webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

040

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 40 พอใจ

รองผู้กำกับชี้ไปที่จุดๆ หนึ่ง ตรงนั้นเป็นเวทีที่ยกขึ้นสูงเป็นขั้นบันไดและด้านบนนั้นก็มีเปียโนสีขาววางอยู่

ไฟทุกตัวส่องไปตรงนั้น เปียโนสีขาวที่สวยงามหลังนั้นสวยเสียจนชวนให้คนรู้สึกอยากจะเอาไว้ชื่นชมมากกว่าจะแตะต้องมัน

พนักงานที่เป็นคนดูแลเปียโนเองก็มากันตั้งแต่เช้าแล้ว พอรองผู้กำกับพูดประโยคนั้นเสร็จพวกคนดูแลก็มองมาที่เธออย่างพิจารณา

รองผู้กำกับยกนาฬิกาขอมือดูแล้วถามขึ้น

“ช่างแต่งหน้ากับสไตล์ลิตส์ยังไม่มาถึงอีกเหรอ? สิบห้านาทีก่อนผู้กำกับจ้าวโทรมาบอกว่าจะมาถึงที่นี่ก่อนเก้าโมงนะ”

ผู้ชายตัวผอมที่อยู่ข้างก็รีบเดินเข้ามาบอก

“สามนาทีก่อนโทรมาบอกว่าอยู่ที่หน้าห้างแล้วครับ”

พอพูดจบก็มีเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาอย่างเร่งรีบ ช่างแต่งหน้าวิ่งถือกล่องเครื่องสำอางเข้ามาและสไตล์ลิสต์เองก็ตามมาติดๆ เช่นกัน

รองผู้กำกับดูเวลาแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกนอกจากสั่งให้คนรีบพาเจียงเซ่อไปต่างหน้าแต่งตัวซะ

ถึงจะเป็นบทที่ไม่ได้เห็นหน้า แต่งคนในกองก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่แค่เตรียมเสื้อก็เตรียมมาเจ็ดแปดชุดแล้ว

สไตล์ลิสต์เอากระโปรงตัวหนึ่งมาเทียบบนตัวเธอ แล้วก็เอาเสื้อเชิ้ตอีกตัวมาทับอีกเข้าไปอีก หล่อนดูลังเลเล็กน้อย

แล้วหล่อนก็หยิบเดรสกระโปรงสีเหลืองอ่อนขึ้นมา มืออีกข้างก็ยังถือเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่

“วันที่เธอมาลองแสดงวันนั้น Akin บอกว่าใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวมาและผู้กำกับจ้าวก็พอใจมากๆ”

สไตล์ลิสต์เงยหน้ามองเจียงเซ่อ

“งั้นก็ลองใส่เสื้อเชิ้ตดูก่อนแล้วกัน ถ้าผู้กำกับจ้าวไม่โอเคก็ค่อยมาเปลี่ยน”

จ้าวร่างเพ่งเล็งบทบาทนี้เป็นอย่างมาก สไตล์ลิสต์กังวลว่าถ้าแต่งออกไปแล้วจ้างร่างจะไม่ชอบ ดังนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ว่าใส่แบบนี้ไปก่อน ถ้าไม่ได้ยังไงก็ค่อยมาเปลี่ยนก็ได้

เสื้อเชิ้ตที่เอามาให้ใส่เองก็เป็นเสื้อที่มีแบรนด์จัดมาให้ พอเจียงเซ่อเปลี่ยนเข้าไป สไตล์ลิสต์ก็ติดกระดุมให้เธอทีละเม็ดๆ พลางชมเธอไปด้วย

คอเสื้อเป็นแบบกลมออกแบบมาค่อนข้างเข้ารูป ขับให้ลำคอระหงของเจียงเซ่อดูโดดเด่นขึ้นมาอีก

หล่อนมองเรือนร่างของเจียงเซ่อแล้วหันหลังไปหยิบกางเกงยีนส์ที่ขนาดพอดีกับเธอมา หล่อนรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กๆ

“รูปร่างของคุณดีมากเลย”

เป็นสไตล์ลิสต์มาตั้งหลายปี พอได้มาเห็นหุ่นของเจียงเซ่อก็พอจะเดาได้ว่าเธอใส่ไซส์ขนาดเท่าไหร่

หน้าอกของเจียงเซ่อไม่ได้ใหญ่อะไรนัก แต่ชุดชั้นในก็ไม่สามารถปกปิดหน้าอกวัยสาวที่แสนสวยนั่นได้ ผิวของเธอขาวใสราวกับไข่มุกที่ส่องสว่าง

ไหล่แขนของเธอก็เรียวยาวสวย เป็นคนที่ไม่ได้ดูผอมจนเกินไป พอใส่เสื้อผ้าแบบนี้ก็ยิ่งดูผอมแต่ก็ดูดีเช่นกัน

ยิ่งโดยเฉพาะตอนที่เธอสวมกางเกงยีนส์และสอดชายเสื้อเข้าไปก็ยิ่งเห็นทรวดทรงและสะโพกที่งอนชัดขึ้นอีกด้วย

สไตล์ลิสต์อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะ “น่าอิจฉาจริงๆ”

เธอรูปร่างสูง สองขาก็เรียวยาวสวย เหมาะมากๆ ที่จะสวมกางเกงยีนส์

ถึงวันนี้จะไม่ได้ถ่ายหน้า แต่ตอนแรกช่างแต่งก็อยากจะลงแป้งให้เธอบางๆ แต่เธอยังเด็ก ผิวพรรณก็ยังดีอยู่ ถ้าเติมเข้าไปอีกต้องขาวมากไปแน่ๆ หล่อนจึงลงแป้งกับหลังมือดูก่อนแล้วอามาเทียบว่าจะเข้ากับผิวของเจียงเซ่อหรือไม่ ช่างแต่งหน้ากัดฟันและล้มเลิกความคิดที่จะลงแป้งให้เธอ จึงเลือกลงแค่ลิปกลอสสีชมพูพีชอ่อนให้และหวีผมต่อ

เพราะเสื้อที่เจียงเซ่อใส่ค่อนข้างธรรมดา เพื่อให้เข้ากันกับเสื้อผ้าจึงรวบผมแล้วม้วนเป็นดังโงะไว้ข้างบน

พอเก็บรายละเอียดเสร็จ ผู้กำกับจ้าวก็มาพอดี และเขากำลังยืนคุยกับรองผู้กำกับอยู่ พอเขาเห็นเจียงเซ่อแล้วก็มีสีหน้าพึงพอใจ

เขากวักมือเรียกเจียงเซ่อให้เข้าไปหา แล้วบอกให้ผู้ช่วยเอาเอกสารบางอย่างออกมา มันเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง

“ยังไงชุยซิ่งก็ยังไม่มา เธอลองฝึกๆ อันนี้ไปก่อนนะ”

บนกระดาษแผ่นนั้นเป็นโน้ตเพลงๆ หนึ่ง น่าจะเป็นดนตรีประกอบหนัง ’99 Love Letter’ วันนั้นเจียงเซ่อสามรถเล่นเพลง ‘ดวงดาว’ ได้ ก็แสดงว่าเธอมีพื้นฐานการเล่นเปียโนอยู่แล้ว

“เธอลองเล่นดูนะ ถ้าไม่ได้ยังไงตรงนั้นก็มีคนสอนเธออยู่แล้ว”

จ้าวร่างชี้ไปที่พนักงาน Steinway พอพูดจบมือถือเขาก็ดังขึ้น เขายื่นโน้ตเพลงให้เจียงเซ่อและมองจนพนักงานพาเธอไปนั่งที่หน้าเปียโน และเธอก็หันหลังให้เขาพอดี

ถ้าเลือกถ่ายแค่ข้างหลัง เจียงเซ่อเล่นเป็น ‘หญิงสาวในฝัน’ ของหลี่ชิงหยางที่ชุยซิ่งเป็นคนแสดง บทนี้มันข้ากับเธอมากจริงๆ

อายุเธอยังน้อย อารมณ์ของความอ่อนเยาว์สามารถสื่อออกมาผ่านกล้องได้อย่างดี

แปลกใจนิดหน่อยที่การแสดงออกและบุคลิกของเธอไม่ได้ดูอ้อนแอ่นบอบบางเลยสักนิด กลับดูมีเอกลักษณ์ของตัวเธอเองแปลกๆ และมันก็ตรงกับความรู้สึกที่จ้าวร่างอยากได้พอดี สวยงามและมีเสน่ห์

แต่จ้างร่างก็หวังว่าเธอจะสามารถใช้รูปร่างและความสามารถที่มีมาดึงดูดคนได้

เขากำกับหนังมานานและสามารถมัดใจคนดูได้อยู่มัด ถ้าหากในหนังเรื่องนี้เจียงเซ่อสามารถเล่นเปียโนเองได้และอัดเสียงลงไปเลย ก็คงจะไม่ต้องมานั่งใส่เสียงทีหลังอีก และช่วงเวลาที่โปรโมทมีเธอไปด้วยก็คงจะเป็นผลดีไม่น้อย

ตอนที่เธอลองแสดงให้ดูวันนั้นเขาก็ได้ฟังเธอเล่นเพลงด้วย ตอนนั้นเขาก็ถามๆ ทีมงานมาบ้าง ได้ความว่าเจียงเซ่อเคยเรียนเล่นเปียโนมาระยะหนึ่งถ้าให้เล่นเป็นทำนองก็ไม่มีปัญหา

แต่ว่าเธอจะเกิดประหม่าขึ้นมาหรือเปล่า

ถึงแม้ว่าคนที่เข้าวงการมานานจะสามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน

ที่นี้คือห้างที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงหัวเซี่ย วันนี้สถานที่ที่มาถ่ายทำคือร้านเปียโนที่อยู่ข้างในตัวห้าง เปียโนทุกหลังในร้านนี้ล้วนทำด้วยมือทั้งนั้น แถมแพงเอาเรื่องด้วย

ประตูกระจกที่สามารถมองเข้าไปเห็นราคาของมัน พอเห็นแล้วก็คงได้แต่เดินถอยหลังกลับเท่านั้น

โดยเฉพาะตอนที่มายืนอยู่หน้าเปียโน ไม่ว่าจะเป็นทีมงานผู้กำกับหรือตัวพนักงานเองก็คงจะชี้แจงเรื่องราคาของมันอันแสนแพงของมันแล้ว เธอคงจะรู้สึกกดดันไม่น้อย อาจจะไม่กล้าจับเปียโนแล้วละมั้ง หรือถ้าดีหน่อย ก็อาจจะพอเล่นออกมาได้แต่ไม่เต็มที่เพราะเกร็ง ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้จ้าวร่างพอใจได้

จ้าวร่างยกมือถือขึ้นมารับโทรศัพท์ แต่สายตายังคงมองไปที่เจียงเซ่อ ดูเธอทดลองเล่นเพลงที่ให้ไป ข้างๆ เปียโนก็ยังมีพนักงานคอยก้มหน้าพูดกับเธอ เพราะเจียงเซ่อหันหลังให้เขาจึงไม่เห็นสีหน้าของเธอได้ และไม่รู้ว่าเธอกำลังลนหรือเปล่า

มองจากด้านหลังนี้สวยมากจริงๆ แสงไฟส่องไปที่เด็กสาวที่นั่งตัวตรงและไหล่เล็กบอบบางนั่น

ทันใดนั้นเองเจียงเซ่อก็วางมือลงบนเปียโน แล้วกดเล่นเพลงทันที

แค่ได้ยินโน้ตแรกดังขึ้น จ้าวร่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้มือใหม่คนนั้นกำลังโฟกัสไปที่เปียโนอย่างตั้งใจ พอดนตรีที่แสนสงบถูกบรรเลงขึ้น ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงทันที

“ฮัลโหล ฮัลโหล ผู้กำกับจ้าว......” ปลายสายคือคนของบริษัทรุ่ยเหอมีเดีย พอเห็นว่าจ้าวร่างไม่ตอบก็เรียกขึ้นทันที

เสียงดนตรียังบรรเลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจ้าวร่างฟังเจียงเซ่อลองเล่นจนจบ เขาก็ถอนหายใจโล่งอกออกมา

“ครับ” เขายิ้มขึ้นมาแล้วตอบกลับปลายสายและลุกขึ้น “พอดีเมื่อกี้มีเรื่องนิดหน่อย......”