webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

037

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 37 เล่นดนตรี

คนที่ถูกเรียกว่าพี่ฉาวตาเป็นประกาย แต่แค่แป๊บเดียวเขาก็ก้มลงมองเวลาในมือถือตัวเอง

“ก่อนสิบเอ็ดโมง เธอมาจนได้สินะ” บนมือถือขึ้นเวลาว่าสิบโมงห้าสิบนาที เพราะสตูดิโอถ่ายหนังไม่ได้อยู่ในกลางเมือง ตอนที่เจียงเซ่อโทรมาก็สิบโมงแล้ว เขาคิดว่ายังไงเธอก็มาไม่ทันแน่ๆ

“ก่อนหน้านี้หลี่อี๋โทรมาบอกฉันแล้ว นึกว่าเธอจะมาช้ากว่านี้เสียอีก”

เขาจ้องเจียงเซ่อไม่ละสายตา แล้วเขาก็กวักมือเรียกเจียงเซ่อเข้ามา

ทีมงานในกองถ่ายเองต่างก็มีการช่วยเหลือติดต่อกัน ผู้ช่วยของกอง ‘ฝันที่เป็นจริง’ เองก็โทรมาบอกเขาแล้วว่าจะมีมือใหม่มาลองออดิชั่น

ความสัมพันธ์ระหว่างทีมงานในกองถ่ายไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ส่วนมากจะเป็นการแลกเปลี่ยนน้ำใจกันมากกว่า

แต่ว่าตอนที่หลี่อี๋โทรมาหาว่าจะมีมือใหม่มาออดิชั่นแถมยังเอาแต่ชมไม่หยุด บอกว่าคนๆ นี้ชื่อเจียงเซ่อ เคยได้เข้าไปในกองถ่ายของจางจิ้งอานและได้แสดงบทเล็กๆ มา พอมากองถ่าย ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็ยังโดนกู้เจียเอ่อชมอีก ครั้งนี้เธอได้แสดงบทบาทบทบาทหนึ่งในเรื่องด้วย แถมกู้เจียเอ่อก็ให้มือใหม่คนนี้พากย์เสียงอีก

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้เก็บคำพูดของหลี่อี๋มาใส่ใจนัก แค่คิดว่าเพราะหลี่อี๋อยากจะส่งคนมาถึงได้พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา

แต่พอได้เห็นเจียงเซ่อจริงๆ แล้ว ก็พบว่ารูปร่างหน้าตาของคนๆ นี้สวยมากจริงๆ หลี่อี๋ไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิดเดียว

“โชคดีที่วันนี้ผู้กำกับกู้ถ่ายทำที่สนามบิน เลยอยู่ไม่ไกลจากสตูดิโอถ่ายหนังนัก”

การ์ดเบี่ยงตัวหลบให้เจียงเซ่อเข้ามา คนที่ถูกเรียกว่าพี่ฉาวมองพิจารณาเจียงเซ่ออีกครั้ง และเขาพอใจเป็นอย่างมาก

“ข้อมูลทั่วไปหลี่อี๋คงบอกกับเธอแล้วสินะ?”

คนๆ นี้เป็นมือใหม่ที่รูปร่างหน้าตาสวยจริงๆ บุคลิกท่าทางก็ดูมีเอกลักษณ์ ก็หวังว่าจะถูกใจและเข้าตาจ้าวร่างบ้าง

หนังเรื่อง ’99 Love Lettter’ ถ่ายทำมานานแล้ว ฉากต่างๆ ส่วนมากก็ถ่ายไปหมดแล้วเหมือนกัน แต่ว่าฉากสำคัญที่ต้องการแค่มุมกล้องจากด้านหลังกลับยังไม่มีคนไหนที่จะตรงตาเงื่อนไขของจ้าวร่างเลยสักคน เวลามันถึงได้ยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้

ช่วงนี้มีการออดิชั่นดาราหญิงเยอะมากแต่ก็ไม่มีคนไหนที่ทำให้จ้าวร่างพอใจได้เลย

เวลาก็ผ่านเรื่อยๆ กลุ่มคนที่ลงทุนกับหนังเรื่องนี้ก็เริ่มกังวลขึ้นมา

พี่ฉาวคนนั้นหันไปมองเจียงเซ่อที่กำลังเดินตามเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบมือถือออกมากดโทรออก

น้ำเสียงของเขาฟังดูตื่นเต้นมาก ดูท่าคำพูดนั้นของหลี่อี๋จะเป็นเรื่องจริงว่าบทสำคัญยังคงโดนยืดเวลามาจนถึงตอนนี้ และนั้นจึงทำให้ทีมงานในกองถ่าย ’99 Love Letter’ กังวลเป็นอย่างมาก

พี่ฉาวดูรีบร้อน เจียงเซ่อกลับรู้สึกเฉยๆ

ดูท่าบทบาทนี้ก็คงยังไม่มีใครมาแสดง งั้นเธอก็มีโอกาสมากขึ้นแล้ว

พี่ฉาววางสายแล้วเรียกให้เธอรีบตามเขาไปเร็วๆ

การออดิชั่นครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เธอไปออดิชั่นเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ เลยสักนิด พี่ฉาวพาเธอเข้ามาในฉากๆ หนึ่งของกองถ่าย

ข้างในฉากนั้นมีเปียโนหลากหลายแบบตั้งโชว์เอาไว้ และมีทีมงานจับกลุ่มกันสองสามคนยืนอยู่ข้างกำแพง

“เธอไปตรงนั้นเลย”

พี่ฉาวชี้ไปยังข้างในสุดของฉาก ตรงนั้นมีเปียโนสีขาวสะอาดหลังหนึ่งตั้งเอาไว้

ผ้าม่านของหน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แสงอาทิตย์ข้างนอกที่แสนโชติช่วงสาดส่องลงมาบนเปียโนสีขาวและเก้าอี้ที่ถูกตั้งคู่กัน การจัดรูปแบบแบบนี้ทำให้ฉากมุมนี้ออกมาดึงดูดสายตาเอามากๆ

“ระวังหน่อยนะ เปียโนนี่ยืมมาจากเซี่ยงไฮ้ Steinway เลยนะ ตอนกดมันก็เบาๆ มือหน่อยล่ะ” พี่ฉาวกำชับเธอ “พวกเราจะอัดภาพจากด้านหลังของเธอ เดี๋ยวจะได้เอาไปให้ผู้กำกับจ้าวดู”

“เล่นไปเป็นก็ไม่เป็นไร ก็กดๆ ตัวโน้ตไปก็พอ เดี๋ยวพอสั่งให้หยุดก็หยุดได้เลย”

พอพี่ฉาวพูดจบก็สังเกตเห็นเสื้อผ้าที่เจียงเซ่อสวมอยู่ เขาขมวดคิ้วทันที

“การแต่งตัว......”

ถ่ายแค่หลังก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งหน้า แต่ชุดที่เจียงเซ่อใส่อยู่ก็ดูจะธรรมดาเกินไปหน่อยจริงๆ

ผมดำของเธอถูกรวบไว้เป็นมวย ท่อนบนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ท่อนล่างใส่กางเกงยีนส์ แต่ชุดธรรมดาๆ แบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้รูปร่างหน้าตาอันสวยงามราวกับฟ้าประทานของเธอดูดรอปลงเลย

“ไม่มีเวลาแล้ว” ทีมงานคนหนึ่งมองเวลาในมือถือแล้วชี้ไปที่หน้าประตู

“ผู้กำกับกับพี่ซิ่งกำลังคุยบทกันอยู่ เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงสิบห้าก็จะเข้ามากันแล้ว ต้องรีบถ่ายแล้วเอาไปให้ผู้กำกับจ้าวดูตอนนี้เลย ถ้ามัวแต่เปลี่ยนเสื้อจะเสียเวลาเปล่าๆ”

พี่ฉาวก็ทำอะไรไม่ได้อีก เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกให้เจียงเซ่อไปนั่งประจำที่

พวกทีมงานต่างก็เข้ามาเปิดฝาเปียโนอย่างระมัดระวัง

เธอเองก็มีเปียโน Steinway อยู่สองหลัง หลังหนึ่งอยู่บ้านตระกูลเฝิงที่ฮ่องกง อีกหลังอยู่ในเมืองหลวงนี่เอง ตั้งแต่เกิดใหม่มานี่เธอก็ไม่ได้แตะเปียโนอีกเลย

เธอฝึกมันมาตั้งแต่หกขวบ ถึงแม้จะไม่ได้แตะมาสักพักแต่พอได้แตะตัวโน้ตอีกครั้ง เธอก็สัมผัสและรู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็ว

“เตรียมพร้อม”

พี่ฉาวตะโกนขึ้น มีคนถือกล้องขึ้นมาถ่ายด้านหลังของเธอทันที

ดูจากภาพรวมแล้วก็ดูแปลกๆ ไปเสียหน่อย เธอไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อที่ใช้แสดง อีกทั้งหน้าที่มีเครื่องสำอางตอนเล่น ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็ยังลบออกไม่หมด ดูแล้วไม่เข้ากับเปียโนอันแสนสวยและมีระดับแบบนี้เลย

ด้านหลังเธอมีคนที่ไม่รู้จักกำลังถ่ายเธออยู่ รอบๆ ก็คนไม่น้อยที่ยืนอยู่ข้างกำแพงและจ้องมาที่เธอ นั่นมันทำให้รู้สึกกดดันในใจไม่น้อย

บทบทนี้เจียงเซ่อจะต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้ เธอตั้งสติ มือซ้ายยกขึ้นวางไว้บนคีย์เปียโนและกดตัวโน้ตลงไป หลังจากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมากดมันลงไปอีกครั้ง

มือของเธอค่อยๆ ร่ายมนต์ใส่เปียโน ราวกับว่าตัวโน้ตเหล่านั้นกำลังเต้นรำอยู่บนปลายนิ้วของเธอ เสียงของโน้ตตัวต่างๆ บรรเลงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตอนแรกทีมงานกะจะบอกให้เธอช่วยเบามือลงหน่อยเดี๋ยวเปียโนมันจะพังเอา แต่ยังไม่ทันจะได้พูด เจียงเซ่อก็เริ่มบรรเลงเสียแล้ว

พวกผู้หญิงที่เคยมาออดิชั่นกับเปียโนอันแสนสวยสง่านี้ต่างก็พากันแตะๆ มันอย่างเบามือและระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่กับเธอไม่ใช่

เธอเล่นอย่างเป็นธรรมชาติและดูสวยสง่ามากๆ

เจียงเซ่อเลือกที่จะเล่นเพลง ‘ดวงดาว’ เสียงดนตรีอันแสนงดงามและโรแมนติกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องฉากแห่งนี้ พี่ฉาวที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรก็นิ่งอึ้งไปไม่น้อย

แสงอาทิตย์สาดลงมาที่ร่างของเจียงเซ่อพอดิบพอดี มือทั้งสองข้างของเธอกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่บนตัวโน้ต ทำนองบรรเลงจนรู้สึกเพลินหู

ภาพด้านหลังของเด็กสาวยังดูอ่อนวัยนัก เส้นผมสีดำสวยถูกมัดขึ้นเป็นมวยทำให้ได้เห็นลำคอขาวบาง

เธอหันหลังให้ทุกคนและบรรเลงเปียโนอย่างมั่นใจ ทุกท่วงท่าของเธอดูเหมือนเคยได้รับการสอนมาจากผู้เชี่ยวชาญ

ตอนนี้พี่ฉาวแทบจะลืมว่าตัวเองอยู่ในกองถ่าย ท่วงทำนองที่แสนสวยงามกำลังถูกบรรเลงผ่านหูดั่งสายน้ำที่ไหลผ่านมาให้ชุ่มชื่น

ในหัวเขาคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้ อารมณ์แผ่นหลังที่จ้าวร่างอยากได้คือแบบนี้สินะ

เมื่อตัวโน้ตกำลังบรรเลงได้ที่ เจียงเซ่อก็หยุดลงแค่นั้น

ท่อนๆ นี้ต้องใช้ฝีมือในการกดตัวโน้ตเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้ฝึกมันมานานแล้ว แรงที่ข้อมือของเธอไม่ค่อยมี ถ้าจะเล่นทั้งเพลงก็คงต้องใช้แรงเป็นอย่างมาก เธอจึงเลือกที่จะไม่เล่นต่อ

ยังไงซะในหนังเรื่อง ’99 Love Letter’ ก็แค่ต้องการให้เธอเล่นแค่ท่อนสองท่อน และการถ่ายทำนั้นจ้าวร่างแค่อยากได้ภาพข้างหลัง คงไม่ใช่ให้มาเล่นเพลงให้ฟังหรอก