webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

029

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 29 Shoot

“แม่” วังเชี่ยนเชี่ยนพูดตัดก่อนจะก้มหน้าลง

“หนูเตรียมตัวไป……” ปารีสแล้ว

เจ้ารั่วจวินยังไม่ทันพูดจบประโยคกู้เจียเอ่อก็ขมวดคิ้วตะโกนขึ้น “หยุด!”

สีหน้าเขาไม่โอเคเลย “เธอก้มหน้าแล้วกล้องจะถ่ายเห็นเธอไหมล่ะ ถ้าร่างกายเธอมันพอทำให้รู้ได้ว่าเธอกำลังรู้สึกวุ่นวายใจก็ว่าไปอย่าง ฉันต้องการให้เธอมาแสดงเป็นวังเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังสับสนวุ่นวายใจ ไม่ใช่ให้เธอมาเป็นแจกันดอกไม้!”

กู้เจียเอ่อพูดได้ตรงจริงๆ

“นี่ไม่ใช่การถ่ายละครนะโทรทัศน์นะ” กู้เจียเอ่อพูดออกไปอย่างหงุดหงิด “เธอรู้หรือเปล่าว่าทุกวิที่ถ่ายไปต้องเสียค่าฟิล์มไปเท่าไหร่?”

เจียงเซ่อที่กำลังดูยืนอยู่ก็เข้าใจทันทีว่าผู้กำกับคนนี้เป็นคนยังไง

เวลาที่กู้เจียเอ่ออยู่ในกองถ่ายจะเป็นคนที่ดุมากๆ ใครที่ทำตามความต้องการเขาไม่ได้อย่างเจ้ารั่วจวินก็จะโดนเขาค่าอย่างรุนแรง

วันนี้เธอยังมีถ่าย ถึงก่อนหน้านี้ไต้เจียจะพูดให้ฟังว่าวันนี้คงเป็นแค่การซ้อมใหญ่ ยังไม่ถือว่าถ่ายของจริง แต่เจียงเซ่อก็ยังท่องบท Missจาง อยู่เรื่อยๆ

เจ้ารั่วจวินโดนดุเสียเริ่มทนไม่ไหว แต่พออยู่ต่อหน้ากู้เจียเอ่อก็ได้แค่โมโหอยู่ในใจไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“ผู้กำกับกู้” ผู้ช่วยเจ้ารั่วจวินเป็นผู้ชายใส่แว่นอายุราวๆ สามสิบปีเดินเข้ามา ท่าทางเป็นคนสุภาพเรียบร้อย “ผมว่าเจ้ารั่วจวินคงยังปรับตัวไม่ทัน ยังไงก็ขอให้เธอได้พักก่อนสักครู่เถอะครับ ไม่งั้นก็ขอให้เธอได้ปรับตัวก่อน ให้เธอไปคุยกับพี่เทาก่อนก็ได้ หรือไม่งั้นก็ถ่ายฉากอื่นก่อนก็ได้ครับ”

เขายืนอยู่ข้างๆ กู้เจียเอ่อและยิ้มอยู่ตลอดเวลา “ผมรู้ว่าคุณเห็นหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ สำคัญมาก รั่วจวินเองก็เช่นกัน เธอท่องบททั้งวันทั้งคืนเลย วันนี้เธออาจจะตื่นเต้นไปเสียหน่อย”

ตั้งแต่เริ่มถ่าย เจ้ารั่วจวินก็โดน NG ไปหลายครั้งแล้ว นี่มันเสียเวลาจริงๆ

แต่ถึงผู้ช่วยจะพูดดีแค่ไหน กู้เจียเอ่อก็สั่งออกมาอย่างไม่พอใจเหมือนเดิมว่าให้ถ่ายฉากอื่นก่อน

ทุกคนในกองถ่ายถอนหายใจออกมา ผู้ช่วยคนนั้นก็รีบเข้าไปพยุงเจ้ารั่วจวินขึ้นแล้วพาไปพักอีกที่

ในขณะที่เจียงเซ่อกำลังมองตามเจ้ารั่วจวินไป เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งมาทางด้านหลังเธอ

เจียงเซ่อเบี่ยงตัวหลบทันที พอหันไปก็พบว่าเป็นไต้เจียที่กำลังชูมือกลางอากาศ ดูเหมือนว่าหล่อนกำลังจะจับไหล่เธอ

“รู้สึกตัวเร็วดีนะ” ไต้เจียชักมือกลับ เจียงเซ่อตอบ “ไม่รู้ว่าเป็นเธอ”

ตระกูลเฝิงทำธุรกิจมานาน ในฮ่องกงก็ถือได้ว่ามีหน้ามีตาพอสมควร

เกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เฝิงหนานจึงถูกสอนและฝึกมาให้ระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

“ดูดาราอยู่เหรอ?”

ไต้เจียมองผ่านไปทางที่เธอมองเมื่อครู่ และก็พบว่าเจ้ารั่วจวินกำลังโดนพวกดาราหน้าใหม่ล้อมหล่อนไว้กลางวง อีกด้านก็มีคนเขียนบทกำลังคุยกับเธอ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าตอนที่ถ่ายเยอะแล้ว

“เพื่อนนักเรียนของฉันคนหนึ่งชอบเธอมาก พูดถึงตั้งหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นตัวจริง” เจียงเซ่ออธิบาย ในกองถ่ายคนเยอะจริงๆ ผู้กำกับเองก็กำลังยืนคุยอยู่กับทีมงาน ดูท่าอีกนานกว่าจะได้เริ่มถ่ายใหม่ ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินออกจากกองถ่ายมา แต่ก็ไม่ได้ไปไกลมากนัก พวกเธอยืนคุยกันอยู่บริเวณหน้าต่างที่เปิดออกไปแค่ประมาณห้าหกก้าวเท่านั้น

“พอเข้าวงการมาแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าดาราเป็นของแปลกอะไร” ไต้เจียเท้าแขนกับขอบหน้าต่างแล้วพูดถึงเจ้ารั่วจวินขึ้นมา “เจ้ารั่วจวินเธอเข้าวงการมานานแล้ว แต่เธอก็เคยถ่ายแค่ละครมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เล่นหนัง แต่เอาจริงๆ เธอเริ่มได้สูงมากเลยนะ หนังเรื่องแรกก็ได้เล่นเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานแล้ว ถึงบทจะไม่เยอะแต่บทบาทนั้นก็โดนแย่งมาหลายครั้งแล้วนะ เป็นบทที่มีการช่วงชิงกันใหญ่หลวงมาก”

“ได้ข่าวว่าเธอก็เคยไปแสดงหนังของจางจิ้งอานด้วยเหมือนกันนี่?” ไต้เจียพูดจบก็หันไปถามเจียงเซ่อ

หล่อนเป็นคนตรงดีจริงๆ อยากรู้อะไรก็ถาม

เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร ก็คงรู้กันไปตั้งแต่ตอนที่เธอไปออดิชั่นแล้ว เพราะเธอยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อที่จะได้โดนเลือกมาแสดง

“ตอนนั้นเขาไปถ่ายทำที่เซิ่นจวงพอดีน่ะ ฉันเองก็ไปดูกับเพื่อนอีกคน เผอิญโชคดีได้ไปเจอกับจางจิ้งอานเข้า เลยได้เข้าไปในนั้น”

ไต้เจียก้มองเท้าตัวเองที่สวมส้นสูงอยู่ ผมยาวเป็นลอนลู่ลงปรกหน้าของหล่อน ไต่เจียพูดขึ้นเสียงต่ำ

“โชคดีจริงๆ เลยนะ วงการนี้มันลึกจะตายไป การที่จะได้เข้ากองถ่ายของจางจิ้งอานได้ง่ายๆ แบบเธอไม่ค่อยมีให้เห็นได้บ่อยๆ หรอกนะ” หล่อนรวบผมตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้น “จริงสิ เธอชื่ออะไรนะ เจอกันตั้งสองรอบยังไม่ได้ถามชื่อเธอสักที”

“ฉันชื่อเจียงเซ่อ” พอพูดชื่อตัวเอง คนในกองถ่ายก็ตะโกนเรียกขึ้นมาพอดี

จากสภาพของเจ้ารั่วจวินแล้ว ดูท่ากู้เจียเอ่อคงตัดสินใจถ่ายฉากตอนที่พระเอกกับแฟนเก่าเลิกกันก่อน เพราะพวกทีมงานพวกนั้นกำลังเรียกไต้เจีย

หล่อนยังไม่ทันได้ตอบอะไรเจียงเซ่อก็รีบวิ่งไปในกองเสียก่อน

ถึงกู้เจียเอ่อจะตัดสินใจเปลี่ยนฉากกะทันหัน แต่ฉากทุกอย่างได้ถูกเซตไว้เรียบร้อยแล้ว

เจียงเซ่อยืนอยู่อีกสักพัก พอเข้าไปถึงก็เห็นไต่เจียกับหังยวี๋อีประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว

เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินช่างแต่งหน้าพูดถึงหังยวี๋อีมาแล้วรอบหนึ่ง เจียงเซ่อจึงคิดว่านี่คือดาราวัยรุ่นอีกคนที่ดังมากในตอนนี้

หังยวี๋อีดูแล้วอายุยังน้อยอยู่เลย ทรงผมซอยสั้น คงเป็นเพราะเพื่อให้เข้ากับบทบาทละมั้ง เขาไม่ได้ทำสีผม บุคลิกดูท่าทางเป็นคนอบอุ่น และดูจะเป็นคนเจ้าสำอางด้วย

รูปร่างผอม สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบและมันก็พอดีกับไต้เจียมากๆ

พอยืนด้วยกันแล้ว อีกคนก็ดูนิ่งขรึม อีกคนก็ดูสวยแพรวพราว หังยวี๋อีสวมชุดแสดงสีดำ และไต้เจียก็สวมกระโปรงสั้นสีแดงสด ดูตัดกันอย่างชัดเจน

พอผู้กำกับสั่ง ‘action’ ผู้ช่วยก็ตีแคลปบอร์ดดัง ‘แต๊ก’ หังยวี๋อีเก็บอาการและสีหน้าอย่างรวดเร็ว

เขาต้องแสดงเป็นคนที่อายุใกล้จะสามสิบแล้ว แต่ยังเป็นผู้ชายที่ทุ่มทุกอย่างให้กับงาน ส่วนเรื่องอื่นรอบๆ ตัวกลับไม่คิดจะสนใจ

ถ้าเทียบกับฉากของเจ้ารั่วจวินแล้ว ฉากของหังยวี๋อีดูผ่อนคลายกว่ามาก เขาแค่ต้องแสดงว่ากำลังสนใจงานมากๆ เป็นแค่ผู้ชายที่ไม่ใส่ใจและมองข้ามเรื่องอื่นไปเสมอ

บนโต๊ะของเขามีหนังสือกองอยู่เต็ม ฉากหลังรอบๆ นั้นกลายเป็นฉากตอนกลางคืน

โคมไฟบนโต๊ะถูกเปิดสว่าง

โจวหรงเชินกำลังจับปากกาจดบันทึกบางอย่างลงในสมุด

อีกด้านหนึ่ง เสียงเปิดประตูดังขึ้น ไต้เจียที่แสดงเป็นแฟนเก่าที่กำลังโอบอุ้มกุหลาบช่อโตเข้ามา เธอก้มตัวลงใช้มือข้างเดียวเปลี่ยนรองเท้า

“ฉันกลับมาแล้ว”

ตอนแรกเธอแค่พูดไปอย่างไม่มีอารมณ์ และโจวหรงเชินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเองก็เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของเธอ แฟนสาวหยุดสิ่งที่กำลังทำทันที และกล้องก็ค่อยๆ เลื่อนไปใกล้เธอมากขึ้น

ผู้กำกับชูมือขึ้นว่า ‘OK’ เห็นได้ชัดว่าฉากนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น

จากตอนแรกที่ถ่ายฉากของเจ้ารั่วจวินก็โดน NG ไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ทำเอาคนในกองถ่ายชีวิตมืดมน แต่พอมาถ่ายฉากของไต้เจียกับหังยวี๋อีแล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

กู้เจียเอ่อนั่งดูภาพทั้งหมดอีกรอบ พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดพลาดก็สั่งให้ทีมงานไปจัดผมให้ไต้เจียอีกหน่อย พอได้ตามที่ต้องการแล้วก็ให้สัญญาณถ่ายต่อ