webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

042

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 42 ความมุมานะ

แม้ว่าช่างไฟจะถอนหายใจออกมา แต่พอถ่ายไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็ยังไม่ราบรื่นอีก จ้าวร่างให้คนเข้าไปจัดท่าทางใหม่ ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดมาก บางทีก็แค่เห็นรอยยับของเสื้อที่เจียงเซ่อสวมอยู่ก็ไม่พอใจแล้ว เรียกสไตล์ลิสต์ให้เข้าไปทำให้มันเรียบ แม้แต่เส้นผมทุกเส้นของเจียงเซ่อก็ต้องเป็นไปตามคำสั่งของเขา

เพียงแค่ถ่ายฉากสั้นๆ แบบนี้ เจียงเซ่อก็โดน NG ไปแล้วกว่ายี่สิบกว่าครั้ง

แต่ผลจริงๆ ที่ออกมาก็ค่อนข้างชัดเจนว่า ถึงฉากฉากนี้จะยังไม่ได้เอาไปตัดต่อมันก็ดูสวยดูดีมากพอแล้ว แต่มันก็ทำให้จ้าวร่างมองเจียงเซ่อด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าจะสั่งให้ถ่ายใหม่กี่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของเธอเองหรือเป็นเพราะช่างไฟบ้างล่ะ สไตล์ลิสต์บ้างล่ะ แม้แต่กระทั่งตำแหน่งของฉากเองก็ตาม แต่เธอก็ไม่มีสีหน้าเหนื่อยหน่ายรำคาญเลยสักนิด

แม้แต่การแสดงของเธอเองก็ดีขึ้นทุกครั้งที่เริ่มใหม่ เสียงของเปียโนที่บรรเลงก็เพราะขึ้นทุกครั้ง

ราวกับว่าทุกครั้งที่ NG สำหรับเจียงเซ่อแล้วคือการที่ได้ทำความคุ้นเคยกับดนตรีใหม่อีกครั้งแบบนั้น

เธอไม่มีการกล่าวโทษหรือหงุดหงิด แต่ถ้าหากเธออยากจะขอพักจริงๆ เขาเองก็อาจจะอนุญาตให้ได้ แต่เธอก็ไม่ได้ขออะไรแบบนั้นเลย ความรู้สึกดีกับมือใหม่คนนี้ทำให้อารมณ์เขาเย็นขึ้นมาบ้าง

ตั้งแต่เริ่มถ่ายมาจนถึงตอนนี้ก็ใช้เวลามาระยะหนึ่งแล้ว ฉากของเธอเองก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการถ่าย แต่เธอก็ยังนั่งหลังตรงมาโดยตลอด ไม่มีสักครั้งที่จะเห็นเธอค่อมหลังแสดงอาการเบื่อออกมาเลย

การอบรมสั่งสอนแบบนี้ ท่าทางกิริยาแบบนี้ เป็นคนที่ทุ่มเทกับงานมากจริงๆ!

“เสี่ยวเจียงพักก่อนเถอะ”

จ้าวร่างยกหูฟังขึ้นมาแล้วดูภาพที่ถ่ายไปอีกครั้ง สีหน้าขอเขาดูพอใจมากขึ้น “ถ่ายรอบนี้เป็นไปด้วยดีมาก พักห้านาทีเดี๋ยวค่อยถ่ายต่อ”

ทีมงานเอาน้ำไปให้เจียงเซ่อดื่ม เธอขอบคุณแล้วรับมันไป

จ้าวร่างกำลังนั่งมองบทของฉากเมื่อกี้อีกรอบ แล้วก็หันไปไปพูดกับชุยซิ่งที่กำลังจะถ่ายต่อ

พอพักเสร็จแล้ว ก็เริ่มตรวจสอบมุมกล้องที่ต้องการ พอเห็นว่าไม่มีตรงไหนที่จ้าวร่างจะให้แก้ก็มองเวลา แล้วก็ปรบมือขึ้น

ผู้ช่วยเองก็ตะโกนขึ้นมาว่าให้เตรียมพร้อม

ชุยซิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้าวร่างก็ลุกขึ้นมา ในนาทีนี้เขาดูไม่ใช่ดาราที่ดูขี้เกียจอีกต่อไป แต่เขากลายเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูขี้อาย สายตาของเขาดูไม่คุ้นเคยและไม่สบายใจ ยังมีความรู้สึกสับสนแต่ก็ดูมีความสุขอยู่ในแววตาเขาด้วย สไตล์ลิสต์คนหนึ่งเข้าไปจัดผมให้เขา เป็นทรงที่เอาผมหน้าม้ามาปิดไว้ครึ่งหน้าผาก ทำให้ระหว่างคิ้วมีเงาพาดทับอยู่ ไหล่ของเขาลู่ลงดูเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก

เจียงเซ่อมองชุยซิ่งที่เปลี่ยนไปเป็นอีกคน และก็เพิ่งจะเข้าใจว่านี่คือฝีมือการแสดงของดาราชายที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้

เธอนึกถึงหังยวี๋อีที่เล่น ‘ฝันที่เป็นจริง’ ขึ้นมา ตอนนั้นที่ได้เห็นหังยวี๋อีแสดงเป็นโจวหรงเชิน เธอก็คิดว่าหังยวี๋อีแสดงได้ดีแล้ว อย่างน้อยก็สามารถเล่นฉากอารมณ์ของโจวหรงเชินได้อย่างอยู่หมัด

แต่พอตอนนี้ที่ได้มาเห็นชุยซิ่งแล้ว การแสดงของหังยวี๋อีก็ยังไม่เทียบเท่าชุยซิ่งเสียเท่าไหร่

แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่กู้เจียเอ่อได้แนะนำการแสดงกับเธอเอาไว้ มันคงจะเป็นแบบนี้สินะ

“โอเค ประจำที่ตัวเอง”

ผู้ช่วยตะโกนขึ้นทีมลานในกองก็รีบไปประจำที่ของตัวเองกันทันที

เจียงเซ่อเรียกสติกลับมาและหันไปหาเปียโนเหมือนเดิม เธอจะต้องอยู่ในท่วงท่าเดิมเหมือนตอนที่เล่นเปียโน ก็แค่เพิ่มชุยซิ่งที่แสดงเป็นหลี่ชิงหมิงในฉากที่ได้เจอ ‘เธอ’ เป็นครั้งแรก

กล้องแพนไปที่ชุยซิ่ง เขากำลังยืนอยู่หน้าร้านเปียโน และก็ได้ยินเสียงดนตรีเปียโนอันแสนไพเราะดังออกมาจากร้าน

ดวงตาของเขาประกายขึ้น สีหน้าแสดงถึงความปรารถนาเป็นย่างมาก เขาก้าวเท้าเข้าก่อนหนึ่งก้าว จากนั้นก็ก้าวเข้ามาอีก และพอคิดว่ามันจะไม่ทันใจก็ออกตัววิ่งมาทางนี้ทันที

แต่พอเริ่มเข้าใกล้ร้านเปียโนแล้วจริงๆ เขาก็หยุดฝีเท้าลง ราวกับว่าได้สติกลับมา เขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปอย่างช้าๆ แทน

ในฉากฉากนี้เขาจะต้องแสดงเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตอนนี้ในใจกำลังสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก และแสดงได้สมจริงจนทำให้จ้าวร่างรู้สึกพอใจ จ้าวร่างลุกขึ้นแล้วทำมือ ‘OK’

ในขณะที่ช่างแต่งหน้าเขามาเติมหน้าให้ชุยซิ่ง ตัวเขาเองก็เดินมานั่งดูการแสดงของตัวเองในจออีกครั้ง และก็รู้สึกพอใจเหมือนกัน พอจ้าวร่างสั่งให้เริ่มถ่ายต่อ เขาลุกขึ้นแล้วกลับไปยืนที่ที่ตัวเองหยุดเมื่อครู่นี้

เขาเงยหน้าขึ้น จ้าวร่างเองก็ให้สัญญาณช่างกล้องซูมเข้าไปให้ชุยซิ่งอยู่ตรงกลางเฟรม ในจอสามารถเห็นสีหน้าของ หลี่ชิงหมิงที่ดูอึ้งๆ ไป

กล้องจับอารมณ์ของหลี่ชิงหมิงเอาไว้หมดแล้ว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แต่ในแววตากลับดูเลื่อนลอย

ตอนนี้ชุยซิ่งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังแล้ว ราวกับว่าเขาคือหลี่ชิงหมิงในหนังจริงๆ หลี่ชิงหมิงที่ได้เจอและเคลิบเคลิ้มไปกับหญิงในฝันที่ตนได้เจอ

เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ลืมความรู้สึกปรารถนาในตอนแรกที่ได้ยินเสียงเปียโนขึ้นมา และก็รู้สึกหวาดกลัว เขาถึงขนาดที่ยกมือขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวและวางมันลงบนแผ่นกระจกกั้น และก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม

หลี่ชิงหมิงหอบหายใจหนักจนลมหายใจก็กระทบลงบนกระจกสะอาดนั่น เพียงแค่ครู่เดียวบริเวณนั้นก็ขึ้นเป็นฝ้าไอน้ำขึ้นมา

เสื้อผ้าที่เขาสวมค่อนข้างมอซอ พูดได้เลยว่ามันไม่เข้ากับร้านเปียโนที่สวยและมีระดับนี้เป็นอย่างมาก

แต่เขากลับมีมือคู่ที่เรียวยาวสวยงาม มันดูน่าดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก

ตอนนี้แววตาของเขาดูเทิดทูนเป็นอย่างมาก เขากำลังมองเข้าไปในร้านอย่างหลงใหล

ชุยซิ่งต้องถ่ายซีนนี้อยู่เจ็ดแปดรอบ จ้าวร่างถึงจะบอกว่าฉากนี้ผ่านแล้ว

การถ่ายทำวันนี้กินเวลามาถึงหกโมงหนึ่งทุ่มถึงจะถ่ายเสร็จ และจ้าวร่างเองก็พอใจกับการถ่ายทำในวันนี้เป็นอย่างมาก ทีมงานในกองถ่ายเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

การถ่ายทำฉากนี้ใช้เวลามากกว่าที่จ้าวร่างคิดเอาไว้มาก หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าตัวจ้าวร่างเองก็เลือกไม่ถูกว่าอยากได้อารมณ์แบบไหนในตอนที่หลี่ชิงหมิงเห็น ‘ผู้หญิงในฝัน’ จนทำให้รู้สึกกดดันขึ้นมาซะเฉยๆ แต่การรอคอยก็ถือว่าได้สิ่งที่คุ้มค่ากลับมา

ฉากในวันนี้สวยงามมากๆ ถ้าผ่านการตัดต่อแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นฉากที่ถือว่าเกินความคาดหมายของหนังจ้าวร่างก็ได้

“เสี่ยวเจียงทำได้ดีมากเลยนะ”

ตอนที่เจียงเซ่อเปลี่ยนเสื้อออกมาแล้ว พวกทีมงานก็กำลังเก็บอุปกรณ์เซตฉากและเครื่องมือต่างๆ พอดี จ้าวร่างเองก็ยังนั่งอยู่หน้ากล้องดูฉากที่ถ่ายไปในวันนี้

เขากวักมือเรียกเธอให้มาหาและฉากที่เธอเล่นเปียโนเล่นก็ขึ้นมาพอดี

เล่นหนังมาก็สามเรื่องแล้ว เวลาที่เจียงเซ่ออยู่หน้ากล้องนี่ไม่ธรรมดาเลย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเองแสดงในกล้อง

เพราะแสงที่ส่องมาทำให้เธอดูเด่นขึ้นมา ที่จริงแล้วลักษณะรูปร่างของเจียงเซ่อเองก็มีความสวยอยู่แล้ว พอมานั่งอยู่หน้าเปียโนก็ยิ่งดูโดดเด่นและสง่ายิ่งขึ้น

“ถ่าย ’99 Love letter’ จบแล้วมีแผนอะไรอีกหรือเปล่า?”

จ้าวร่างดื่มโซดาแล้วถามออกมาโดยที่ไม่ได้หันมามอง

ผู้กำกับต่างมีนิสัยและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ถ้าเทียบกับตอนที่จ้าวร่างกำลังทำงานล่ะก็ ตอนนี้เขาดูอบอุ่นและดูเข้าถึงง่ายกว่ามาก และเขาก็ค่อนข้างที่จะพอใจในตัวเจียงเซ่ออยู่พอสมควรทีเดียว