webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

030

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 30 เตือน

แฟนสาวเปลี่ยนรองเท้าต่อ ผมของเธอที่ปรกลงปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งทำให้เห็นได้แค่เสี้ยวหน้า สีหน้าเธอสงบนิ่งเหมือนก่อนที่พายุฝนจะมาเยือน

“ฉันบอกว่าฉันกลับมาแล้ว”

เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับโจวหรงเชิน น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย

“อืม” ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะยังคงเอาแต่เขียนอะไรบางอย่างลงในสมุด เขาไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ ก็แค่ตอบออกไปส่งๆ

การตอบรับแบบนั้นทำเอาแฟนสาวนิ่งงันไป

เจียงเซ่อที่มองอยู่ก็สังเกตการณ์แสดงของไต้เจียไปด้วย ไหล่หล่อนลู่ลง สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าและตัวที่แข็งทื่อ เธอรู้สึกขนาดที่ว่า ไต้เจียกำลังอดกลั้นความโมโหและรอที่จะระเบิดออกมา

“โจวหรงเชิน! ฉันบอกว่าฉันกลับมาแล้ว!”

แฟนสาวตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน เธอสั่นไปหมด

พอเธอเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็อุ้มช่อดอกกุหลาบเข้ามา เธอมองชายหนุ่มที่กำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ แววตาของเธอมีทั้งความหวังและความสิ้นหวังผสมปนเปไปกันหมด

“ดุ๊ก เพื่อนร่วมงานที่บริษัทให้ช่อดอกกุหลาบฉันมาด้วยละ”

เธอมองแจกันที่อยู่บนโต๊ะแล้วเอาดอกไม้ช่อใหม่ปักลงไป พอจัดเรียบร้อนแล้วก็เติมน้ำเข้าไปด้วย

การกระทำทุกอย่างนี้ โจวหรงเชินไม่ไดเงยหน้ามามองเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า

“ดุ๊กคือใคร?”

แฟนสาวหัวเราะขึ้น แต่น้ำตากลับไหลออกมา

ภายใต้ฉากที่มีแสงไฟสลัว อารมณ์และท่าทางของไต้เจียถูกกล้องถ่ายเอาไว้หมดแล้ว น้ำตาที่เอ่อล่นออกมาทำให้ดวงตาวาววับ ทำเอาคนดูรู้สึกได้ว่า ในใจของเธอไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย

“ดุ๊กเป็นไดเรคเตอร์ของบริษัทที่เพิ่งย้ายมาใหม่ ฉันว่าฉันบอกนายไปตั้งหลายทีแล้วนี่ว่าเขาตามจีบฉันมาสักพักแล้ว”

กู้เจียเอ่อยกมือ ‘OK’ ขึ้นอีกครั้ง ดูท่าฉากนี้ก็คงผ่านไปได้ด้วยดี

ห้องฉากถูกเปิดไฟสว่างขึ้น ไต้เจียยังตกอยู่ในภวังค์อารมณ์ไม่หลุดออกมา

ดูท่าบท ‘แฟนเก่าของโจวหรงเชิน’ หล่อนจะเอาอยู่และทำมันออกมาได้ดีมาก ทำเอาคนอื่นๆ ในกองถ่ายอินตามเธอไปด้วย หรือแม้แต่กู้เจียเอ่อที่เพิ่งด่าเจ้ารั่วจวินมาก็ชมเธอเช่นกัน

“ดีมาก”

พอได้คำชมจากผู้กำกับมา เวลาที่ทีมงานเข้าไปคุยกับเธอน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

อีกมุมหนึ่งในท่ามกลางผู้คน เจ้ารั่วจวินยังคงรักษารอยยิ้มฝืนๆ นั่นได้เป็นอย่างดี แต่มือเธอที่ถือขวดน้ำไว้นี่สิ ดูท่าจะบีบจนมันยุบบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว

เมื่อเวลาพักผ่านไป กล้องทุกตัวก็เตรียมจับไปที่ใบหน้าของหังยวี๋อี พอเขาได้ยินว่าแฟนสาวกำลังโดนคนที่บริษัทตามจีบ เขาก็ขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงถึงความหงุดหงิด

เขาสามารถแสดงความรู้สึกของตัวละครโจวหรงเชินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ในใจลึกๆ ของโจวหรงเชินมีความรู้สึกบางอย่างที่กำลังตำหนิแฟนสาวของตนว่าเธอไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกไม่สบายใจของตัวเองได้ เจียงเซ่อดูมันออกอย่างชัดเจน

แต่ก่อนเคยได้ยินหลูเป๋าเป่าพูดถึงเจ้ารั่วจวินบ่อยๆ และก็รู้ว่าหล่อนเองก็ได้ผ่านการแสดงมามากมาย ประสบการณ์ก็เยอะตามท้องเรื่อง

แต่เท่าที่เห็นเจ้ารั่วจวินวันนี้ หล่อนป็นคนที่ได้เปิดกล้อง แต่เจียงเซ่อกลับรู้สึกว่าเจ้ารั่วจวินไม่ได้แสดงดีเท่าไหร่ แถมดูไม่ค่อยมีไหวพริบด้วย ไม่เห็นเหมือนตามที่ชื่อเสียงบอกไว้เลย ที่จริงฝีมือการแสดงของเธอควรจะพอๆ กับหังยวี๋อีด้วยซ้ำ

ตอนนี้กำลังจะเริ่มถ่ายใหม่แล้ว ฉากสองฉากก่อนหน้านี้จริงๆ แล้วเป็นฉากของไต้เจีย แต่ที่มีหังยวี๋อีอยู่ในฉากด้วยนั่นก็เป็นเพราะความต้องการของกู้เจียเอ่อที่จะเอาไว้เรียกคนดู

แต่ฉากที่กำลังถ่ายต่อไปนี้มีเนื้อหามากขึ้น หังยวี๋อีเองก็จะได้ออกโรงมากขึ้นเช่นกัน

เขาไม่พูดอะไรกับแฟนสาวอีก เพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปโมโหด้วย

และแน่นอนว่าท่าทีเฉยเมยแบบนั้นทำเอาแฟนสาวโกรธมากๆ และสุดท้าย เธอก็ระเบิดมันออกมา

ไต้เจียแสดงบทหญิงสาวที่กำลังจะเป็นบ้าได้เป็นอย่างดี และตอนนี้เธอกำลังทะเลาะกับโจวหรงเชิน

ตามบทหนังแล้ว ร่างของหญิงสาวคนนั้นสั่นไปทั้งตัว และเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่าต้องการจะเลิก ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรซักคำ จนกระทั่งหญิงสาวเดินดุ่มเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของหนี

ฉากเลิกกันของทั้งสองโดน NG ไปสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี

กู้เจียเอ่อดูภาพทั้งหมดอีกครั้ง ดูท่าเขาจะพอใจกับสองคนนั้นมากๆ และกู้เจียเอ่อก็สั่งพักกองอีกครั้ง

หังยวี๋อีปลดกระดุมเสื้อแล้วเดินออกมาจากฉาก

ทั้งห้องกลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง และพวกทีมงานก็เรียกให้คนมาเอาฉากออก

เจียงเซ่อมองไปยังนักแสดงที่ถูกชายหญิงที่โดนพวกทีมงานกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ และไม่คิดจะเข้าไป

แต่กลับกัน ไต้เจียที่เพิ่งโดนกู้เจียเอ่อชมไปก็หันมามองเธอพอดี แล้วหล่อนก็เดินมาหาเธอ

“ฉันแสดงเป็นไงบ้าง?”

กู้เจียเอ่อชมหล่อนขนาดนั้น หล่อนก็ต้องแสดงดีสิ

ดวงตาของหล่อนยังคงชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา จากแรงอารมณ์ในฉากเมื่อกี้ หล่อนยกมือขึ้นทัดผม

“มีกระดาษทิชชูไหม?”

เจียงเซ่อสวมชุดที่ใช้แสดงอยู่ ของทั้งหมดก็เก็บล็อกไว้อยู่ในตู้ จะไปมีกระดาษทิชชูได้ยังไงกัน? เธอส่ายหน้า “เธอแสดงได้ดีมากเลย”

ไต้เจียที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยกมือขึ้นกรีดหยดน้ำตาออกจากปลายตา

“จะไม่ดีได้ไงละ พอดีตอนนั้นคิดถึงเรื่องบางอย่างได้พอดี”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันก็เกิดได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเดินเข้ามา เจียงเซ่อหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงิน มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พอเขาสอดสายตามองไต้เจียจนพอใจเขาก็หันมามองเจียงเซ่ออีก ดูไม่ปิดบังเลยสักนิดว่ากำลังชื่นชมอยู่

ไต้เจียหันไปยิ้มให้คนๆ นั้นแล้วเรียกขึ้นเสียงหวาน

“พี่เหยา”

เสียงของเธอเรียกให้ชายคนนั้นหันไปมองเธอเหมือนเดิม เขาล้วงซองบุหรี่ขึ้นมาแล้วหยิบออกมามวนหนึ่ง เขาคาบเอาไว้ก่อนจะหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดมัน ชายคนนั้นสูบเข้าไปทีหนึ่งแล้วยื่นให้เจียงเซ่อ

“แสดงได้ไม่เลวเลยนี่ ผู้กำกับกู้คงจะได้คนใหม่แล้วสิ ดูท่าว่าปีนี้คงมีสาวสวยถึงสองคนมาสร้างสีสันให้วงการแล้ว”

เจียงเซ่อรับบุหรี่นั่นมา ชายคนนั้นยิ้มอย่างพอใจ กลับกัน ไต้เจียที่เห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ แววตาดูสับสนไม่น้อย

พอชายคนนั้นยื่นบุหรี่ให้หล่อนบ้าง หล่อนก็ลังเลก่อนจะปัดมือแล้วเดินถอยหลังเล็กน้อย

“ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่สูบบุหรี่”

พอหล่อนพูดจบ ชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมาแล้วชี้ไปที่เจียงเซ่อที่ถือบุหรี่อยู่

“ฉันจะจับตาดูเธอเอาไว้”

พอเขาพูดจบก็มีคนเรียก ‘พี่เหยา’ มาจากไกลๆ ชายคนนั้นเบ้ปากก่อจะหันมามองไต้เจียอีกครั้งแล้วเดินออกไป

พอเขาไปแล้วจริงๆ ไต้เจียก็หันมามองเจียงเซ่อครู่หนึ่งก่อนจจะพูดขึ้น

“เธออย่าหาว่าฉันอิจฉาเลยนะ วงการนี้มันลึกจะตายไป คนอื่นให้อะไรมาเธอก็ยังกล้ารับไว้อีกหรอ” หล่อนมองบุหรี่ในมือของเจียงเซ่อแล้วพูดเสียงสูงขึ้นอีก

“ใครจะไปรู้ว่าในนั้นมีอะไรบ้าง?”

เจียงเซ่อคีบบุหรี่เอาไว้ ควันของมันลอยขึ้นเป็นเกลียว กลิ่นของมันทำเอาหายใจไม่ออก

“ก็แค่รับเอาไว้น่ะ ไม่ได้ให้สูบจริงๆ เสียหน่อย”

ไต้เจียดูเหมือนจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมาก แต่เธอก็ยังขาดประสบการณ์อีกมาก

ทั้งสองได้เจอกันแค่สองครั้ง เจียงเซ่อคิดถึงวันนั้นที่เธออุตส่าห์เตือนเธอ ถึงตอนนี้จะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ดูประสงค์ร้ายอะไร ยังไงก็ต้องตอบแทนเธอสักหน่อยละนะ

“บางครั้งถึงแม้จะเป็นการป้องกันตัวแต่ก็ไม่ควรให้คนอื่นดูออกได้ง่ายๆ นั่นถึงจะเป็นการป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด”