webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

039

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 39 ค่าตอบแทน

ถ้าผู้หญิงคนนั้นพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็แสดงว่าเงินค่าตอบแทนนี้จะต้องมีข้อต่อรองอื่นอีกแน่ๆ

เงินค่าตอบแทนของบทบาทนี้ยังเยอะกว่าบทแอร์โฮสเตสในเรื่อง ฝันที่เป็นจริง มาก สามารถพูดได้ว่าบทบาทที่เจียงเซ่อได้รับในหนังเรื่อง ‘99 love letter’ เป็นบทบาทที่สำคัญมากๆ เป็นฉากที่สำคัญในหนังเลยก็ว่าได้

เพราะฉะนั้น ก็เป็นไปได้ที่ทางกองถ่ายยังมีเงื่อนไขอื่นกับเธออีก คงไม่ใช่แค่ถ่ายฉากเล่นเปียโนที่เห็นแต่ด้านหลังของเธอแน่นอน

คงเป็นอย่างที่หลี่อี๋ทีมงานในกองถ่าย ฝันที่เป็นจริง บอกเอาไว้ ว่าบทบาทนี้มีพวกบริษัทใหญ่ๆ ส่งดารามาลองหลายคนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครเข้าตาจ้าวร่างเสียที

ก็พูดได้ว่า เงินค่าตอบแทนของบทบาทในเรื่อง ‘99 Love Letter’ นี้เป็นจำนวนเงินสำหรับพวกดาราที่ยังไม่ดังเท่าไหร่

ค่าตัวของพวกดาราเหล่านั้นจะเท่าไหร่เจียงเซ่อก็ไม่สามารถรู้ได้

เธอพิจารณาอยู่คู่หนึ่ง เธอไม่ได้มีความต้องการที่จะขอเพิ่มเงินแต่อย่างใด

“ในกองถ่ายนอกจากฉากของผู้กำกับจ้าวที่ฉันแสดงแล้ว ยังมีอะไรที่จะต้องให้ฉันทำอีกหรือคะ?”

หญิงสาวคนนั้นที่ได้ยินประโยคแฝงความหมายของเธอก็ถอนหายใจออกมา

“คุณเจียง คุณฉลาดมากจริงๆ”

หล่อนเก็บเอกสารสัญญาแล้ววางมันลงอีกที่

“เพราะว่าครั้งนี้ผู้กำกับจ้าวเห็นว่าคุณเหมาะสมกับบท หญิงสาวที่กำลังเล่นเปียโน เป็นอย่างมาก งั้นฉันก็คงไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว บทบาทนี้มันสำคัญมาก มันเป็นฉากที่หลี่ชิงหยางที่พี่ซิ่งเป็นคนแสดงได้เจอกับ ผู้หญิงในฝัน ของเขา พอหลังจากถ่ายทำเสร็จหมดแล้ว แต่จะยังมีการเดินสายโปรโมทต่อ”

หล่อนหยิบปากกาขึ้นมาแล้วขีดทีละขีดเป็นตัวหนังสือ ‘สี่’ “ถ้าเธอสามารถมาร่วมโปรโมทกับพวกเราได้ ค่าตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้น”

พอพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าจริงซื้ออย่างยิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อ

“ที่จริงแล้วเดี๋ยวพอเธอไปร่วมโปรโมทหนัง ผู้กำกับเองก็คงดันเธอด้วยเหมือนกัน แบบนี้มันก็เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายเลยนะ”

ในหนังสามารถใช้ความสวยของเจียงเซ่อให้เป็นจุดขายได้ แต่ถ้าเจียงเซ่อตามจ้าวร่างไปร่วมโปรโมทหนังแล้ว ชื่อของเธอก็ต้องเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ถ้าได้ไปร่วมโปรโมทหนังก็คงจะได้เจอดาราดังอย่างชุยซิ่ง และนางเอกอย่างจูพ่านด้วย

และมันก็น่าจะเอื้อต่อการพูดคุยทำความรู้จักกัน เป็นข้อดีที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ

แต่ไอ้ข้อดีของมันไม่ได้ดึงดูดเจียงเซ่อเท่ากับเงินค่าตอบแทนที่จะได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหมื่นนั้นเลย

ตอนนี้เธอจำเป็นต้องใช้เงินเป็นอย่างมาก ค่าตอบแทนที่สูงแบบนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากของเธอได้

เจียงเซ่อไม่ได้ไม่พอใจกับตัวเลขนี้ ผู้หญิงตรงหน้าเองก็เสนอมาถึงสี่หมื่นแล้ว ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่สูงมากสำหรับมือใหม่อย่างเธอ

คิดอยู่ครู่หนึ่ง เจียงเซ่อก็พูดขึ้น

“ไม่รู้ว่าการโปรโมทหนังจะมีขึ้นเมื่อไหร่?” เธอยิ้มยิ้ม “ฉันยังเป็นแค่นักเรียน ถ้าหากเป็นช่วงปิดเทอมก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากเป็นตอนที่เปิดเรียนคงไม่มีเวลามากขนาดนั้น”

ท่าทางของเธอก็เหมือนยอมตอบรับจำนวนค่าตอบแทนนี้แล้ว และนั่นก็ทำให้หญิงสาวตรงหน้าพอใจมากขึ้น น้ำเสียงที่พูดก็เปลี่ยนไป

“หนังเริ่มถ่ายมาสองเดือนแล้ว ฉากที่คุณจะต้องแสดงคงจัดเวลาให้เร็วๆ นี้ ถ่ายเสร็จไม่กี่วันก็จะมีการโปรโมท การโปรโมทจะใช้ระยะเวลาหนึ่งเดือน ถึงตอนนั้นแล้ว ว่างตอนไหนก็ค่อยมาก็ได้”

เพราะผู้หญิงคนนั้นพูดจบ ดีที่เจียงเซ่อไม่ได้ละโมบอยากจะได้เงินค่าตอบแทนมากกว่านี้ เธอจึงยอมถอยออกไปหนึ่งก้าว

“ฉันก็พอจะเข้าใจว่าเวลาโปรโมทมันอาจจะไปชนกับเวลาของคุณ งั้นเอาแบบนี้ไหมคะ ถ้าวันที่โปรโมทไม่ใช่วันหยุดและถ้าการโปรโมทนั้นมันสำคัญ ทางเราจะแจ้งให้ล่วงหน้าก่อน แล้วคุณก็ลาหยุด แบบนี้โอเคไหมคะ?”

ข้อตกลงนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เจียงเซ่อจึงพยักหน้า

เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็หยิบเอาเอกสารแล้วกลับไปที่โต๊ะ กดโทรศัพท์บอกให้คนเอาเอกสารสัญญามาอีกสองฉบับ แล้วกลับมาคุยกับเจียงเซ่อต่อ

“โรงเรียนสอนการแสดงเป็นโรงเรียนที่มีกฎเข้มงวดกับนักเรียนมาก เดี๋ยวคุณก็จะเข้าเรียนปีหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ?”

กฎของโรงเรียนสอนการแสดงในเมืองหลวงค่อนข้างเข้มงวด แต่คุณลักษณะของเจียงเซ่อก็ดีมาก เห็นทีมงานในกองบอกมาว่าเมื่อวานที่เธอเล่นเปียโนก็รู้ได้เลยว่าเป็นคนที่มีความสามารถ ทำให้จ้าวร่างที่ชอบจับผิดพอใจได้ จะสอบติดโรงเรียนสอนการแสดงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ใครที่อยากจะเข้าวงการบันเทิงแน่นอนว่าก็ต้องเข้าโรงเรียนสอนการแสดงแห่งนี้

และการที่จะเข้าวงการบันเทิงก็ต้องมีคอนแทคที่ดี

แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องแปลกใจเมื่อเจียงเซ่อส่ายหน้า

“ฉันไม่ได้เรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงหรอกค่ะ”

“ไม่ได้เข้าโรงเรียนสอนการแสดงหรือ?”

หญิงสาวมองเธออย่างตกใจ

“หน้าตาและความสามารถของคุณดีมากเลยนะ เห็นบอกว่าเคยแสดงหนังของผู้กำกับกู้ด้วยนี่ ถ้าสอบเข้าโรงเรียนสอนการแสดงแล้ว เวลาจะเซ็นสัญญากับบริษัทไหนช่องทางมันก็จะง่ายขึ้นด้วยนะ”

เจียงเซ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง ตั้งแต่เดินตั้งแต่เกิดใหม่และเจอเรื่องอะไรมากมายเธอก็ต้องยอมรับมัน ไม่แน่ว่าเธออาจจะเป็นเจียงเซ่อตลอดไปก็ได้ถ้า จะเข้าวงการจริงๆ ล่ะก็ ในใจของเธอก็ยังไม่ได้ตัดสินใจดีนัก

มีคนจะข้างนอกเอาเอกสารสัญญามาให้ใหม่แล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงร่วมเซ็นชื่อลงไป

หลังเซ็นสัญญา ‘99 love letter’ ไปแล้ว เงิน 30% แรกที่ตกลงกันไว้ก็เข้าบัญชีเธอทันที

พอได้รับข้อความ และมันก็ขึ้นว่าเงินในบัญชีตอนนี้มีอยู่ 15000หยวนก็คิดว่าเงินค่าเทอมก็คงจะเพียงพอ บวกกับเงินหลังแสดงเสร็จอีกสองเรื่องแล้ว เจียงเซ่อก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เวลาที่นัดไปถ่ายคือปลายเดือนกรกฎาคม สถานที่คือห้างซินซื่อเจี้ย

ทางทีมงานกองถ่ายได้บอกกับทางผู้ดูแลร้าน steinway ไว้แล้วว่าจะใช้สถานที่ในการถ่ายทำ

ห้างซื่อชื่อเจี้ยถือว่าเป็นย่านการค้าที่เจริญที่สุดในเมืองหลวง เป็นห้างที่ใหญ่มาก ตั้งแต่ทางเดินทิศตะวันตกถึงทิศใต้ต่างก็มีร้านค้าที่เป็นแบรนด์ใหญ่ๆ

ตอนที่เจียงเซ่อมาถึงก็ยังเช้าอยู่เลยด้วยซ้ำ ร้านแบรนด์เนมต่างๆ ก็ยังไม่เปิดประตู เธอมองดูกระเป๋าและของใช้ต่างๆที่อยู่ในกระจกกั้น ตอนที่เป็นเฝิงหนาน ทุกครั้งที่ลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงจะมาเมืองหลวงก็จะนัดเจอกันและมาเดินเล่นที่นี่

เธอลูบๆ กระเป๋าที่มีมือถือเก่าๆ อยู่ในนั้น เงินในบัญชีที่มีอยู่ยังไม่พอที่จะซื้อกระเป๋าเงินพวกนี้เลยด้วยซ้ำ

เจียงเซ่อกำลังคิดว่า ถ้าหากเมื่อก่อนที่เธอได้ยินว่าบรรพบุรุษใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาก งั้นตอนนี้ที่เธออยู่บ้านครอบครัวตู้ล่ะ มันยากลำบากขนาดไหนกัน

พอทีมงานกองถ่าย ‘99 Love Letter’ ได้รับโทรศัพท์เธอแล้วก็มีพนักงานในห้างมารับเธอ

พอเห็นว่าเจียงเซ่อมาเช้าขนาดนี้ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย

ทีมงานกำลังเซตฉากเปียโนกันอยู่ พอเห็นเจียงเซ่อมาก็มองเธอนิดหน่อย แม้แต่ผู้กำกับจ้าวกับนักแสดงหลักอย่างชุยซิ่งยังไม่มาด้วยซ้ำ มีแค่รองผู้กำกับที่มาดูงานและการการเซตฉาก พอเห็นว่าเจียงเซ่อมาเช้าขนาดนี้ก็ออึ้งงันไป หลังจากนั้นก็กวักมือเรียกเธอมา

“วันนั้นที่ผู้กำกับจ้าวเห็นเธอเล่นเปียโนแล้ว แลยคิดว่าเธอคงเคยเรียนเปียโนมาก่อนสินะ ดังนั้นเลยยืมเปียโนเครื่องนั้นมา” รองผู้กำกับแซ่เจิ้ง เขาไว้ผมยาวเหมือนพวกศิลปิน รูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต

เขาพูดกับจียงเซ่อถึงเรื่องวันนั้นอย่างชื่นชม เวลาพูดก็ปิดสายตาที่พึงพอใจแทบไม่มิด

“เปียโนหลังนั้นเป็นแบรนด์ของ steinway เป็นเปียโนที่ทำด้วยมือทั้งหลัง ส่งตรงมาจากเยอรมันนีเลยนะ มันแพงมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้กำกับจ้าวเป็นคนออกปากยืมมาเองแล้วล่ะก็นะ เพราะหนังก็มีผลต่อแบรนด์ของเขาเอง ถึงจะเป็นคนของรุ่ยเหอโทรไปขอยืมก็คงไม่ยอมหรอก ยังไงก็ระวังๆ หน่อยล่ะ”