webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

041

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 41 ข้อบังคับ

ทางปลายสายเองก็ได้ยินเสียงเปียโนดังคลอมาเรื่อยๆ “ผู้กำกับจ้าว ผมมีเรื่องจะบอก คืออย่างนี้นะ คุณรู้จักเจียงหัวกรุ๊ปไหม?”

แววตาจ้าวร่างนิ่งไปครู่หนึ่ง คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน

“เจียงหัวกรุ๊ป?”

“ใช่แล้ว” น้ำเสียงของเขาทำเอาปลายสายตื่นเต้นขึ้นมา แล้วรีบอธิบาย “เจียงหัวกรุ๊ปเป็นธุรกิจโรงแรม คนที่กุมอำนาจทั้งหมดแซ่เดียวกับคุณเลยนะ ตระกูลจ้าวได้มีการลงทุนให้กับวงการบันเทิงด้วย ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งลงทุนให้กับหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานด้วย เห็นว่าลงทุนไปตั้งสองร้อยล้านเลยล่ะ”

เจียงเซ่อนั่งฝึกเปียโนไปแล้วสองรอบจนเริ่มจำโน้ตได้ พอเริ่มเล่นอีกครั้งก็คล่องมือขึ้น

จ้าวร่างมองเจียงเซ่อครู่หนึ่งแล้วคิดไปด้วยว่า ที่บริษัทรุ่ยอันมีเดียโทรมามันต้องมีอะไรแน่ๆ

หนังเรื่อง ’99 Love Letter’ มีรุ่ยอันมีเดียที่เป็นคนลงทุนรายใหญ่ที่สุด หนังเรื่องนี้ถ่ายมาได้มากกว่าครึ่งแล้ว และอาทิตย์หน้าก็คงจะถ่ายเสร็จ แต่ตอนนี้คนของรุ่ยเหอมีเดียกลับโทรมาพูดถึงเจียงหัวกรุ๊ปของตระกูลจ้าวขึ้นมา เขาก็พอจะเข้าใจได้ทันทีว่าความหมายคืออะไร

“เจียงหัวกรุ๊ปอยากจะร่วมลงทุนงั้นเหรอ?”

จ้าวร่างลูบๆ คิ้ว ตอนนี้ในกองถ่ายอยู่ที่ร้านเปียโน Steinway และกำลังถ่ายฉากที่สำคัญที่สุดในเรื่อง พูดก็พูดเถอะ เรื่องที่การเช่าร้านเปียโนนี่ก็เป็นเพราะคนของรุ่ยอันเป็นคนออกหน้าขอให้ ทางร้านเปียโนถึงได้อนุญาติให้มาถ่ายทำกันวันนี้

ตอนนี้นักแสดงก็หาได้แล้ว ชุยซิ่งก็กำลังแต่งหน้าเปลี่ยนเสื้ออยู่ เขาพร้อมที่จะถ่ายแล้วแต่บริษัทลงทุนอย่างรุ่ยอันดันโทรมาพูดเรื่องนี้อีก

เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ตอบเสียงต่ำออกไป

“เรื่องนี้ เอาไว้คุยกันที่สำนักงานของฉัน......”

จ้าวร่างยังไม่ทันได้พูดจบ ปลายสายก็รีบปฏิเสธออกมา “ไม่ๆๆ ผู้กำกับจ้าว ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ว่าเจียงหัวกรุ๊ปต้องการจะดันคนๆ หนึ่ง ผมว่าเธอสามารถเล่นบท ‘หญิงสาวในความทรงจำ’ ในหนังของคุณได้นะ”

การยัดคนในวงการบันเทิงเป็นกฎอย่างหนึ่งที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน การที่พวกบริษัทลงทุนแนะนำคนแสดงเข้ามาในกองถ่ายก็เกิดขึ้นบ่อยๆ จ้าวร่างเองก็เข้าในข้อบังคับแบบนี้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่กองถ่ายยังหานักแสดงกันอยู่แล้วรุ่ยอันมีเดียแนะนำมาก็ว่าไปอย่าง แต่ไม่กี่วันก่อนที่เจียงเซ่อมาลองแสดง และเธอก็เข้าตาเขาไปแล้ว

ถ้าหากมาตกลงตอนนี้ก็เสียเวลากองถ่ายเปล่าๆ ทุกอย่างมันถูกเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่รุ่ยอันมีเดียกลับอยากจะยัดคนเข้ามาตอนนี้ จ้าวร่างเองก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาและเริ่มจะโกรธขึ้นมาด้วย

“ผู้จัดการหลิว” เขาพยายามระงับความโกรธแล้วหันไปมองที่เจียงเซ่อ พยายามที่จะไม่เสียงดังออกมา

“ผมว่าผมได้บอกกับประธานเหยียนไปแล้วนะว่าผมหานักแสดงหญิงที่จะมาเล่นกับชุยซิ่งได้แล้ว”

คนปลายสายไม่คิดเลยว่าจ้าวร่างจะปฏิเสธ อดไม่ได้ที่จะคัดค้านออกไป “ผู้กำกับจ้าว นักแสดงที่คุณไปเซ็นสัญญาด้วยก็เป็นแค่มือใหม่ ถึงตอนนั้นก็ค่อยหาบทอื่นให้เธอเล่นก็ได้นี่ เธอคงไม่กล้าที่จะไม่พอใจหรอก......” คนปลายสายพยายามที่จะโน้มน้าวจ้าวร่าง “คนที่เจียงหัวกรุ๊ปแนะนำมาเป็นถึง......”

“ผมไม่สนว่าเธอเป็นใครหรอกนะ” ตอนนี้เจ้าร่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ตอนนั้นรุ่ยอันกับไท่ชางบันเทิงได้ตกลงกับผมแล้วนี่ ว่านอกจากนักแสดงนำชุ่ยซิ่งกับจูพ่านแล้ว ตัวละครอื่นๆ พวกนักลงทุนจะไม่มาก้าวก่ายอีก”

เขาเริ่มแข็งกร้าวขึ้น คนปลายสายได้ยินอย่างนั้นก็เกิดวางตัวไม่ถูกขึ้นมา

“ผู้กำกับจ้าว บทที่คุณต้องการทางนั้นเขาส่งวีดีโอมาให้ดูด้วยนะ ยังไงคุณก็ลองดูๆ ก่อนก็ได้ ถ้ามันเหมาะยังไงก็ค่อยเปลี่ยนเอา ดีไหม?” เขาพูดจบก็ไม่ยอมให้จ้าวร่างได้พูดต่อ “เรื่องระหว่างรุ่ยอันกับกองถ่ายคุณยังไงก็เป็นไปตามที่คุณได้ตกลงกับประธานเหยียนเอาไว้ แค่ให้ลองๆ ดูก่อน เธอเป็นคนของอุตสาหกรรมจงหนาน เป็นเศรษฐีที่มีชื่อเสียงมาก รูปร่างหน้าตาโดดเด่น ยังไงคุณก็ลองๆ ดูก่อนนะ”

พอพูดจบก็มีเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้นมาจากมือถือของจ้าวร่าง พอเขาดูก็พบว่ามีอีเมลเข้า

จ้างร่างวางสายไป ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินเข้ามาหา จ้าวร่างโยนมือถือลงบนเก้าอี้ ผู้ช่วยที่เห็นสีหน้าของจ้าวร่างไม่ค่อยดีจึงพูดออกไปอย่างระมัดระวัง

“ผู้กำกับ”

ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็มีปากเสียงกับทางรุ่ยอันมาแล้ว เขาก็พอจะรู้ว่าเมื่อครู่ว่าเมื่อกี้จ้าวร่างคุยเรื่องอะไรกัน “คุณจะดูวีดีโอหน่อยไหม?”

“ดูไปทำไม?” เขาพูดเสียงเย็นแล้วยกมือขึ้นขึ้นกดหมวกแก๊ปที่สวมอยู่ ดูอารมณ์ไม่ดี “ชุยซิ่งเตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”

แล้วผู้ช่วยจะกล้าพูดเรื่องนี้อีกได้ยังไง เขารีบตอบทันที “เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วครับ กำลังแต่งหน้าอยู่”

จ้าวร่างโบกมือไล่เขาไปแล้วนั่งลงที่เดิม ยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มเสียหลายอึกถึงจะค่อยๆ สงบอารมณ์ลงได้

ดีที่เจียงเซ่อเองก็เอาการเอางาน ในขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ก็มีคนคอยสอนเธอ พอเธอเริ่มคุ้นเคยกับดนตรี ทุกครั้งที่เริ่มเล่นใหม่ก็ดีขึ้นกว่าเดิม

พอชุยซิ่งแต่งเสร็จออกมาก็เก้าโมงครึ่งแล้ว เจียงเซ่อเองก็สามารถเล่นได้เป็นทำนองโดยไม่ต้องดูโน้ต

บทเพลงนี้ทางกองถ่ายได้จ่ายเงินไปจำนวนมากเพื่อจ้างนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงในฮ่องกงอย่างวงเฉินจี๋ฉี ใช้เวลาแต่งถึงหนึ่งปีถึงจะได้มันมา ท่วงทำนองสวยงามและนุ่มนวลเหมาะสมกับเนื้อเรื่องหนังที่ให้ความรู้สึกหวานๆ ของรักครั้งแรก

ถึงชุยซิ่งจะพร้อมแล้วในฉากนี้แต่เขาก็ยังมีอีกฉากหนึ่งที่ต้องถ่าย มันคือฉากตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้างนั่นเอง

รอจนชุยซิ่งงถ่ายฉากนั้นเสร็จ เจียงเซ่อก็ท่องจำโน้ตเพลงได้ทั้งหมดแล้ว

จ้าวร่างเอกก็พยายามคุมสติแล้วสั่งให้ทีมงานเตรียมตัว

เจียงเซ่อลุกขึ้นจากเปียโนที่ใช้ฝึกซ้อม แล้วตามคนไปยังเปียโนที่จะใช้เข้าฉากจริง

ก่อนหน้านี้เธอได้ลองฝึกมาแล้วและเธอก็ไม่มีอาการลนลานแต่อย่างใด ดูไม่เหมือนมือใหม่เลยสักนิด พนักงานดูแลเปียโนเองเมื่อได้เห็นเจียงเซ่อนั่งลงตรงหน้าเปียโนสีขาวหลังนั้นแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอจะมีอาการอะไรที่เป็นอันตรายต่อเปียโน

พอผู้กำกับตะโกนว่าเตรียมตัว ช่างไฟก็จัดแสงและกล้องก็โฟกัสไปที่เธอเรียบร้อยแล้ว

เด็กสาวนั่งอยู่กึ่งกลางเก้าอี้และหันหน้าไปทางเปียโนสีขาวหลังนั้น เธอหันหลังให้กล้องจึงมองไม่เห็นหน้า

สิ่งเดียวที่ทุกคนเห็นคือ สิบนิ้วของเธอที่กำลังกดเปียโนอย่างว่องไว และผมที่ถูกรวบขึ้นจนเห็นลำคอขาวเนียน

เพราะว่าไม่เห็นหน้า คนที่มองอยู่ด้านหลังก็พอจะเดาหน้าตาของเธอได้จากแผ่นหลังของเธอและผิวที่ขาวสวย

นิ้วของเธอเรียวสวย ปลายนิ้วเรียวยาวะสะอาดสะอ้าน ทุกอย่างดูสวยงามใจทำให้คนรู้สึกเบาสบายและเป็นธรรมชาติ

ช่างกล้องที่กำลังถ่ายเองก็กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรีนั้น จ้าวร่างขมวดคิ้วแล้วตะโกนสั่งหยุด

“แสงไฟยังไม่ดีพอ”

เขามองไปที่แผ่นหลังของเจียงเซ่อแล้วให้เอาใหม่

ช่างไฟรีบจัดแสงให้ดีขึ้น จัดไปสามสี่ครั้งจ้างร่างถึงจะพอใจแล้วเริ่มถ่ายใหม่ได้

แสงไฟที่ส่องไปที่ด้านหลังของเจียงเซ่อทำให้เกิดเป็นรูปร่างที่เด่นชัดออกมา แม้แต่เส้นผมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

ยิ่งเพราะว่าฉากนี้ไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าของเจียงเซ่อ แต่เธอก็ต้องแบกรับบทเป็นหญิงสาวที่พอ ‘หลี่ชิงหมิง’ เห็นก็คิดว่าเป็นหญิงสาวในฝันทันที เธอจะต้องแสดออกผ่านหลังเพื่อทำให้คนดูสามารถจิตนาการต่อไปได้ ดังนั้นจ่าวร่างจึงเห็นว่าบทนี้มีความสำคัญมากๆ

หลายครั้งที่ต้องเริ่มถ่ายใหม่ สุดท้ายจึงได้อารมณ์ที่จ้าวร่างต้องการ