娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 25 กล้อง
ครั้งนี้ที่เชิญมาถ่ายวีดีโอโปรโมทโรงเรียนก็ไม่ได้มีแค่เจียงเซ่อเท่านั้น ยังมีนักเรียนอีกบางส่วนที่ผลคะแนนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี
ห้องที่ใช้ถ่ายทำถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หลายคนเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
เจียงเซ่อเป็นคนแรกที่ได้แต่งหน้า และเพราะว่ายังเป็นแค่นักเรียนช่างแต่งหน้าจึงแต่ให้แค่อ่อนๆ เท่านั้น ไม่ได้แต่งให้ดูเยอะนัก
ถึงจะเป็นแค่การแต่งหน้าอ่อนๆ แต่พอไปอยู่ภายใต้แสงไฟกลับดูสวยเป็นอย่างมาก
และนั้นก็ทำให้ช่างภาพรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย เจียงเซ่อไม่ได้ดูกลัวการอยู่หน้ากล้องเลยสักนิด แววตาดูไม่ลนลาน ราวกับว่าไม่ได้กลัวกับการต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย
เขาลองกดชัตเตอร์ดูรอบหนึ่งแล้วให้คนไปจัดท่าทางให้เธอ หลังจากนั้นก็ชูมือว่า ‘OK’ ขึ้นมา สายตาของทุกคนจ้องมองไปทางเจียงเซ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยกสูง
แสงไฟทั้งห้องถูกส่องไปที่ตัวบนตัวเธอ เลนส์กล้องถ่ายเพียงแค่ครึ่งตัว และใบหน้าของเธอก็ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แววตาจ้องเข้าไปที่เลนส์กล้อง
อาจารย์ประจำชั้นชูกระดาษที่มีตัวหนังสือขึ้นมา ช่างภาพที่อยู่หลังกล้องก็บอกขึ้น
“เดี๋ยวเธอแค่พูดตามในกระดาษนี้ก็โอเคแล้ว”
บนกระดาษแผ่นนี้เขียนเกี่ยวกับการขอบคุณโรงเรียนที่ได้ให้ความรู้มา ท่องมันอยู่สองสามครั้งจนคิดว่าน่าจะได้แล้วก็บอกให้เริ่มถ่ายได้
ช่างถ่ายภาพเตรียมตัวมาแล้วว่าอาจจะต้องมีการถ่าย NG หลายรอบ (การถ่ายใหม่ ถ่ายซ่อมเพราะถ่ายยังได้ไม่ดีพอ) แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะสื่ออารมณ์ต่อหน้ากล้องออกมาได้ดีมาก แค่ครั้งเดียวก็ผ่านแล้ว
พอถ่ายเสร็จ ช่างภาพก็กลับมาดูภาพรวมทั้งหมดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าฉากหลังจะดูธรรมดาเป็นอย่างมาก ด้านหลังของเจียงเซ่อเป็นแค่ฉากผ้าสีดำผืนใหญ่เท่านั้น
แต่รูปร่างอันโดดเด่นและความมืดของห้องก็ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากๆ
แค่ประโยคขอบคุณโรงเรียนทั่วๆ ไปสองประโยคเท่านั้น แต่การแสดงออกแต่ของเธอมันได้อารมณ์ดีแล้ว นอกเหนือจากฉากแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องถ่ายซ้ำอีก
ช่างภาพถามเธออย่างตื่นเต้น
“เธอเคยถ่ายหนังมาก่อนด้วยเหรอ?”
เจียงเซ่อพยักหน้ายิ้มๆ
ตอนที่เธอไปถ่ายหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เธอก็ได้อยู่หน้ากล้องตั้งมากไปตั้งมากมาย ถึงประสบการณ์ต่อหน้ากล้องจะมีไม่มากนัก แต่เธอก็ไม่มีอาการตื่นกลัวกับมัน
พอถ่ายเสร็จ อาจารย์ประจำชั้นก็เดินเข้ามาหาเธอก่อนจะยิ้มให้ “แสดงได้ดีมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ” วันนี้เจียงเซ่อสวมชุดยูนิฟอร์มที่ทางโรงเรียนเตรียมเอาไว้ให้ ถึงจะเป็นแค่ชุดยูนิฟอร์มธรรมดา แต่พออยู่บนตัวของเจียงเซ่อแล้วก็ดูดีขึ้นมาทันที เอวที่คอดสวยแบบนั้นน่ะนะ อาจารย์ประจำชั้นที่ได้เห็นแบบนั้นก็ไม่คิดเลยว่าเด็กนักเรียนคนนี้จะทำให้หล่อนโชคดีได้ขนาดนี้
เธอเป็นอาจารย์ประจำชั้นมาก็หลายปีแต่นักเรียนที่เธอเคยสอนมา น้อยมากที่จะทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้
“ช่างภาพที่เชิญมาก็ยังชมเธอเลยนะ แถมเดาว่าเธอเคยออกหน้ากล้องมาก่อนอีกต่างหาก”
แต่ก่อนอาจารย์ประจำชั้นไม่ค่อยสนใจเธอนัก หล่อนรู้แค่ว่าเธอสนิทกับหลูเป๋าเป่ามาก ไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่สนิทกันขนาดนี้ อีกคนโดดเด่นเกินใคร อีกคนแม้แต่มหาวิทยาลัยก็สอบไม่ติดด้วยซ้ำ
“การสอบครั้งนี้เธอทำได้ดีมาก เห็นได้ชัดว่ามีความเพียรพยายาม เสียดายก็แต่หลูเป๋าเป่าที่สนิทกับเธอแต่กลับไม่สนใจการเรียนเลย”
เจียงเซ่อคิดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มมาตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดใหม่ พอกำลังจะพูดอะไรอาจารย์ใหญ่ที่ไม่รู้เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สะกิดให้พวกเธอเงียบเสียง
ยังมีนักเรียนคนอื่นที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ ช่างภาพต้องการให้พวกเธอลดเสียงลง
นักเรียนที่เหลือถ่ายไม่ได้ราบรื่นนัก ต้อง NG อยู่หลายครั้ง
ดีที่ถึงแม้ช่างภาพจะไม่ค่อยพอใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์โมโหออกมา การถ่ายทำยังดำเนินต่อไปนานมาก แต่สุดท้ายก็เสร็จสมบูรณ์
อาจารย์ใหญ่พานักเรียนทุกคนเดินออกมาจากห้องถ่ายวีดีโอแล้วพูดให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ทุกคนได้รับซองจดหมายกันคนละซอง หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างไป
พอออกมาจากโรงเรียนก็เปิดซองที่ได้มาดู ข้างในใส่เงินเอาไว้อยู่สองพันหยวน เธอเดินหาธนาคารแถวๆ นี้เพื่อที่จะเอาเงินสองพันหยวนนี่เข้าบัญชี แต่เธอก็ดันนึกถึงคำพูดของโจวฮุ่ยช่วงนี้ขึ้นมา
หล่อนมักจะชอบพูดเตือนให้เธอหางานทำและบ่นเรื่องค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำค่าไฟว่ามันเยอะมากแค่ไหน
เจียงเซ่อจึงคิดว่าเธอจะฝากแค่หนึ่งพันห้าร้อยหยวน และจะเก็บเอาไว้ห้าร้อยหยวนเพื่อที่จะเอาไปให้โจวฮุ่ยเป็นค่ากินค่าอยู่ทั่วไป
พอเงินเข้าบัญชีปุ๊บ ข้อความแจ้งเตือนก็เข้ามือถือปั๊บ ข้อความนั่นบอกว่ายอดเงินในบัญชีได้เพิ่มขึ้นเป็นสามพันหนึ่งร้อยหยวนแล้ว
ค่าตัวในหนังเรื่อง ฝันที่เป็นจริง ยังไม่ได้ให้อีกสี่พันสองร้อยหยวน พอลองบวกกับส่วนที่เหลือดูแล้วทรัพย์สินของเธอทั้งหมดก็มีอยู่ถึงเจ็ดพันกว่าหยวนแล้ว
เงินจำนวนนี้ถ้าจ่ายเฉพาะค่าเทอมก็คงจะพออยู่ แต่ถ้าเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเธอก็ไม่อยากจะอยู่ในบ้านของครอบครัวตู้อีกต่อไป
ที่จริงแล้วในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งก็มีหอพักด้วยเหมือนกัน แต่มันก็ต้องจ่ายเงินค่าอยู่ด้วยอยู่ดี หนึ่งปีก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียว
เธอมองข้อความสั้นๆ ในจอมือถืออีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมา ดูท่าว่าถึงเวลาที่จะหางานอย่างอื่นทำเพิ่มแล้ว เพราะว่าเงินที่มีอยู่นี้ถึงจะประหยัดแค่ไหนก็คงจะไม่พอใช้แน่ๆ
ตอนนี้ก็เข้าต้นเดือนกรกฎาคมแล้ว ทีมงานบอกว่าหนังเรื่อง ฝันที่เป็นจริง จะเปิดกล้องกันตอนกลางเดือน แต่ฉากของเธอไม่ได้เยอะอะไรนักจึงไม่รู้ว่าจะต้องถ่ายตอนไหน ในขณะที่คิดว่ากำลังจะหางานไหนที่พอจะทำควบคู่ไปด้วยได้บ้างอยู่นั้น ทางทีมงานหนังก็โทรมาพอดี
เมื่อวันที่ 28 มาถึง มันคือวันที่ทีมงานได้นัดเธอให้ไปที่สถานที่ถ่ายทำหนังในเมืองหลวง วันนี้เธอจึงตื่นมาตั้งแต่ตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างด้วยซ้ำ
ตู้ชางฉวินยังไม่ออกไปทำงาน ในห้องรับแขกยังไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงเสียงโจวฮุ่ยที่กำลังยุ่งทำนู่นทำนี่อยู่ในห้องครัว ทั้งบ้านมีแต่เสียงตู้ชางฉวินที่กำลังนั่งกินโจ๊กอยู่ ส่วนตู้หงหงและตู้โหยวสองพี่น้องนั่นยังไม่ยังไม่ตื่นนอนเลยด้วยซ้ำ
เจียงเซ่อเดินเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างหน้าแปรงฟัน แค่เสียงน้ำกระทบพื้นเท่านั้นแหละ ตู้ชางฉวินที่อยู่ข้างนอกก็วางถ้วยและตะเกียบดังตึงแล้วตะโกนถามขึ้นมา
“ค่าน้ำเดือนนี้เท่าไหร่แล้วหา?” เขาเคาะตะเกียบกับถ้วยไปด้วย
ทุกวันนี้ครอบครัวตู้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเงินขาดมือ เจียงเซ่อเองก็ชินกับการอาบน้ำก่อนนอนทุกคืน โดยเฉพาะฤดูร้อนแบบนี้ ในห้องเธอร้อนจนเหมือนอยู่ในกรงขังนกพิราบ
เธอบิดผ้าที่เพิ่งเช็ดหน้าพลางคิดถึงสภาพในบ้านตอนนี้แล้ว หรือเธอควรออกไปเช่าห้องอยู่ที่อื่นได้แล้ว?
พอเธอออกมาจากห้องน้ำ ตู้ชางฉวินก็ออกจากบ้านไปแล้ว โจวฮุ่ยมองลูกสาวคนโตของหล่อนแล้วถอนหายใจออกมา
“ลูกควรจะหางานทำได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
หล่อนรู้แล้วว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเจียงเซ่อทำได้ดีมาก ตั้งแต่วันที่ 23 อาจารย์ประจำชั้นของเธอก็ได้โทรมาหาหล่อนและแสดงความยินดี
แต่สอบได้ดีแล้วยังไง? ตอนนี้ที่บ้านก็เป็นแบบนี้แล้ว จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ต้องใช้เงินมากมาย ตู้ชางฉวินเองก็พูดชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่จ่ายค่าเทอมให้เธอเด็ดขาด