娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 30 เตือน
แฟนสาวเปลี่ยนรองเท้าต่อ ผมของเธอที่ปรกลงปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งทำให้เห็นได้แค่เสี้ยวหน้า สีหน้าเธอสงบนิ่งเหมือนก่อนที่พายุฝนจะมาเยือน
“ฉันบอกว่าฉันกลับมาแล้ว”
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับโจวหรงเชิน น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“อืม” ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะยังคงเอาแต่เขียนอะไรบางอย่างลงในสมุด เขาไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ ก็แค่ตอบออกไปส่งๆ
การตอบรับแบบนั้นทำเอาแฟนสาวนิ่งงันไป
เจียงเซ่อที่มองอยู่ก็สังเกตการณ์แสดงของไต้เจียไปด้วย ไหล่หล่อนลู่ลง สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าและตัวที่แข็งทื่อ เธอรู้สึกขนาดที่ว่า ไต้เจียกำลังอดกลั้นความโมโหและรอที่จะระเบิดออกมา
“โจวหรงเชิน! ฉันบอกว่าฉันกลับมาแล้ว!”
แฟนสาวตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน เธอสั่นไปหมด
พอเธอเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็อุ้มช่อดอกกุหลาบเข้ามา เธอมองชายหนุ่มที่กำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ แววตาของเธอมีทั้งความหวังและความสิ้นหวังผสมปนเปไปกันหมด
“ดุ๊ก เพื่อนร่วมงานที่บริษัทให้ช่อดอกกุหลาบฉันมาด้วยละ”
เธอมองแจกันที่อยู่บนโต๊ะแล้วเอาดอกไม้ช่อใหม่ปักลงไป พอจัดเรียบร้อนแล้วก็เติมน้ำเข้าไปด้วย
การกระทำทุกอย่างนี้ โจวหรงเชินไม่ไดเงยหน้ามามองเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ดุ๊กคือใคร?”
แฟนสาวหัวเราะขึ้น แต่น้ำตากลับไหลออกมา
ภายใต้ฉากที่มีแสงไฟสลัว อารมณ์และท่าทางของไต้เจียถูกกล้องถ่ายเอาไว้หมดแล้ว น้ำตาที่เอ่อล่นออกมาทำให้ดวงตาวาววับ ทำเอาคนดูรู้สึกได้ว่า ในใจของเธอไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย
“ดุ๊กเป็นไดเรคเตอร์ของบริษัทที่เพิ่งย้ายมาใหม่ ฉันว่าฉันบอกนายไปตั้งหลายทีแล้วนี่ว่าเขาตามจีบฉันมาสักพักแล้ว”
กู้เจียเอ่อยกมือ ‘OK’ ขึ้นอีกครั้ง ดูท่าฉากนี้ก็คงผ่านไปได้ด้วยดี
ห้องฉากถูกเปิดไฟสว่างขึ้น ไต้เจียยังตกอยู่ในภวังค์อารมณ์ไม่หลุดออกมา
ดูท่าบท ‘แฟนเก่าของโจวหรงเชิน’ หล่อนจะเอาอยู่และทำมันออกมาได้ดีมาก ทำเอาคนอื่นๆ ในกองถ่ายอินตามเธอไปด้วย หรือแม้แต่กู้เจียเอ่อที่เพิ่งด่าเจ้ารั่วจวินมาก็ชมเธอเช่นกัน
“ดีมาก”
พอได้คำชมจากผู้กำกับมา เวลาที่ทีมงานเข้าไปคุยกับเธอน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
อีกมุมหนึ่งในท่ามกลางผู้คน เจ้ารั่วจวินยังคงรักษารอยยิ้มฝืนๆ นั่นได้เป็นอย่างดี แต่มือเธอที่ถือขวดน้ำไว้นี่สิ ดูท่าจะบีบจนมันยุบบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว
เมื่อเวลาพักผ่านไป กล้องทุกตัวก็เตรียมจับไปที่ใบหน้าของหังยวี๋อี พอเขาได้ยินว่าแฟนสาวกำลังโดนคนที่บริษัทตามจีบ เขาก็ขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงถึงความหงุดหงิด
เขาสามารถแสดงความรู้สึกของตัวละครโจวหรงเชินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ในใจลึกๆ ของโจวหรงเชินมีความรู้สึกบางอย่างที่กำลังตำหนิแฟนสาวของตนว่าเธอไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกไม่สบายใจของตัวเองได้ เจียงเซ่อดูมันออกอย่างชัดเจน
แต่ก่อนเคยได้ยินหลูเป๋าเป่าพูดถึงเจ้ารั่วจวินบ่อยๆ และก็รู้ว่าหล่อนเองก็ได้ผ่านการแสดงมามากมาย ประสบการณ์ก็เยอะตามท้องเรื่อง
แต่เท่าที่เห็นเจ้ารั่วจวินวันนี้ หล่อนป็นคนที่ได้เปิดกล้อง แต่เจียงเซ่อกลับรู้สึกว่าเจ้ารั่วจวินไม่ได้แสดงดีเท่าไหร่ แถมดูไม่ค่อยมีไหวพริบด้วย ไม่เห็นเหมือนตามที่ชื่อเสียงบอกไว้เลย ที่จริงฝีมือการแสดงของเธอควรจะพอๆ กับหังยวี๋อีด้วยซ้ำ
ตอนนี้กำลังจะเริ่มถ่ายใหม่แล้ว ฉากสองฉากก่อนหน้านี้จริงๆ แล้วเป็นฉากของไต้เจีย แต่ที่มีหังยวี๋อีอยู่ในฉากด้วยนั่นก็เป็นเพราะความต้องการของกู้เจียเอ่อที่จะเอาไว้เรียกคนดู
แต่ฉากที่กำลังถ่ายต่อไปนี้มีเนื้อหามากขึ้น หังยวี๋อีเองก็จะได้ออกโรงมากขึ้นเช่นกัน
เขาไม่พูดอะไรกับแฟนสาวอีก เพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปโมโหด้วย
และแน่นอนว่าท่าทีเฉยเมยแบบนั้นทำเอาแฟนสาวโกรธมากๆ และสุดท้าย เธอก็ระเบิดมันออกมา
ไต้เจียแสดงบทหญิงสาวที่กำลังจะเป็นบ้าได้เป็นอย่างดี และตอนนี้เธอกำลังทะเลาะกับโจวหรงเชิน
ตามบทหนังแล้ว ร่างของหญิงสาวคนนั้นสั่นไปทั้งตัว และเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่าต้องการจะเลิก ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรซักคำ จนกระทั่งหญิงสาวเดินดุ่มเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของหนี
ฉากเลิกกันของทั้งสองโดน NG ไปสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี
กู้เจียเอ่อดูภาพทั้งหมดอีกครั้ง ดูท่าเขาจะพอใจกับสองคนนั้นมากๆ และกู้เจียเอ่อก็สั่งพักกองอีกครั้ง
หังยวี๋อีปลดกระดุมเสื้อแล้วเดินออกมาจากฉาก
ทั้งห้องกลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง และพวกทีมงานก็เรียกให้คนมาเอาฉากออก
เจียงเซ่อมองไปยังนักแสดงที่ถูกชายหญิงที่โดนพวกทีมงานกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ และไม่คิดจะเข้าไป
แต่กลับกัน ไต้เจียที่เพิ่งโดนกู้เจียเอ่อชมไปก็หันมามองเธอพอดี แล้วหล่อนก็เดินมาหาเธอ
“ฉันแสดงเป็นไงบ้าง?”
กู้เจียเอ่อชมหล่อนขนาดนั้น หล่อนก็ต้องแสดงดีสิ
ดวงตาของหล่อนยังคงชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา จากแรงอารมณ์ในฉากเมื่อกี้ หล่อนยกมือขึ้นทัดผม
“มีกระดาษทิชชูไหม?”
เจียงเซ่อสวมชุดที่ใช้แสดงอยู่ ของทั้งหมดก็เก็บล็อกไว้อยู่ในตู้ จะไปมีกระดาษทิชชูได้ยังไงกัน? เธอส่ายหน้า “เธอแสดงได้ดีมากเลย”
ไต้เจียที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยกมือขึ้นกรีดหยดน้ำตาออกจากปลายตา
“จะไม่ดีได้ไงละ พอดีตอนนั้นคิดถึงเรื่องบางอย่างได้พอดี”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันก็เกิดได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเดินเข้ามา เจียงเซ่อหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงิน มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พอเขาสอดสายตามองไต้เจียจนพอใจเขาก็หันมามองเจียงเซ่ออีก ดูไม่ปิดบังเลยสักนิดว่ากำลังชื่นชมอยู่
ไต้เจียหันไปยิ้มให้คนๆ นั้นแล้วเรียกขึ้นเสียงหวาน
“พี่เหยา”
เสียงของเธอเรียกให้ชายคนนั้นหันไปมองเธอเหมือนเดิม เขาล้วงซองบุหรี่ขึ้นมาแล้วหยิบออกมามวนหนึ่ง เขาคาบเอาไว้ก่อนจะหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดมัน ชายคนนั้นสูบเข้าไปทีหนึ่งแล้วยื่นให้เจียงเซ่อ
“แสดงได้ไม่เลวเลยนี่ ผู้กำกับกู้คงจะได้คนใหม่แล้วสิ ดูท่าว่าปีนี้คงมีสาวสวยถึงสองคนมาสร้างสีสันให้วงการแล้ว”
เจียงเซ่อรับบุหรี่นั่นมา ชายคนนั้นยิ้มอย่างพอใจ กลับกัน ไต้เจียที่เห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ แววตาดูสับสนไม่น้อย
พอชายคนนั้นยื่นบุหรี่ให้หล่อนบ้าง หล่อนก็ลังเลก่อนจะปัดมือแล้วเดินถอยหลังเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่สูบบุหรี่”
พอหล่อนพูดจบ ชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมาแล้วชี้ไปที่เจียงเซ่อที่ถือบุหรี่อยู่
“ฉันจะจับตาดูเธอเอาไว้”
พอเขาพูดจบก็มีคนเรียก ‘พี่เหยา’ มาจากไกลๆ ชายคนนั้นเบ้ปากก่อจะหันมามองไต้เจียอีกครั้งแล้วเดินออกไป
พอเขาไปแล้วจริงๆ ไต้เจียก็หันมามองเจียงเซ่อครู่หนึ่งก่อนจจะพูดขึ้น
“เธออย่าหาว่าฉันอิจฉาเลยนะ วงการนี้มันลึกจะตายไป คนอื่นให้อะไรมาเธอก็ยังกล้ารับไว้อีกหรอ” หล่อนมองบุหรี่ในมือของเจียงเซ่อแล้วพูดเสียงสูงขึ้นอีก
“ใครจะไปรู้ว่าในนั้นมีอะไรบ้าง?”
เจียงเซ่อคีบบุหรี่เอาไว้ ควันของมันลอยขึ้นเป็นเกลียว กลิ่นของมันทำเอาหายใจไม่ออก
“ก็แค่รับเอาไว้น่ะ ไม่ได้ให้สูบจริงๆ เสียหน่อย”
ไต้เจียดูเหมือนจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมาก แต่เธอก็ยังขาดประสบการณ์อีกมาก
ทั้งสองได้เจอกันแค่สองครั้ง เจียงเซ่อคิดถึงวันนั้นที่เธออุตส่าห์เตือนเธอ ถึงตอนนี้จะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ดูประสงค์ร้ายอะไร ยังไงก็ต้องตอบแทนเธอสักหน่อยละนะ
“บางครั้งถึงแม้จะเป็นการป้องกันตัวแต่ก็ไม่ควรให้คนอื่นดูออกได้ง่ายๆ นั่นถึงจะเป็นการป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด”