webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

035

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 35 แนะนำ

ไต้เจียแสดงได้ไม่เลวเลย วันนั้นที่ถ่ายทำก็เห็นได้ชัดว่ากู้เจียเอ่อพอใจกับการแสดงของหล่อนมาก ถ้าพูดถึงบทแฟนเก่าของโจวหรงเชินแล้วแล้ว ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าหล่อนแน่นอน ไต้เจียเข้ากับบทนี้ที่สุดแล้ว การแสดงของเธอดีมากๆ

“วันนั้นผู้กำกับยังชมเธออยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดนั้นของเจียงเซ่อทำให้เด็กสาวกระตือรือร้นขึ้น

ดูจากท่าทีแล้ว เจียงเซ่อคงไม่ได้เป็นพวกที่ชอบคุยเรื่องซุบซิบ ตอนนี้เธอยอมคุยเรื่องนี้ เด็กสาวเองก็พอเข้าใจที่เธอต้องการจะสื่อ

“เธอแสดงได้ดี เวลาเข้าฉากกับหังยวี๋อีก็เข้ากัน แต่ว่านะคะ บทของเธอไม่เหมือนกับของคุณหรอกนะ……”

ถึงเด็กสาวจะพูดไม่จบแต่เธอก็เข้าใจมันดี

วันนั้นนอกจากไต้เจียที่ได้รับคำชมจากผู้กำกับแล้วก็มีเจียงเซ่อนี่แหละที่ได้ด้วย

แต่สุดท้ายไต้เจียก็โดนเตะออกจากกองถ่ายเสียอย่างนั้น แต่เจียงเซ่อยังได้อยู่

หนึ่งในเหตุผลคือกู้เจียเอ่อพอใจกับรูปร่างหน้าตาของเธอมาก และก็คงเป็นเหตุผลที่เด็กสาวคนนั้นพูดมา ปัญหาเวลาเข้าฉากกับหังยวี๋อี

เจียงเซ่อยังพอจำได้ลางๆ ว่าที่กองถ่ายวันนั้น ผู้กำกับได้เลือกถ่ายฉากของเจ้ารั่วจวินเป็นฉากแรก แต่หล่อนกลับท่องบทได้ไม่ดีนักจนทำเขาโมโหเป็นอย่างมาก และตัดสินใจที่จะถ่ายฉากของไต้เจียก่อน การแสดงของไต้เจียก็ทำให้เขาค่อนข้างพอใจเลยทีเดียว

คิดว่าการที่ไต้เจียที่ได้รับคำชมจากกู้เจียเอ่อคงจะไปล่วงเกินเจ้ารั่วจวินเข้าให้แล้ว

ทั้งสองต่างมีฉากที่ต้องเล่นกับหังยวี๋อี แถมเป็นถึงแฟนเก่ากับแฟนใหม่ ถ้าหนังฉายออกมาแล้วก็คงหลีกเลี่ยงที่จะโดนเปรียบเทียบจากคนดูไม่ได้

วันถ่ายทำวันนั้นเจียงเซ่อเองก็อยู่ด้วย เธอก็เห็นว่าไต้เจียเป็นมือใหม่แต่กลับแสดงได้ดีและโดดเด่นเอามากๆ ถ้าหนังฉายออกไปแล้วจะต้องส่งผลกระทบต่อเจ้ารั่วจวินแน่ๆ

ถึงแม้ว่าในหนังจะมีนางเอกแค่คนเดียว แต่การแสดงออกของไต้เจียออกมาดีกว่าของเจ้ารั่วจวินมาก และนั่นก็อาจจะทำให้คนไม่ชอบหล่อนได้

แต่ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อเองก็โดนชมว่าแสดงได้ดีแต่เธอไม่ได้มีฉากที่ต้องเล่นกับหังยวี๋อี แถมบทมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก คงไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้ารั่วจวินอย่างแน่นอน

อย่างมากพอหนังจบเธอก็คงจะได้เป็นมือใหม่ที่มีแววในวงการบันเทิงเท่านั้นเอง

เจียงเซ่อคิดถึงตรงนี้ก็คิดว่าตัวเองคงจะต้องระวังตัวบ้างแล้ว

“แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยจะตาย เปลี่ยนตัวเปลี่ยนบทกะทันหัน ก็มีเยอะแยะไป”

เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงสาย ทีมงานทุกคนเดินเข้าออกขวักไขว่ไปมา พอช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์มาถึงเจียงเซ่อก็ได้เปลี่ยนเสื้อแต่งหน้าทำผมทันที พอเธอออกมาก็พบว่ารองผู้กำกับกำลังจะพาทุกคนเข้าไปในสนามบินเพื่อเข้าฉากพอดี

คนที่มาแทนไต้เจียเป็นผู้หญิงรูปร่างมีน้ำมีนวลคนหนึ่ง พอดูดีๆ แล้วดูอายุมากกว่าไต้เจียอยู่หลายปี

ถ้าดูจากคุณลักษณะรูปร่างหน้าตาแล้ว ยังไงไต้เจียก็ดีกว่าเธอคนนี้มากๆ แค่ยกมือถือเพื่อคุยโทรศัพท์ก็โดน NG ไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นั่นก็ยิ่งยืนยันสิ่งที่เจียงเซ่อคาดเดาเอาไว้

เจียงเซ่อและตัวประกอบคนอื่นๆ เดินขึ้นเครื่องบินและไปประจำที่ของตัวเอง พอผู้กำกับทำมือให้สัญญาณเจ้ารั่วจวินและหังยวี๋อีก็ไปประจำที่ตัวเองเช่นกัน

หลังจากที่โจวหรงเชินเลิกกับแฟนสาวเขาก็ได้รับความกดดันจากพ่อแม่ว่าให้รีบแต่งงานเสียที ตอนที่เขาขึ้นเครื่องบินแววตาของเขาก็ดูหงุดหงิดไม่พอใจเป็นอย่างมาก

หังยวี๋อีสามารถแสดงบทบาทของโจวหรงเชินได้ดีมาก ถือว่าเอาอยู่เลยทีเดียว โจวหรงเชินที่ทุ่มเททุกอย่างให้งาน และอารมณ์ที่โดนพ่อแม่กดดันเขาก็ทำมันออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

หังยวี๋อีสวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกรีดเสียเรียบ ไหล่เขาผายเหมือนคนยุโรป ในมือถือกระเป๋าเอกสาร และเขาก็โดนวังเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังรีบขึ้นเครื่องชนหลังเข้าเต็มๆ

วังเชี่ยนเชี่ยนเอามือกุมหน้าเอาไว้ และทั้งสองคนก็ได้เจอกันครั้งในฉากนี้

ดูเหมือนการถ่ายทำครั้งนี้คงเป็นเพราะนักแสดงหลักทั้งสองคนเคยเจอและร่วมงานกันที่สตูดิโอถ่ายทำแล้ว นอกจากรอบแรกที่เจ้ารั่วจวินไม่สามารถแสดงอารมณ์ในตอนที่ได้เจอโจวหรงเชินครั้งแรกได้ตามความต้องการของกู้เจียเอ่อจึงโดนสั่งให้เอาใหม่ รอบที่สองก็ถือว่าถ่ายผ่านไปได้อย่างราบรื่น

พอทุกคนนั่งตามที่นั่งตัวเองเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อที่แสดงเป็น Miss จางก็เริ่มพูดแนะนำเที่ยวบินที่จะไปปารีสก่อนออกเดินทางเป็นภาษาฝรั่งเศส

เมื่อเทียบกับตอนที่ลองแสดงในสตูดิโอถ่ายทำแล้ว การแสดงของเจียงเซ่อก็ดูคล่องกว่าตอนนั้นเท่าตัว หลังจากที่ฝึกซ้อมในบ้านมาถึงสองวัน เธอก็สามารถเข้าถึงบทบาทได้ทั้งแววตาและการแสดงออก ทีมงานในกองถ่ายต่างก็รู้สึกได้ว่าเธอแสดงได้ดีกว่าครั้งที่แล้ว แต่พอพูดบทได้แค่ครึ่งเดียว กู้เจียเอ่อก็ขมวดคิ้วยกมือทำสัญญาณให้หยุดทันที

“ผู้กำกับคะ”

เจียงเซ่อเดินเข้าไปหา กู้เจียเอ่อก็พูดออกไปตรงๆ

“เธอแสดงเกินจริงไปหน่อย ไม่มีความเป็นธรรมชาติเหมือนครั้งที่แล้ว เธอลองไปพิจารณาหนึ่งนาทีแล้วค่อยมาถ่ายใหม่”

เขาปัดๆ มือ เจียงเซ่อก็กลับไปยืนที่เดิมของตัวเอง

วันนั้นที่ทดลองแสดง คงเป็นเพราะเธอนึกถึงเผยอี้ที่พูดเกี่ยวกับปารีสให้ฟังละมั้ง ทั้งหอคอยปราสาทและไร่องุ่น

พอเธอหาอารมณ์และความรู้สึกเจอ ตอนที่เธอกลับมาพูดอีกครั้ง การพูดของเธอฟังดูน่าดึงดูดเอามากๆ น้ำเสียงของเธอไพเราะนุ่มนวลเข้าถึงใจคน และมันก็แฝงไปด้วยความเย็นชาเล็กๆ ของตัวเธอเองอยู่ในน้ำเสียงนั้นด้วย แต่มันก็ทำให้รู้สึกใจเต้นเร็วและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนฟังตามที่เธอพูดไปเรื่อยๆ ในใจทุกคนบินไปอยู่ที่ปารีสก่อนเครื่องบินจะไปถึงเรียบร้อยแล้ว

พอบทถูกพูดไปหมดแล้ว กู้เจียเอ่อก็ยังไม่สั่งให้เธอหยุดแสดง และเจียงเซ่อก็ไม่หยุดเช่นกัน

ตอนนี้เหมือนเธอได้กลายเป็นแอร์โฮสเตสที่ชื่อ Miss จางไปแล้วจริงๆ แอร์โฮสเตสที่กำลังพูดแนะนำก่อนที่เครื่องบินจะทะยานสูงท้องฟ้า น้ำเสียงที่แสนมีเสน่ห์ทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในปารีสก่อนที่จะไปถึงที่นั่นจริงๆ

นอกจากจะพูดถึงศิลปะต่างๆ แล้ว เธอยังพูดถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ และวิวที่สวยงามด้วย

คนเขียนบทที่อยู่ข้างๆ ก็รีบมองบทในมือแล้วรีบพูดออกมาเบาๆ

“ผู้กำกับกู้ บทนี้มัน……”

เจียงเซ่อพูดบทจบไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้เธอคิดอะไรได้เธอก็พูดต่อไปเรื่อยๆ ส่วยกู้เจียเอ่อเองก็ไม่ได้สั่งให้หยุดแต่อย่างใด

“ท่าทางเธอกำลังได้ที่ ไว้ส่วนไหนที่ดูมากเกินไปค่อยตัดออกก็ได้”

อีกประโยคเดียวเจียงเซ่อก็จะพูดจบแล้ว กู้เจียเอ่อก็พยักหน้าให้เธอพูดจนจบ และฉากของเจียงเซ่อในหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็ถ่ายเสร็จเรียบร้อย

ผู้กำกับก็เริ่มสั่งให้เริ่มถ่ายฉากอื่นต่อ ผู้ช่วยขอเวลาคุยกับเธออีกเล็กน้อย และบอกว่าขอให้เธอพากย์เสียงภาษาจีนให้ด้วย

“บทนี้เพิ่งเพิ่มเข้ามาในเนื้อเรื่องทีหลังน่ะ”

พอหนังเรื่องนี้ฉายออกไป ในฉากฉากนี้นอกจากเจียงเซ่อจะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสพูดแล้ว ยังขอให้เธอช่วยพากย์เสียงเป็นภาษาจีนไว้แทรกด้วย

“ครั้งนี้บริษัทรุ่ยเหอมีเดียได้ร่วมมือกับกองถ่าย ตอนนี้พวกเขาก็กำลังร่วมทำหนังอยู่อีกเรื่อง กำลังหานักแสดงอยู่ด้วยนะ เธอสนใจไหมล่ะ?”

ผู้ช่วยเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยังดูอายุน้อยอยู่เหมือนกัน พอพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว เขาก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เจียงเซ่อเพื่อจะคุยด้วย

“ไม่ได้ต้องแสดงเยอะหรอก แค่ต้องการภาพที่กำลังเล่นเปียโนจากด้านหลังน่ะ แต่จ้าวร่างเป็นผู้กำกับนะ คนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเรื่องมาก ไปออดิชั่นกี่คนๆ ก็ไม่เข้าตาเขาสักคน”

เจียงเซ่อแสดงบทในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ได้ดี บทนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ กู้เจียเอ่อเองก็ยังพอใจในตัวเธอมาก ทั้งมีความสามารถทั้งมีรูปร่างหน้าตาที่สวยขนาดนี้ ไม่แน่ในอนาคตอาจจะได้เป็นดาวที่เด่นกว่าใครๆ

แต่ถ้าจะทำให้มันง่ายขึ้น ผู้ช่วยเองก็พอจะแนะนำสิ่งดีๆ ให้เธอได้

ยังไงทุกคนก็เป็นคนในวงการ จะผูกสัมพันธ์ไมตรีบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

ยังไงซะตอนนี้บริษัทรุ่ยเหอมีเดียก็กำลังลงทุนถ่ายหนังแถมยังหาคนแสดงที่ไม่ต้องการถ่ายหน้าอยู่แล้ว ผู้กำกับจ้าวร่างเองก็เป็นคนที่มีเงื่อนไขสูง แม้แต่ดาราผู้หญิงหลายคนที่ไปออดิชั่นก็ยังไม่ผ่าน แถมยังไม่ต้องการถ่ายหน้าแต่กลับอยากได้มุมด้านหลังที่สามารถสื่ออารมณ์ได้

เงื่อนไขแบบนี้ยากจะตายไป แม้แต่คนที่อยากจะแสดงก็ขอยอมแพ้ด้วยซ้ำ