกหลานที่อยู่ในกรมทหาร ไม่รู้ว่าจะบังเอิญได้เจอบ้างหรือเปล่า แต่ข่าวคราวที่ยวี๋เสี่ยวตานรู้มาก็มีไม่มากนัก เจียงเซ่อใจลอยไปพักหนึ่ง และคิดว่ามันก็คล้ายๆ กับที่เธอหาเจอในเน็ตเหมือนกัน
แต่ว่าถ้าพูดถึงการฝึกทหาร เจียงเซ่อเองก็รู้สึกกังวล
ถึงเมื่อก่อนเธอจะเคยจบจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งเหมือนกัน แต่เพราะว่าตระกูลยังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เธอจึงไม่ต้องไปเข้ารับการฝึกทหารให้ยากลำบาก
ตอนนี้มันเพิ่งจะปลายเดือนสิงหา แสงของพระอาทิตย์ก็แรงมาก ถึงจะไม่รู้ว่าการฝึกทหารจะให้ทำอะไรบ้าง แต่ดูจากสีหน้าของเด็กสาวสองสามคนนี้แล้วดูท่าคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
ยังไงซะเธอก็คิดว่าอาจจะต้องเข้าวงการบันเทิงอยู่บ้าง ไม่ว่ายังไงใบหน้าของเธอก็ต้องดูแลให้ดีเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันตอนที่ไปฝึกทหาร จะได้ไม่โดนแดดเผาจนดำไปเสียก่อน
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็มองเด็กสาวกลุ่มนั้น
“พวกเธอยังต้องซื้ออะไรอีกหรือเปล่า?”
ทั้งสามคนพยักหน้า พวกหล่อนมองของในมือที่ถืออยู่เต็ม แต่ยังรู้สึกว่ายังติดลมอยู่
เธอมองไปที่ป้ายตรงทางเดินทางตะวันตกเฉียงเหนือ ดูเหมือนว่ามันจะมีห้างอยู่ตรงนั้น เป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่
“เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เฉาซวงถามเจียงเซ่อขึ้น เธอพยักหน้าเบาๆ “ฉันอยากจะไปเดินห้างหน่อยน่ะ”
เธอชี้ไปที่ห้างสรรพสินค้า สีหน้าของทั้งสามคนดูลังเลทันที
นอกจากเจียงเซ่อแล้ว ในสามคนนี้มียวี๋เสี่ยวตานคนเดียวที่อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นฐานะทางบ้านคงดีหน่อย
แต่ถึงบ้านจะมีเงินพอ แต่พ่อแม่เธอก็จำกัดค่ากินค่าอยู่อย่างแน่นอน
ถ้าเข้าไปในห้างส่วนมากก็เป็นพวกสินค้ามีแบรนด์ ทั้งเสื้อผ้า ข้างของเครื่องใช้คุณภาพดีๆ ทั้งนั้น แต่ราคาของมันก็แพงตามไปด้วย เพราะทั้งสามคนเลือกซื้อของตามร้านรวงข้างนอกไปแล้วหลายร้อยหยวน พอได้ยินว่าเจียงเซ่ออยากจะไปห้างแล้ว ทั้งสามก็เกิดลังเลขึ้นมา พวกหล่อนอยากไปแต่กลัวว่าเงินจะไม่พอจ่าย
“เจียงเซ่อจะซื้อของอะไรที่นั่นหรือเปล่า?”
พอยวี๋เสี่ยวตานถามแบบนั้น เจียงเซ่อเองก็ไม่ปิดบัง “ฉันอยากจะไปซื้อครีมกันแดดกับโลชั่นบำรุงผิวน่ะ” พอพูดจบก็อธิบายอีกนิดหน่อย “ไปฝึกทหารจะต้องได้ใช้มันแน่ๆ”
ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนก็ไม่นึกถึงตรงนี้เลย พอได้ยินเจียงเซ่อพูดอย่างนั้นก็อยากจะไปห้างด้วยทันที
เจียงเซ่อจ่ายค่าเทอมไปแล้วและตอนนี้เงินก็ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้นตอนที่เลือกซื้อโลชั่นเธอก็เลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
เธอเลือกแบรนด์ของฝรั่งเศสที่ทำด้วยสารจากธรรมชาติ สำหรับนักเรียนนักศึกษานั้น พวกครีมกันแดดราคาไม่ใช่ถูกๆเลย ดีที่อายุของเจียงเซ่อยังน้อย และผิวของเธอก็ยังดีอยู่ ของที่ต้องใช้จึงมีไม่มากนัก พอเลือกพวกครีมโลชั่นต่างๆ เสร็จแล้วก็ไปจ่ายเงิน ทั้งหมดก็หกพันกว่าหยวน ส่วนเด็กสาวคนอื่นๆ ก็เลือกเอาที่ราคาถูกลงหน่อยอย่างพวกเวชสำอาง
การอยู่หอวันแรก เจียงเซ่อคิดว่าเธอจะรู้สึกไม่ชินเสียอีก แต่พออยู่จริงๆ แล้ว หลังจากที่เคยอยู่ในบ้านครอบครัวตู้ก็รู้สึกว่าการอยู่หอก็ยังพอได้ พวกสองสามคนนั้นคงเพราะตื่นเต้นกับการเข้ามหาวิทยาลัยทั้งวันแถมตอนเย็นก็ยังไปเดินซื้อของอยู่นาน พอกลับมาถึงห้องก็เหนื่อยและหลับกันไปเลย
สองวันผ่านไปทางมหาวิทยาลัยก็จัดการฝึกทหารสำหรับนักศึกษาใหม่ขึ้น ทุกคนต่างเก็บสัมภาระเรียบร้อย หลังจากแยกกลุ่มกันเสร็จเรียบร้อยก็ไปที่เขตลานกว้างสำหรับฝึกทหาร
เจียงเซ่อไม่เคยและไม่มีประสบการณ์การฝึกทหารมาก่อน ตอนนี้ในใจเธอเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก พอมาถึงที่เขตฝึกทหารแล้วก็เริ่มจัดกลุ่มเข้าห้องนอนรวม หลังจากนั้นก็มีผู้ดูแลหอมาก็เข้ามาพูดเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ในช่วงเวลาฝึกทหารนี้
คนที่เดินเข้ามาพร้อมรายชื่อสวมเสื้อลายทหาร ดูท่าทางแล้วก็คงเป็นแค่นักศึกษาเหมือนกัน บนริมฝีปากของเขามีไรขนอ่อนๆ ขึ้นด้วย ดูเขายังดูเด็กอยู่เลย พอเห็นเจียงเซ่อเท่านั้นแหละ ขาก็แทบก้าวต่อไปไม่ออก เด็กสาวที่อยู่ในนี้ต่างก็คุยกันเล่นกันเสียงดัง แต่สายตาของเขาก็ยังจ้องที่เธอ
“ช่วงฝึกนี้แดดค่อนข้างแรง พวกเธอจะต้องทำงานและฝึกฝนกลางแจ้งทุกวัน พวกน้ำหอม ยาหม่อง แป้งทาตัว เอามากันแล้วใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนกำลังถามยวี๋เสี่ยวตานอยู่ แต่ทว่าสายตาของเขายังไม่ละจากเจียงเซ่อเลย
เจียงเซ่อนึกถึงกระเป๋าตัวเองที่จัดเตรียมของมาแล้วอย่างเรียบร้อย เธอมักจะชอบเตรียมตัวก่อนนานๆ ดังนั้นก่อนหน้าที่จะมาฝึกทหาร จึงได้สอบถามเกี่ยวกับสิ่งของที่ต้องเตรียมและเตรียมพร้อมมาแล้ว
ครั้งนี้นอกจากครีมบำรุงผิวต่างๆ ครีมกันแดดและยาต่างๆ ต่างเตรียมไว้เรียบร้อย
แต่ทว่าก็มีเด็กสาวหลายคนที่เกิดลนลานไปหมด พอได้ยินเกี่ยวกับสิ่งของที่จะต้องใช้ก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนกันขึ้นมา บางคนก็ลืมนู่น บางคนก็ลืมนี่
ส่วนเจียงเซ่อเองก็ไม่ได้พูดอะไร เด็กสาวบางคนกลุ้มจนก้มหน้าลง และก็ได้ยินอีกหลายคนบอกว่าไม่ได้เอาอะไรมาเลยพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ถ้าพวกเธอไม่ได้เอามาก็มาบอกให้ฉันช่วยซื้อได้ ค่าเดินทั้งหมดเอาแค่ห้าสิบพอ ของอย่างอื่นฉันก็ไม่เอากำไรมากมายจากพวกเธอหรอก”
คำพูดนั้นทำเอาเด็กสาวพากันส่งเสียงตัดพ้อกันเป็นแถว วุ่นวายจนเมื่อมีคนมาเร่ง เด็กสาวเหล่านั้นถึงได้ออกไปอย่างเซ็งๆ
ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาแล้ว แต่พอถึงเวลาที่ได้มาฝึกจริงๆ เจียงเซ่อเองก็รู้สึกว่ามันทรมานและลำบากมากๆ
แดดค่อนข้างแรง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเนื้อย่างที่กำลังถูกวางแผ่อยู่บนเตา แล้วมีเสียงของเนื้อที่โดนความร้อนดังออกมา
การฝึกทหารนี้จะใช้เวลาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาถึงต้นเดือนกันยา นี่มันเพิ่งจะวันแรกเอง เด็กสาวที่กลับมาถึงห้องพักต่างก็พากันร้องโอดครวญอยู่บนเตียง และก็มีตะโกนว่า “จะตายอยู่แล้ว”
ดีที่บริเวณที่โดดแดดของเจียงเซ่อนั้น ฝึกผ่านไปหกวันแล้วแต่ผิวก็ยังไม่โดดแดดเผาจนดำ
อาจารย์ผู้สอนแซ่หลิว อายุน่าจะประมาณสามสิบได้ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวด ทุกครั้งที่ต้องมาเจอและฝึกกับเขาเหล่าเด็กสาวก็จะร้องทุกข์ออกมาไปหยุด
ช่วงเช้านี้เขาก็สั่งให้จัดแถวและให้ไปวิ่งรอบสนามห้ารอบ แต่พอกำลังจะวิ่งครบตามที่กำหนดแล้วก็สั่งให้วิ่งเพิ่มอีกสามรอบเสียอย่างนั้น คนที่วิ่งเสร็จก่อนก็จะได้พักก่อน
สนามของค่ายฝึกทหารมันกว้างมากจริงๆ แค่ได้ยินว่าให้วิ่งห้ารอบ แถมยังโดนลงโทษเพิ่มอีก ทุกคนต่างยอมแพ้และขอให้เขายกโทษให้
แต่เท่าที่เจียงเซ่ออยู่ที่นี่มาแต่ละวัน เธอก็รู้ได้แล้วว่าอาจารย์ผู้สอนคนนี้เป็นคนอย่างไร พอเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว ก็ได้ยินเสียงนกหวีดดังขึ้น
เด็กหลายคนที่รั้งท้ายอยู่หลังสุดต่างก็วิ่งพุ่งขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงนกหวีด
แต่ตัวเจียงเซ่อเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร คนข้างงหน้าเธอก็วิ่งไปเรื่อยๆ อย่างเร่งรีบ แต่สักพักก็ไปอยู่หลังๆ เหมือนเดิมเพราะวิ่งเร็วจนหมดแรง
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วิ่งได้แค่สองรอบ คนที่วิ่งเร็วๆ ไปก่อนหน้านี้ก็วิ่งช้าลงไปเรื่อยๆ กลับกันเจียงเซ่อที่ค่อยๆ วิ่งเร็วขึ้นก็วิ่งนำมาอยู่ข้างหน้า
คนอื่นๆ ก็ต้องกัดฟันวิ่งต่อไป วิ่งได้สี่รอบปากคอก็แห้งไปหมด สายตาก็เริ่มพร่าอีกด้วย แต่สุดท้ายก็วิ่งจนครบห้ารอบ อาจารย์ผู้สอนเป่านกหวีดขึ้น ยกมือให้สัญญาณคนที่วิ่งเสร็จแล้วไปพักก่อน
คนที่วิ่งเสร็จแล้วก็แทบทนไม่ไหวล้มลงไปนั่งกับพื้นทันที
เจียงเซ่อหยุดลงแล้วเดินไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้รีบร้อนที่จะนั่งลง
“เหล่าหลิว” มีใครบางคนตะโกนมาทางนี้ เจียงเซ่อกลับรู้สึกคุ้นเสียงนั้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หันหน้าไปดู
ไม่นานก็มีเสียงวิ่งดังตรงมาทางนี้ หลังจากทักทายอาจารย์หลิวแล้ว อาจารย์หลิวก็ถามถึงจุดประสงค์ของผู้มา ผู้ชายคนนั้นหัวเราะแล้วตอบว่า “ฉันพาแก้วตาดวงใจของท่านของพวกเรามาทักทายน่ะสิ”