娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 27 ด้านหนึ่ง
การแต่งหน้าเป็นแอร์โฮสเตสไม่ได้ทีอะไรยุ่งยากนัก โดนเฉพาะเจียงเซ่อที่ยังเด็กอยู่ ผิวของเธอยังดูสดใสและเต่งตึงมาก ถึงไม่ลงแป้งก็ดูดีแล้ว
เดอริกก้มมองกล่องเครื่องสำอางอีกครั้ง เขากำลังมองหาลิปครีม และตอนนี้เอง เจียงเซ่อก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากห้องแต่งหน้า
“พี่หลิว ฉากที่ฉันต้องถ่ายวันนี้จะได้ถ่ายตอนไหน?”
เสียงนั่นคุ้นหูมาก เจียงเซ่อเป็นคนความจำดี ในหัวของเธอนึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมา
วันที่ไปโรงเรียนสอนการแสดง ผู้หญิงที่เจอกันโดยบังเอิญที่บ่อน้ำพุนั่น
“คุณเจียงรู้จักเธอเหรอ?”
เดอริกที่กำลังลงไฮไลท์ให้เธอถามขึ้น เขามองใบหน้าเจียงเซ่ออีกครั้งก่อนจะหันไปเปลี่ยนแปรงเป็นแปรงเขียนคิ้ว เขาสะบัดแปรงที่มีผงเขียนคิ้วเล็กน้อยแล้วเขียนลงไปเบาๆ บนคิ้วของเธอ
เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอยิ้มขึ้น “เคยเจอกันครั้งหนึ่งน่ะค่ะ”
วงการบันเทิงก็เล็กแบบนี้แหละ ไปๆ มาๆ ก็เคยเจอกันหมดแล้ว
พอเดอริกเขียนคิ้วเสร็จเขาก็มองภาพรวมอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะชมขึ้นมา
“คิ้วของคุณสวยมากเลยนะ เติมแค่เบาๆ ก็เห็นโครงแล้ว”
คิ้วของเจียงเซ่อค่อนข้างเข้มและโก่งสวย เดอริกเองก็ไม่ได้ลงเยอะนัก ลงแค่อ่อนๆ เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้มันกลับขับให้ผิวของเธอดูขาวขึ้น ดวงตาของเธอที่มองไปมองมาก็ดูพรางพราวและดูไม่เยอะเกินไป
“คนนั้นชื่อไต้เจีย เล่นเป็นแฟนเก่าของหังหยี๋อีในเรื่อง”
ทันทีที่เจียงเซ่อได้ยินแบบนั้นเธอก็ไม่ได้ตกใจอะไรนัก
บทที่เธอแสดงในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ มีบทพูดแค่สองประโยคเท่านั้น แต่บท ‘แฟนเก่า’ ของที่เดอริกพูดถึงนั้นมีบทมากกว่าเธอมาก
และยิ่งเป็นบทแฟนเก่า แน่นอนว่าจะต้องมีการเข้าฉากกับพระเอกอย่างหังยวี๋อีด้วยแน่นอน
“ถ้าพูดถึงว่าเป็นดาราหน้าใหม่ โอกาสแบบนี้มันหายากมากเลยนะ ยิ่งตอนนี้หังยวี๋อีเองก็กำลังดัง แฟนคลับเยอะแยะไปหมด ถ้านักแสดงหน้าใหม่ได้เล่นกับเขาละก็ มันก็ง่ายมากที่จะถูกชอบไปด้วย”
เดอริกเติมลิปกลอสเข้าไปให้ปากดูอวบอิ่มยิ่งขึ้น
เจียงเซ่อมองตัวเองในกระจก ทันใดนั้นเอง ไต้เจียที่ยืนคุยอยู่กับผู้ดำเนินการละครก็หันมาพอดี และแน่นอนว่าหล่อนเห็นเธอ
ตอนนี้คนที่อยู่ในห้องแต่งหน้าก็ไม่ใช่น้อยๆ ถึงแม้ว่าในห้องจะมีแต่ผู้หญิงสวยๆ แต่เจียงเซ่อก็ดูโดดเด่นกว่าใคร
เธอและไต้เจียสบตากันในกระจก ทั้งสองคนเคนเจอกันแค่ครั้งเดียว เจียงเซ่อเองก็ไม่แน่ใจว่าหล่อนจะจำเธอได้ไหม แต่พอไต้เจียคุยกับผู้ดำเนินการละครเสร็จ หล่อนก็สาวเท้าที่สวมส้นสูงเข้ามาหาเธอทันที
ในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ นั้น หย่างอวิ๋นแฟนเก่าของพระเอกโจวหรงเชินเป็นผู้หญิงที่ดูเผด็จการ หย่างอวิ๋นจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองสูงมาก ไม่ว่าจะเรื่องการงานหรือเรื่องรูปร่างภายนอกของเธอเอง
เจียงเซ่อนึกถึงตอนที่ได้เห็นบทของหย่างอวิ๋นในบทละครแล้วมาดูลักษณะของไต้เจียที่เดินมาหาเธอ สมแล้วที่ได้เล่นบทบาทนี้ เหมาะสมจริงๆ
“บังเอิญจริงๆ น้า เจอกันอีกแล้ว”
ยังไม่ทันจะเดินมาใกล้เลยด้วยซ้ำ กลิ่นน้ำหอมของเธอก็ลอยมาซะแล้ว
วันนี้ไต้เจียสวมชุดกระโปรงสีดำที่มีริบบิ้นคาดที่เอว ตอนที่เธอเอามือมาจับพนักพิงเก้าอี้ของเจียงเซ่อ หน้าอกหน้าใจอันอวบอั๋นของเธอก็เบียดกันจนเห็นเป็นร่อง
เจียงเซ่อยิ้มๆ แล้วทักทายหล่อนกลับ
“บังเอิญจริงๆ ด้วย”
ทักทายกันได้แค่ประโยคเดียวผู้ดำเนินการละครที่อยู่ด้านหน้าห้องแต่งหน้าก็เรียกหล่อนให้ไปเปลี่ยนชุดพอดี
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และพวกนักแสดงหลักก็เริ่มมากันแล้ว ถึงแม้ว่าบทแอร์โฮสเตสจะไม่ได้มีบทพูด แต่พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นก็พยายามแบกหน้าสวยๆ ของตัวเองเพื่อหวังที่จะให้ผู้กำกับสนใจพวกหล่อนบ้าง
ห้องแต่งหน้าเริ่มคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เจียงเซ่อที่แต่หน้าทำผมเสร็จแล้วก็ไปนั่งรออีกห้องหนึ่ง
เธอหยิบบทขึ้นมาท่อง ท่องไปท่องมาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มีคนมานั่งลงข้างๆ เธอ
ไม่ต้องหันไปเจียงเซ่อก็รู้ว่าเป็นไต้เจีย ก็กลิ่นน้ำหอมเธอแรงขนาดนี้
“เธอได้แสดงเป็น Missจาง สินะ?”
พอไต้เจียนั่งลงหล่อนก็ยื่นลูกอมมาให้ เจียงเซ่อส่ายหน้า
“ขอบคุณ”
ตอนนี้เจียงเซ่อสวมชุดแอร์โฮสเตส ไต้เจียเองก็ดูบทมาแล้ว พอเห็นเจียงเซ่อไม่ปฏิเสธหล่อนก็ถอนหายใจออกมา
“เธอนี่โชคดีจริงๆ เลยน้า”
เจียงเซ่อวางบทในมือลงแล้วหันไปหาหล่อน
“นี่ก็เป็นเพราะเธอทั้งนั้น”
ไต้เจียเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หล่อนสวมเป็นเสื้อเชิ้ตสีเทาเงินและกระโปรงทรงเอสีแดงสด ทรงผมก็ดูจะทรงเรียบร้อยจนดูโตขึ้นตั้งเยอะ
หล่อนสวมชุดออฟฟิศได้เซ็กซี่เป็นบ้า หน้าอกก็ดูใหญ่กลมกลึงจนกระดุมเสื้อแทบจะปริอยู่แล้ว
ไต้เจียที่ได้ยินเจียงเซ่อพูดอย่างนั้นก็เบ้ปาก
“อย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉันเลย” แล้วเธอก็สำรวจเจียงเซ่ออีกรอบ “ฉันก็แค่บอกข่าวเล็กๆ น้อยๆ กับเธอเพื่อตอบแทนน้ำใจ สำหรับเรื่องออดิชั่นจะผ่านไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเสียหน่อย”
พอหล่อนพูดจบเจียงเซ่อก็ขอบคุณเธออีกครั้ง
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก็เป็นเพราะเธอบอกข่าวในวันนั้น ฉันถึงได้มีโอกาสได้ไปออดิชั่น”
ไต้เจียดุนลูกอมในปากไปมาแล้วพูดต่อ
“คุณสมบัติของเธอก็ดี ทำไมเลือกเป็นแค่บท missจาง? บทพูดน้อยจะตายชัก” ตั้งแต่ที่ได้เจอเจียงเซ่อในวันนั้น เธอก็บอกกับหล่อนว่าแค่อยากจะสมัครเป็น ‘ตัวประกอบ’ ตอนนั้นก็คิดว่าเธอคงพูดเล่น แต่พอมาตอนนี้นี่สิ ถึงบท ‘Missจาง’ จะไม่เชิงว่าเป็นตัวประกอบ แต่บทพูดมันก็น้อยมากจริงๆ หล่อนขมวดคิ้ว
“หรือว่าเธอเป็นเหมือนพวกผู้หญิงกลุ่มนั้น หวังจะเข้ากล้องแค่สองสามครั้งเพื่ออยากจะทำฝันให้เป็นจริง?”
“เปล่า” เจียงเซ่อยิ้มๆ “ฉันก็แค่จนน่ะ”
คำพูดนี้ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของไต้เจีย ผ่านไปครู่หนึ่งหล่อนก็ทนไม่ไหวส่งเสียง ‘อุ้บ’ แล้วหัวเราะออกมา
หล่อนไม่คิดเลยว่าเจียงเซ่อจะบอกว่าตัวเองเข้าวงการบันเทิงเพราะจน
เจียงเซ่อเองแต่งหน้าเสร็จมาสักพักแล้ว เธอมานั่งตรงนี้ก็ปนะมานสี่สิบถึงห้าสิบนาทีได้แล้ว แต่ชุดแอร์โฮสเตสที่เธอใส่อยู่กลับไม่มีรอยยับเลยสักขีด เพราะว่าเธอเอาแต่หน้าตัวตรงหลังตั้งท่าเดิมมาตลอด
การที่จะนั่งได้แบบนี้มันไม่ง่ายเลย อย่างน้อยก็ต้องถูกฝึกมาอย่างดีในครอบครัวที่มีชาติตระกูล ต้องถูกเลี้ยงมาอย่างเคร่งครัดถึงจะมีท่าทางแบบนี้ได้
แต่เจียงเซ่อกลับบอกว่าตัวเองจนเนี่ยนะ ไต้เจียอกไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เธอต้องเข้าฉากกับหังยวี๋อีไม่ใช่หรือ มีเวลาว่างมานั่งคุยกับฉันหรือไง?”
เจียงเซ่อไม่ตลกด้วย ก็เธอจนจริงๆ แต่ดูท่าไต้เจียจะไม่ได้เชื่อเธอเท่าไหร่ เธอเองก็ขี้เกียจที่จะอธิบายให้ฟังจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“หังยวี๋อีนี่เป็นคนยังไงกัน? ที่ฉันได้บทนี้ก็……” พอไต้เจียพูดถึงบทบาทตัวเองหน้าหล่อนก็ดูหงุดหงิดขึ้นมา หล่อนยกมือขึ้นปัดผมตัวเองไปด้านหลัง สายตาดูกำลังเหน็บแนม
“วันนี้จะได้ถ่ายตอนไหนก็ไม่รู้ ต้องรอให้หังยวี๋อีกับเจ้ารั่วจวินถ่ายเสร็จก่อนถึงจะถึงคิวฉัน” พอหล่อนพูดถึงตรงนี้หล่อนก็หันมามองเจียงเซ่ออีก
“พวกเธอก็เหมือนกันนั่นแหละ เวลามันไม่แน่นอนหรอกนะ”
เจียงเซ่อเองก็เตรียมใจกับเรื่องนี้มาแล้ว ที่หล่อนพูดจึงไม่ได้แปลกใจอะไรนัก แต่ไต้เจียก็พูดขึ้นมาอีก
“ผุ้กำกับกู้เขาอยากทำออกมาให้ดีที่สุดน่ะ เห็นเขาพูดกันว่า ฉากในเครื่องบินวันนี้ก็เหมือนเป็นแค่การลองแสดงเท่านั้นเอง พวกทีมงานไปเช่าเครื่องบินกันแล้วแต่ได้แค่ไม่นาน เพื่อไม่ให้ NG เยอะ วันนี้ถึงได้แค่เป็นการซ้อมใหญ่เท่านั้นเอง”