娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 28 สาเหตุ
ไต้เจียนั่งอีกสักพักหล่อนก็บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้น
“ไปละ”
อยู่ๆ หล่อนก็มา พอจะไปก็ไปจริงๆ
เจียงเซ่อมองตามหล่อนที่เดินเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งหน้า ตรงนั้นคนเยอะมากจริงๆ
ที่จริงก็คิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้คงจะโดนเลื่อนเวลาไป กว่าเจียงเซ่อจะได้ถ่ายฉากคู่กับพระนางของเรื่องเสร็จก็คงจะดึงเวลาจนไปถึงช่วงเย็น แต่ไม่นานนักก็มีทีมงานพูดใส่โทรโขงขึ้นมา
คงเป็นเพราะผู้กำกับและพระเอกนางเอกของเรื่องคงมาถึงกองถ่ายแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับไม่เห็นพระเอกนางเอกในสตูดิโอเลย
นักแสดงหน้าใหม่หลายคนเขย่งเท้ามองหาพวกเขา แล้วก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ไม่เห็นจะเห็นหังยวี๋อีกับเจ้ารั่วจวินเลย?”
หลังจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
“หังยวี๋อีกับเจ้ารั่วจวินเขาเป็นใครกันล่ะ? แน่นอนว่าเขาไม่มานั่งห้องเดียวกับพวกเราหรอกนะ พวกเขามีทางของเขา ทางกองถ่ายเขาเตรียมห้องพักกับห้องแต่งหน้าส่วนตัวไว้แล้ว เขาไม่ให้ใครไปรบกวนได้หรอก”
นักแสดงหลักสองคนนั้นถือเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น พวกทีมงานก็ปรบมือขึ้น สักพักก็เห็นเจ้ารั่วจวินเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
ฉากแรกที่หล่อนต้องแสดงในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ คือฉากที่นางเอก วังเชี่ยนเชี่ยน กำลังอยู่ใน ‘บ้าน’ กับแม่ตัวเอง ทีมงานได้จัดฉากห้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นักแสดงเองก็ประจำที่แล้วเช่นกัน
ไม่ง่ายนักที่จะได้เห็นและเรียนรู้ได้ขนาดนี้ นักแสดงทุกคนในกองถ่ายเองก็กำลังเฝ้ามองอยู่เช่นกัน
เจียงเซ่อเองก็กำลังยืนดู เธอมองเจ้ารั่วจวินที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนที่แสดงเป็นแม่ของตัวเอง
หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ นั้นมีกู้เจียเอ่อเป็นผู้กำกับ และเขาก็เชี่ยวชาญในการทำหนังให้ออกมาซึ้งและประทับใจคนดูได้ดี หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับชายหญิงในเมืองหลวงคู่หนึ่งที่ตัดสินใจบินไปฝรั่งเศสเพื่อต้องการหนีที่บ้านมาเพราะโดนเร่งให้แต่งงาน พวกเขาไปฝรั่งเศสด้วยคนละเหตุผลและก็ได้เจอกันบนเครื่องบิน สุดท้ายก็รู้จักและรักกัน
วังเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้หญิงที่โรแมนติก ในใจเธอใฝ่หาแต่ปารีส อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบหกปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีแฟน แม่ของเธอเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของเธอมากและอยากให้เธอเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เธอทนไม่ไหวที่โดนรบเร้าจึงลาออกจากงานที่ทำอยู่แล้วบินไปปารีสทันที
พอเจ้ารั่วจวินคุยกับคนที่เล่นเป็นแม่ตัวเองเสร็จหล่อนก็ชูนิ้ว OK ขึ้น ผู้กำกับที่นั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์ก็พยักหน้า และผู้ช่วยก็ตะโกนสั่งเริ่มทันที
เจ้ารั่วจวินน่าจะอายุประมานยี่สิบสามปีได้ หล่อนน่ารักมาก ตอนนี้หล่อนสวมชุดสีชมพูม่วง เป็นชุดอยู่บ้านธรรมดาๆ ผมถูกม้วนขึ้นเป็นดังโงะ พอแคลปเปอร์ตะโกนว่าเริ่มถ่ายหล่อนก็นอนคว่ำไปกับโซฟาแล้วยกขาขึ้นตีไปตีมา ริมฝีปากฮัมเพลงพลางเปิดหนังสือรูปที่ทีมงานเตรียมเอาไว้ให้
พอเลนส์กล้องเลื่อนเข้าไปหาหน้าหล่อน หล่อนก็อยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และยังมีกล้องตัวอื่นคอยถ่ายจากอีกมุมด้วย
ถึงเจียงเซ่อจะไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ประสบการณ์ก็มีแค่ครั้งเดียว แต่เธอก็รู้สึกว่าวันนี้เจ้ารั่วจวินดูจะโอเวอร์แอคติ้งไปเสียหน่อย
คุณภาพของกล้องถ่ายหนังค่อนข้างสูง แม้แต่ขนบนใบหน้าของเจ้ารั่วจวินเองก็เห็นได้อย่างชัดเจน และการแสดงของเธอก็ไม่ได้เป็นที่พอใจของกู้เจียเอ่อจริงๆ เพิ่งจะได้เริ่มถ่ายก็โดนผู้กำกับสั่ง ‘คัต’ เสียแล้ว
เจ้ารั่วจวินลุกขึ้นนั่ง พวกช่างแต่งหน้าของหล่อนก็รีบเข้าไปเติมหน้าและจัดเสื้อให้
“ความรู้สึกของวังเชี่ยนเชี่ยนตอนนี้กำลังรอคอยมากๆ ใจเธอตัดสินใจที่จะลาออกจากงานเพื่อไปตามหาฝันที่ปารีส ไม่ได้เหมือนเธอตอนนี้นะ ที่แต่เปิดหนังสือดูๆ แล้วรอเกาเสี่ยวหมิงมาป้อนบทให้”
ถึงแม้เจียงเซ่อจะเข้าร่วมการออดิชั่นนักแสดงเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็จริง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นกู้เจียเอ่อ
อายุของเขาน่าจะพอๆ กับจางจิ้งอาน เขาไว้ผมยาวประบ่า แต่ความรู้สึกที่มีต่างกับจางจิ้งอานโดยสิ้นเชิง
ถ้าบอกว่าเวลาที่จางจิ้งอานอยู่ในกองถ่ายแล้วเหมือนสิงโตที่คอยจ้องเหยื่อละก็ งั้นกู้เจียเอ่อก็คงเป็นเหมือนทีเรกซ์ที่กำลังโมโหอยู่ละมั้ง เขาพูดกับเจ้ารั่วจวินจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“เอาใหม่อีกรอบ”
กู้เจียเอ่อปัดมือ ทีมงานในกองถ่ายแทบจะไม่กล้าหายใจแรงๆ เลยด้วยซ้ำ
เจ้ารั่วจวินนอนคว่ำลงกับโซฟาอีกครั้ง หล่อนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาดู พลางหาอารมณ์ให้เจอ
“ลูกอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ทำไมยังไม่มีแฟนสักที แล้วนี่เลิกงานกลับบ้านมาก็เอาแต่นั่งวาดรูปขีดๆ เขียนไปเรื่อย มีประโยชน์อะไรกัน?”
อาจารย์เกาเสี่ยวหมิงที่แสดงเป็นแม่ก็พลางก้มเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้น พลางบ่นลูกสาวตัวเองที่นอนอยู่บนโซฟา
เจ้ารั่วจวินนึกถึงที่กู้เจียเอ่อดุใส่ก็รีบคิดว่าตัวเองเป็นวังเชี่ยนเชี่ยนที่อยากไปปารีสทันที ริมฝีปากที่งึมงำๆ อยู่พอได้ยินเกาเสี่ยวหมิงพูดบทมาแล้วหล่อนก็ตอบรับทันที
“แม่ไม่เข้าใจ……”
หล่อนยังไม่มันได้พูดจบกู้เจียเอ่อก็สั่งหยุดอีก
ตอนนี้สีหน้าผู้กำกับเริ่มเครียดมากแล้ว ดูท่าแคลปเปอร์และทีมงานในกองก็คงรู้นิสัยของเขาดีถึงได้ปิดปากเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยในตอนนี้
“ฉันบอกแล้วไง ว่าวังเชี่ยนเชี่ยนคิดที่จะลาออกจากงานแล้วไปตามหาฝันของตัวเองที่ปารีส” อารมณ์ของกู้เจียเอ่อหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ เขาจ้องเจ้ารั่วจวินเขม็ง “เธอใช้เงินแลกเกรดวิชาวัฒนธรรมมาหรือไง?”
พวกคนที่มาจากโรงเรียนสอนการแสดงห่อไหล่ตัวเองทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แต่เจียงเซ่อกลับที่จะอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
เจ้ารั่วจวินโดนด่าจนดูมึนไปเลย แต่เจียงเซ่อว่าเธอเข้าใจสิ่งที่กู้เจียเอ่อพูดดี เธอรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง
เขาก็อุตส่าห์บอกแล้วว่า วังเชี่ยนเชี่ยนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลาออกจากงานและไปตามหาฝันที่ปารีส นั่นก็คือ ตอนนี้ใจของวังเชี่ยนเชี่ยนไปอยู่ที่ปารีสแล้วเรียบร้อย เธอแทบจะไม่สนใจเรื่องอื่นเลย เพราะฉะนั้นตอนที่แม่เธอเรียกรอบแรกก็ไม่ควรที่จะตื่นออกจากภวังค์แล้วขานรับทันที
ถึงเจ้ารั่วจวินจะคุยกับเกาเสี่ยวหมิงและได้ดูบทแล้ว แต่การแสดงของเธอยังดูไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย
“ฉันบอกแล้ว ว่าเธออยากจะลาออกจากงาน แล้วไปปารีส เพราะฉะนั้นใจเธอไปอยู่ปารีสตั้งนานแล้ว จะเอาสติที่ไหนมาโต้ตอบกับแม่กัน!?”
เจ้ารั่วจวินยิ้มขื่นขึ้นมา “OK เดี๋ยวฉันของถ่ายอีกรอบนะคะ”
กู้เจียเอ่อขมวดคิ้วแน่น เขาถอนหายใจออกมาแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะตะโกนเสียงแข็ง
“เอาใหม่”
ถึงแม้ในกองถ่ายจะดูน่ากดดันขึ้นมา แต่กล้องที่อยู่รอบๆ ก็แพนไปเรื่อยๆ และเพราะโดนNGไปตั้งสองครั้ง บนหน้าผากของเจ้ารั่วจวินจึงมีเหงื่อออกเต็มไปหมด
พอเริ่มถ่ายใหม่ก็ยังไม่ราบรื่นนัก ช่างแต่งหน้ารีบเข้าไปเติมแป้งและเจ้ารั่วจวินก็ขึ้นไปนอนบนโซฟาอีกครั้ง
เพราะล้มเหลวมาสองรอบติดและเมื่อกี้กู้เจียเอ่อก็ได้อธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนแล้ว เจ้ารั่วจวินเองก็ไม้ใช้นักแสดงหน้าใหม่ แค่แปบเดียวก็เข้าถึงบทบาทได้แล้ว
ในตอนที่แม่เรียกชื่อ หล่อนก็จ้องหนังสือรูปนั่นอย่างเหม่อลอย นิ้วมือหล่อนลูปลงบนหนังสือหนังสือเบาๆ กล้องค่อยๆแพนจากหน้าเธอไปจนถึงหนังสือเล่มนั้น ที่มีรูปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ถึงแม้รอบนี้กู้เจียเอ่อจะยังไม่พอใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ไปขัดอารมณ์แสดงของหล่อน
แม่ของวังเชี่ยนเชี่ยนเรียกอยู่นานแต่ลูกสาวก็ไม่ตอบเสียที หล่อนจึงตีลงไปทีหนึ่ง
เกาเสี่ยวหมิงถือว่าเป็นนักแสดงอาวุโส เวลาที่หล่อนอยู่หน้ากล้องหล่อนก็แสดงออกมาได้ดีมากๆ ทั้งคิ้วทั้งตาก็สื่อออกมาได้ดี สายตาที่ทั้งรักและกำลังเป็นทุกข์ต่อลูกสาวตัวเอง และนั้นก็ทำให้เจ้ารั่วจวินได้อินกับบทมากขึ้น
วังเชี่ยนเชี่ยนหันไปมองแม่ตัวเองที่กำลังบ่น และตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกแม่ยังไงดีว่าตัวเองลาออกจากงานแล้วและกำลังจะเดินทางไปปารีส
“ลูกดูสิ เพื่อร่วมงานแม่ตอนนั้นนะ ลูกเขาต่างคนต่างก็……”