webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

036

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 36 โอกาส

เพราะยังไงซะคนที่เข้ามาในวงการนี้ก็ต้องการจะออกกล้องกันทั้งนั้น

นอกจากเงื่อนไขจ้าวร่างจะสูงแล้วยังไม่ให้ออกกล้องอีก แถมไม่มีบทด้วยซ้ำ พวกดาราที่มีชื่อเสียงคงไม่เอาด้วยหรอก

พวกดาราหน้าใหม่ก็พอจะสนใจที่จะเล่นบ้างเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เข้าตาจ้าวร่างอยู่ดี

ถ้าผู้ช่วยแนะนำเจียงเซ่อไปแล้วสำเร็จ ก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีกันทั้งสองฝ่าย ถึงตอนนั้นบริษัทรุ่ยเหอมีเดียก็คงจะมีการตอบแทนกลับมาบ้าง

“สนใจแน่นอนค่ะ” เจียงเซ่อที่เพิ่งถ่ายหนัง ‘ฝันที่เป็นจริง’ เสร็จไปก็กำลังคิดหางานตัวประกอบอื่นๆ ตามกองถ่าย ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสนใจ

เจียงเซ่อมีหน้าตาที่สวย แต่ต้นทุนเธอค่อนข้างต่ำ เพราะเธอไม่มีคอนแทคหรือมนุษย์สัมพันธ์กับใครเลยในวงการ ถึงจะถ่ายหนังมาสองเรื่องแล้วก็ยังเป็นแค่มือใหม่ การถ่ายทำก็ล้วนเป็นการลงทุน มันคงมาไม่ถึงมือเธอหรอก แถมยังมาโดนคนในวงการลดค่าลงอีก

ครั้งนี้ที่ได้มาเล่น ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็เพราะได้ไปเจอกับไต้เจียอย่างบังเอิญและก็ได้รู้ข่าวนี้มาจากหล่อน

แต่พอมาตอนนี้ผู้ช่วยได้มาบอกข่าวออดิชั่นกับเธอก็ทำให้รู้สึกมีความกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง นี่มันจะต้องดีกว่าการที่เธอต้องไปเดินหาเองเสียอีก

ถ้าพูดถึงจ้าวร่าง เจียงเซ่อเองก็พอรู้จักอยู่เหมือนกัน

เดิมทีจ้าวร่างเป็นคนซานตง แต่ตอนเด็กๆ พอแม่ได้อพยพมาอยู่ที่ฮ่องกง ครอบครัวเขาค่อนข้างยากจนเลยทีเดียว

แต่ก็โชคดีที่ความยากจนทำให้เขาตั้งในเรียนหนังสือมาก หลังจากนั้นเขาก็ถูกโรงเรียนส่งไปเรียนต่อที่อังกฤษ และต่อมาเขาก็ได้เข้าวงการมากำกับหนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องแรกก็ดังจนมีชื่อเสียงขึ้นมาทันที

เพราะความแตกต่างของวัฒนธรรมของสองฝั่ง หนังที่ผู้กำกับฮ่องกงเป็นคนสร้างจึงไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของจีนแผ่นดินใหญ่นัก

แต่หนังของจ่าวร่างไม่เหมือนกัน เขาฉลาดที่คิดเอาวัฒนธรรมของทั้งสองฝั่งมารวมกัน ในหนังของเขาจึงมีทั้งอารมณ์ขำขันในแบบของคนฮ่องกงและมีเอกลักษณ์ของคนตงซานในแบบที่เขาเป็น ทุกครั้งที่หนังใหม่ของเขาออกมาก็จะได้รับคำชมที่ดีตลอด

ถ้าได้ไปเล่นในหนังเรื่องใหม่ของเขาก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับมือใหม่ไม่น้อย ถึงจะไม่เห็นหน้าก็เถอะ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจียงเซ่อที่ต้องการเงินมากและกำลังหาโอกาสที่จะไปออดิชั่นในตอนนี้

เจียงเซ่อรีบยิ้มขอบคุณผู้ช่วยที่อยู่ตรงหน้าทันที

“ต้องขอบคุณพี่หลี่มากๆ เลยนะคะ ตอนนี้ฉันเป็นแค่มือใหม่ ยังไม่ได้มีสัญญากับค่ายไหนเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างก็คงต้องพึ่งคนที่เป็นรุ่นพี่แบบคุณคอยประคับประคองแล้วละค่ะ”

เธอปากหวาน ยิ้มทีก็ทำเอาใจเขาสั่นไหวไปหมด คำพูดก็ฟังดูรื่นหู เขายิ้มกว้างกว่าเดิม

“นักแสดงส่วนมากก็โดนเลือกไปหมดแล้ว พวกตัวหลักเองก็ตัดสินใจไปแล้วเหมือนกัน” ผู้ช่วยรับคำขอบคุณของเธอไปอย่างเงียบๆ “นักแสดงหลักครั้งนี้คือชุยซิ่ง” เขาพูดถึงตรงนี้ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “จริงๆ แล้วเปิดกล้องมานานแล้วนะ แต่ว่าเรื่องที่จะหาคนที่เหมาะสมกับฉากนั้นก็ยังยืดเยื้อมาถึงตอนนี้ เพื่อที่จะไม่ให้เสียเวลาต่อการทำงานไปมากกว่านี้ถึงได้ปล่อยข่าวว่าต้องการคนแสดงบทนี้ออกมา” เขาได้ใจและค่อยๆ เผยสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมา

“หนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ จะมีการถ่ายโปสเตอร์หลังจากถ่ายทำเสร็จ บริษัทรุ่ยเหอมีเดียที่เป็นคนลงทุนก็เป็นบริษัทที่ดีมาตลอด ไม่อยู่ที่หนึ่งก็ที่สอง ฉันได้ยินมาว่า ถึงบทนี้จะไม่ได้ถ่ายเห็นหน้าแต่ภาพด้านหลังของคนแสดงก็จะอยู่ในโปสเตอร์ด้วยนะ”

คนที่ลงทุนเป็นถึงบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจอย่างรุ่ยเหอ อีกทั้งยังมีชุยซิ่งกับจ้าวร่างอีก นั่นก็เป็นสิ่งที่พอจะยืนยันได้แล้ว ชุยซิ่งเองก็เป็นหนึ่งในดาราหนุ่มที่ทำเงินได้มากที่สุดของบริษัทที่มอเดลลิ่งที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้เลยก็ว่าได้ เขามีชื่อเสียงมากและแน่นอนว่าเขามีแฟนคลับเยอะมากเช่นกัน

ถึงจุดยืนของจ้าวร่างจะเทียบไม่ได้เลยกับผู้กำกับระดับประเทศอย่างจางจิ้งอาน แต่เขาก็มีประสบการณ์ที่มากกว่าจางจิ้งอานแน่นอน แถมเขาก็ยังดังกว่ากู้เจียเอ่อด้วยซ้ำ ยังไงก็ดีกว่าเห็นๆ

หนังของจ้าวร่างนะหรือ แค่เขาจะเริ่มถ่ายก็มีนักแสดงมากมายไปขอเขาเล่น

“เธออย่าดูถูกบทบาทนี้ไปเชียวล่ะ ยิ่งสำหรับมือใหม่อย่างเธอแล้วด้วย แค่ได้ไปให้ผู้กำกับจ้าวเห็นหน้าก็ไม่ต่างกับได้ไปเล่นหนังของเขาหรอกนะ” ถ้ามันไม่ใช่เพราะต้องการถ่ายแค่หลังหรือไม่ใช่เพราะจะถ่ายไม่เห็นหน้าก็คงไม่กล้าแนะนำโอกาสให้กับมือใหม่อย่างเจียงเซ่อหรอก

ผู้ช่วยมองเธออีกรอบแล้วพูดทีเล่นทีจริงขึ้นมา

“เธอมีรูปร่างหน้าตาที่ดี ผู้กำกับกู้เองก็ชมว่าเธอมีความสามารถ โอกาสที่จะออดิชั่น ‘99 Love Letter’ ผ่านก็มีเยอะอยู่ ถ้าเธอเข้าตาผู้กำกับกู้ยังไงก็อย่าลืมฉันก็พอแล้ว”

เจียงเซ่อยิ้ม

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

ผู้ช่วยมองเจียงเซ่ออย่างพอใจ เขาหยิบมือถือขึ้นมาเอาเบอร์ติดต่อกับทีมงานให้เธอแล้วก็ขอตัวออกมาทันที

ฉากของเจียงเซ่อถ่ายเสร็จหมดแล้วแต่เวลาก็ยังพอเหลืออยู่ เธอหยิบเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาแล้วกดเบอร์โทรออกทันที

ปลายสายได้ยินเจียงเซ่อพูดชื่อของผู้ช่วยขึ้นก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นคนแนะนำให้เธอมาออดิชั่น คิดอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นผู้ช่วยคนไหน

แต่ปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ตอนนี้กำลังถ่ายทำกันอยู่ที่สตูดิโอถ่ายหนัง ก่อนสิบเอ็ดโมงเธอจะมาถึงทันหรือเปล่า?”

ตอนนี้สิบโมงแล้ว แต่โชคดีที่วันนี้หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ที่สนามบินและมันก็ไม่ไกลจากสตูดิโอถ่ายหนังนัก ถ้าเธอเปลี่ยนเสื้อแล้วออกไปเลยก็น่าจะทัน

“ได้ค่ะ”

เธอพูดออกไปแบบนั้น และเหมือนอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ที่จริงแล้วสตูดิโอถ่ายทำหนังค่อนข้างอยู่ห่างจากใจกลางเมือง แต่เจียงเซ่อก็ตอบตกลงแล้ว

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“งั้นก็เอาตามนี้ เธอก็รีบๆ มาแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะส่งตำแหน่งไปทางข้อความให้เธอ ต้องมาก่อนสิบเอ็ดโมงนะ ช้าแค่หนึ่งนาทีก็หมดสิทธิ์ไปเลย”

เขาพูดจบก็วางไปทันที ไม่รอให้เจียงเซ่อพูดอะไรด้วยซ้ำ

แต่เจียงเซ่อก็ไม่สนใจ กว่าเธอจะเปลี่ยนเสื้อล้างเครื่องสำอางเสร็จออกมาจากกองถ่ายก็ปาไปสิบโมงครึ่งแล้ว

พอเธอลองคำนวนเส้นทางจากสนามบินไปสตูดิโอถ่ายหนังดูแล้วก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น เธอตัดสินใจโบกแท็กซี่และบอกให้ไปส่งยังจุดที่นัดเอาไว้ตรงกลางสตูดิโอทันที

ถึงแม้ว่าการที่เจียงเซ่อนักแท็กซี่มาจะทำให้เงินติดตัวเธอหมดไปแต่มันก็ดีกว่าเพราะการนั่งแท็กซี่ก็ทำให้มาถึงที่หมายเร็วกว่า พอไปถึงจุดนัดก็เพิ่งจะสิบโมงสี่สิบห้าเท่านั้น

เธอก้มมองข้อความในมือถืออีกครั้ง เธอเดินไปทางทิศตะวันตกและในข้อความนั้นก็บอกให้เธอมองหาถนนเฉิงซี

กองถ่ายของจ้าวร่างค่อนข้างหาง่าย เพราะว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มนักลงทุน แถมยังใช้ที่นี่ถ่ายเป็นเวลานาน กองถ่ายที่มีความสามารถได้เช่าที่ตั้งแต่ถนนเฉิงซีจนไปถึงสถานที่ถ่ายทำเรียบร้อยแล้ว และยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลด้วย

พวกห้องที่อยู่แถวๆ นี้ก็ถูกออกแบบให้เหมือนในยุค80 ตามกำแพงมีลายพร้อย เพราะตั้งใจทำให้มันดูออกมาเป็นเมืองเก่าๆ

ข้างล่างตึกมีร้านค้า บนตึกมีบ้านคนทั่วไปที่มีหลังคามุงกระเบื้อง ถ้ามองจากข้างนอกก็ดูเหมือนบ้านของครอบครัวตู้เลยทีเดียว

ตอนที่เจียงเซ่อมาถึงก็โดนเจ้าหน้าที่เรียกเอาไว้ และก็ได้รู้ว่าเธอมาตามนัดเพื่อที่จะเข้าไปออดิชั่นนักแสดง เจ้าหน้าที่ดูจากรูปร่างหน้าตาเธอแล้วก็ไม่สงสัยอะไร แถมยังหันไปเรียกคนให้อีก

“พี่ฉาว มีคนมาหา”

พอตะโกนออกไป ก็มีผู้ชายสวมเสื้อยืดสีดำลายสกรีนวิ่งออกมาจากกองถ่าย ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็มองมาที่เจียงเซ่อทันที

ตอนที่ออกมาจากกองถ่าย ‘ฝันที่เป็นจริง’ เธอก็รีบๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช็ดเครื่องสำอางไปส่งๆ

เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลาหน้าของเธอจึงยังลบเครื่องสำอางได้ไม่หมด แต่เครื่องสำอางที่ยังเหลืออยู่บนหน้าเธอก็ไม่อาจทำลายความสวยของเธอได้