webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

044

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 44 ความขัดแย้ง

“ดิฉันแซ่กัวค่ะ นี่คือนามบัตรของฉัน” เธอหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาและยื่นให้เจียงเซ๋อ

“ดิฉันเป็นผู้ช่วยของคุณ Chapman”

เจียงเซ่อรับนามบัตรแผ่นนั้นมา บนกระดาษมีแค่ชื่อ ‘กัวโฉง’ สองตัว นอกนั้นก็มีแค่เบอร์โทรแถวหนึ่ง

แต่ ‘Chapman’ ที่ออกมาจากปากของหล่อนเจียงเซ่อก็รู้จักมันดี นั่นมันเป็นชื่อของประธานบริษัทเปียโนของเขตหัวเซี่ย

แต่ทว่า ถึงแม้แต่ก่อนเฝิงหนานจะรู้จักชื่อของประธานคนนี้ แต่ก็ไม่เคยไปทำความรู้จักหรือทำธุรกิจอะไรเลย เจียงเซ่อมองนามบัตรนั่นอีกครั้ง เธอกำลังคาดเดาว่าที่กัวโฉงรั้งเธอไว้ต้องมีอะไรแน่ๆ

“คุณยังไม่ได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ไหนเลยใช่ไหมคะ?”

หญิงสาวคนนั้นกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สำคัญเป็นอย่างมาก หล่อนยิ้มๆ แล้วยื่นมือไปหาเจียงเซ่อ

“วันนี้ฉันได้เห็นตอนคุณถ่ายหนังแล้วนะคะ ฉันรู้สึกได้ว่าคุณดูเหมาะสมกับเปียโนหลังนี้ของเรามาก”

ความหมายของคำพูดหล่อนทำเอาใจของเจียงเซ่อเต้น และเธอเองก็ยื่นมือไปจับมือกลับ

“ตามที่ฉันทราบมา Steinway ไม่เคยขอให้ดาราหรือหาโฆษกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์มาก่อนเลยใช่ไหมคะ”

กัวโฉงยิ้มขึ้นเล็กๆ และพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ นั่นเป็นเพราะว่าเราเลือกที่จะนำเสนอและทำให้เห็นว่า Steinway คือสัญลักษณ์แห่งเสียงดนตรี ไม่ได้จะแสดงถึงใครที่จะเล่นมันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นนักเปียโนหรือเป็นเกษตรกร หากได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วละก็ ก็เสมือนว่าพวกเขาคือสิ่งที่สวยงามที่สุดของโลกใบนี้มาผนวกรวมเข้าด้วยกันกับเสียงดนตรี”

อย่างไรเสีย ตอนนี้ Steinway เป็นเปียโนที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ที่จริงไม่จำเป็นต้องมีพรีเซ็นเตอร์ด้วยซ้ำ

“แต่ว่า หัวเซี่ยก็มีคำพูดโบราณอยู่ประโยคหนึ่งนะคะ” กัวโฉงผายมือสองข้าง หล่อนสำรวจเจียงเซ่ออีกครั้ง “รูปร่างคุณสูงสง่ามากเลยนะคะ ฉากที่กำลังเล่นเปียโนนั่นช่างงดงามมากจริงๆ”

เจียงเซ่อที่อยู่ตรงหน้าหล่อนมีรูปร่างที่โดดเด่นมาก ไม่ว่าจะก่อนแต่หน้าหรือหลังแต่งหน้า ถึงจะเป็นคนที่ชอบจับผิดขนาดไหนก็คงจะจนปัญญาเพราะหาจุดด่างพร้อยบนใบหน้าสวยๆ นั่นไม่เจอเลย

ยิ่งพอได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้ก็ยิ่งเห็นอะไรๆ ได้ชัดขึ้น หางตาเธอเฉี่ยวขึ้น เวลาที่มองไปที่ผู้คน แฝงไปด้วยความเย้ายวน แต่ท่าทางบุคลิกเธอกลับดูเย็นชา แม้แต่งผู้หญิงที่เพิ่งเจอเธอก็ราวกับว่าจะโดนเธอดึงดูดได้ง่ายๆ เหมือนกัน

“คุณพอจะสะดวกที่จะทิ้งเบอร์เอาไว้ให้ฉันไหมคะ?”

กัวโฉงถือกระเป๋าถือและอมยิ้มถามเธอ

แน่นอนว่าเจียงเซ่อไม่ปฏิเสธโอกาสที่ลอยมาถึงตรงหน้าหรอก จาก Steinway เปียโนที่ไม่เคยใช้พรีเซ็นเตอร์ ถือว่าเป็นเจ้าแรกของโลกที่ทำอะไรแตกต่าง

ถึงแม้ว่าที่จริงแล้วในใจของเจียงเซ่อไม่ได้มีความสนใจวงการบันเทิงนี่เลยสักเท่าไหร่ แต่โอกาสครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่ากัวโฉงจะแค่พูดให้ดูเหมือนมีโอกาสแต่เจียงเซ่อก็จะรับมันเอาไว้อยู่ดี

พอแลกเปลี่ยนเบอร์กับกัวโฉงเสร็จเรียบร้อย เธอเก็บนามบัตรของหล่อนเอาไว้และบอกลาทันที

ตอนที่เจียงเซ่อเดินออกจากห้างไป ชุยซิ่งและจ้าวร่างก็คุยกันเสร็จพอดี

อุปกรณ์ต่างๆ ในกองถ่ายถูกเก็บจนเกือบเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ทุกคนกำลังจัดการกับสถานที่ถ่ายทำ ชุยซิ่งที่ยืนอยู่ก็สอดสายตาไปทั่ว ผู้ช่วยเขาที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันที

“พี่ซิ่ง คนใหม่คนนั้นออกไปแล้วนะ”

คนใหม่ที่เจอในวันนี้สวยมาก ใครๆ จะไม่ชอบมองของสวยๆ งามๆ แบบนี้ ชุยซิ่งเองก็เป็นผู้ชาย ปิดบังความสนใจไม่ได้หรอก

“หรืออยากให้ฉันไปขอเบอร์เอาไว้ไหม?”

ผู้ช่วยถามเขาอย่างระมัดระวัง ชุยซิ่งขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า

“ช่างเถอะ อีกไม่กี่เดือน ’99 Love Letter’ ก็จะมีการโปรโมทแล้วนี่”

ในหนังเรื่องนี้ เขาต้องเล่นเป็นหลี่ชิงหยางที่ตกหลุมรักผู้หญิงในควาฝัน แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะรอคอยใครสักคนที่จะมาอยู่ข้างกายเขาได้จริงๆ

รูปร่างภายนอกของเจียงเซ่อสวยมากนั่นคือความจริง แต่นางเอกของเรื่องจะเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้ว

ชุยซิ่งแค่กำลังรู้สึกเสียดาย แต่ก็ยกแว่วดำขึ้นมาสวม

“เวลาโปรโมททางบริษัทฉันคงจะจัดเวลาที่เหมาะสมให้เอง รวมถึงการทำตัวเป็นคู่จิ้นกับจูพ่านด้วย ช่างเหอะ เดี๋ยวจะดึงดูดความสนใจพวกสื่อมากเกินไป มันจะได้ไม่คุ้มเสีย”

ในตอนที่เจียงเซ่อเดินออกมาจากห้างก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว ฟ้าข้างนอกกำลังเริ่มมืดเลย บนทางถนนฟุตบาธมีไฟหลากสีประดับอยู่มากมายตามหน้าร้านค้าต่างๆ

วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ ที่จริงเธอหิวมาตั้งนานแล้ว ตอนที่อยู่ในห้างก็พยายามอดทนเอาไว้

เธอรู้ว่าร้านอาหารที่นี่มีตั้งหลายร้านที่ขึ้นชื่อและรสชาติก็ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่พอลูบๆ กระเป๋าตัวเองที่มีบัตรเอทีเอ็มดูแล้วก็ได้แต่อดทนหิวต่อไป เธอหาร้านขายขนมหวานเบเกอรี่และซื้อขนมปังมาสองชิ้น นั่งกินให้เสร็จตั้งแต่ในร้านและเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินทันที

พอกลับมาถึงบ้าน พวกครอบครัวตู้ก็กินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว

ตู้โหยวและตู้หงหงสองพี่น้องกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก แม่ของตู้ชางฉวินร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนอนไปตั้งนานแล้ว

ห้องน้ำมีเสียงน้ำไหลอยู่ ส่วนโจวฮุ่ยกำลังทำความสะอาดบ้าน

พอได้ยินว่าเจียงเซ่อกลับมาแล้ว โจวฮุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมา และเรียกเธอทันที

“เซ่อเซ่อ ช่วยแม่เอาขยะไปทิ้งหน่อยสิ” หล่อนเก็บขยะในบ้านมารวมๆ กันในถุงเดียวแล้วโยนมันไว้ข้างๆ โซฟา

สองพี่น้องที่อยู่หน้าทีวีทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่โจวฮุ่ยพูด ทั้งสองกำลังดูการประกวดเวทีอะไรสักย่างที่ดูไม่มีวันจบเสียที

เจียงเซ่อยกถุงขยะนั่นมา ถุงขยะเป็นถุงที่ได้มาจากการซื้อของในตลาด มันเป็นถุงหิ้วพลาสติกใสๆ ธรรมดา ข้างในถุงนอกจากจะมีขยะที่ใช้ในบ้านแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีอะไรอีกอย่างหนึ่งอยู่ในนั้น มันเหมือนเป็นกระดาษแข็งที่ถูกพับๆ เอาไว้ ตรงมุมถุงขยะเองก็ขาดแล้วด้วย

เธอลองเขี่ยๆ ขยะในถุง พอขยะด้านบนมันเริ่มเปิดออกแล้ว ข้างในนั้นก็มีของสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา

มันคือซองเอกสารหนังสือ และมันก็โดนขยะบางส่วนจนเลอะไปบ้างแล้ว ชื่อผู้รับถูกเขียนไว้บนซอง และมันก็เขียนชื่อของเจียงเซ่อไว้อย่างชัดเจน

ตั้งเกิดใหม่มานี้ อาจจะเป็นเพราะยังไม่ชิน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุของตู้หงหง หรือแม้แต่ใบหน้าเย็นชาของตู้ชางฉวินเองก็ตาม เรื่องพวกนี้แทบไม่อยู่ในสายตาเธอเลยด้วยซ้ำ เธอแค่รู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องมันไม่ได้ส่งผลต่อเธอเลยสักนิด จึงไม่เคยโมโหเลย

แต่ตอนนี้ที่ได้มาเห็นพัสดุ คิ้วเธอขมวดแน่นทันที

เธอทนความรู้สึกขยะแขยงแล้วรีบล้วงมือเข้าไปหยิบมันออกมา

ดูเหมือนว่าซองนี้จะโดนแกะแล้วด้วย บนซองพัสดุนั้นมีตัวหนังสือพิมพ์หมึกเป็นชื่อมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง

ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่ามันคือใบเอกสารการรับเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยส่งมาให้

“ใครมาแกะของของฉัน?”

เธอโยนถุงขยะลงบนพื้นแล้วเปิดซองออกมาดูเอกสารที่อยู่ในนั้นและเอามันออกมา

ดีที่เอกสารโดนห่อป้องกันไว้แล้ว นอกจากรอยยับแล้วก็ไม่มีส่วนไหนที่โดนฉีกทำลายไป เธอรีดกระดาษให้เรียบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โจวฮุ่ยที่กำลังจะหยิบไม้กวาดก็ขมวดคิ้ว หล่อนมองเจียงเซ่ออย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ใครทิ้งของของฉัน?”

ในบ้านไม่มีใครตอบสักคน เจียงเซ่อถอนหายใจออกมา

ตู้หงหงหยุดแย้งรีโมตกับตู้โหยวทันที ท่าทางเหมือนกำลังกินปูนร้องท้อง

“เราไปคุยกันข้างนอก”

โจวฮุ่ยหยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำแล้วจะเข้ามาดึงลูกสาวตัวเอง “ตอนนี้ในบ้านเป็นยังไงลูกก็รู้ รับของพวกนี้มาก็ไม่มีประโยชน์ หงหงกับโหยวโหยวเองก็กำลังเรียนหนังสือ......”

“หนูบอกแล้วใช่ไหม เรื่องค่าเรียนมหาวิทยาลัยหนูจะจัดการเอง”

เจียงเซ่อยกเอกสารที่เพิ่งรีดให้เรียบขึ้นมา ไม่ได้เอาเก็บใส่แฟ้ม เธอพยายามความคุมอารมณ์ตัวเอง

“ก่อนที่แม่จะเปิดมัน แม่ควรจะต้องถามหนูก่อน จะเรียนหรือไม่เรียนมันก็เป็นเรื่องของหนู หนูจะตัดสินใจเอง”