娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 21 เผยให้เห็น
เพราะถ้าซุนฉี่หมิงถามเกี่ยวกับการแสดง เจียงเซ่อเองก็คงจนปัญญาเหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงภาษาต่างประเทศล่ะก็ ถือได้ว่าเป็นวิชาบังคับในตอนที่เธอเรียนเลยด้วยซ้ำ และเธอก็เรียนมันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วด้วย
เจียงเซ่อพยักหน้า “ตอนเด็กๆ ฉันได้เรียนมาหลายภาษา ถ้าพูดถึงพื้นฐานภาษาอังกฤษแล้ว สำหรับฉันไม่มีปัญหาค่ะ”
ซุนฉี่หมิงได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจ คนอื่นๆ ก็คงจะรู้สึกแบบเขาเช่นกัน ทุกคนคงคิดว่าเจียงเซ่อนั้นมีดีแค่สวยอย่างเดียวด้วยซ้ำ
ซุนฉี่หมิงมองบทครู่หนึ่งก่อนจะทำมือให้เจียงเซ่อลองพูดมาสักประโยค
ถ้าเจียงเซ่อพูดภาษาอังกฤษได้จริงๆ แนวโน้มที่บท ‘Miss จาง’ นี้จะตกเป็นของเธอก็มีสูงขึ้น
เจียงเซ่อได้พูดถึงตอนที่เธอได้ไปแสดงหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ซุนฉี่หมิงที่ได้ฟังแล้วก็พยักหน้า ใบหน้าเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“รูปร่างลักษณะและคุณสมบัติของเธอตรงกับในนี้มากเลยนะ”
ตอนที่ซุนฉี่หมิงและคนอื่นๆ ได้ยินว่าเธอพูดภาษาอังกฤษได้ก็คิดว่าคงเป็นคำพูดง่ายๆ ที่เรียนมาในห้องเรียน
แต่หลังจากที่เธอลองพูดออกมาแล้ว ดูท่าว่าความสามารถของเธอจะมีมากกว่าที่ซุนฉี่หมิงคาดไว้ ถึงจะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่เวลาที่เธอพูดกลับดูเพอเฟคเอามากๆ
แต่ว่ามันอาจจะเป็นประโยคที่จำมาท่องให้ฟังก็ได้นี่
ซุนฉี่หมิงเปิดบท ‘Missจาง’ ขึ้นมาแล้วส่งให้ทีมงานเอาไปให้เจียงเซ่อ
“เธอลองพูดประโยคในนั้นออกมาหน่อยสิ”
เจียงเซ่อรับกระดาษแผ่นนั้นมา และเธอก็ได้เห็นข้อคุณสมบัติที่มันตรงกับเธออยู่ในนั้นด้วย บทบาทนี้ในหนังไม่ได้มีฉากเยอะนัก เจียงเซ่อไล่ดูตั้งแต่ต้นจนจบ ตัวละครนี้ออกมาแค่สองครั้งเท่านั้น และมีบทที่ต้องพูดโต้ตอบกับตัวละครอื่นอีกประมาณสองประโยค
ตอนนี้ซุนฉี่หมิงต้องการที่จะทดสอบเธอแล้วจริงๆ มันไม่เหมือนกับตอนที่เธอได้เล่นเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เลย
นอกจากเธอจะต้องแสดงต่อหน้าคนเป็นสิบๆ คนในห้องประชุมแล้ว บทที่ให้มานั้นก็ดันเป็นภาษาจีนทั้งหมดอีก
ถ้าตอนแรก สิ่งที่เธอบอกว่าพูดภาษาอังกฤษได้เป็นการโกหก หรือประโยคภาษาอังกฤษที่เธอพูดมาเมื่อครู่เป็นแค่การท่องมา งั้นเธอก็คงไม่มีวาสนาที่จะเล่นเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ แล้วล่ะ
วันนี้เธอใส่แค่ชุดธรรมดาๆ มา แถมไม่ได้มีคนแสดงกับเธอด้วย ไม่มีเกาหรงคอยรับส่งอารมณ์ให้เธอเหมือนตอนที่เล่น ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’
ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าจะแสดงให้เข้าถึงบทบาทมันก็ยากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นดาราหน้าใหม่จะต้องลนลานอย่างมากแน่ๆ
และนั่นก็เป็นความตั้งใจของที่ซุนฉี่หมิงที่ต้องการจะทดสอบเธอ
ถ้าเธอเคยแสดงหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ จริง ถ้าเธอได้หลิวเย่เป็นคนแนะนำหรือแม้แต่ได้คำชมของผู้กำกับจางจิ้งอานมาจริงๆ แล้วล่ะก็ แม้ว่าการเข้าถึงบทบาทมันจะยาก แต่ก็คงไม่โดนบรรยากาศในห้องประชุมตอนนี้กดดันจนเล่นไม่ออกหรอก
เจียงเซ่อดูบทของตัวละคร ‘Miss จาง’ แล้ว บทเป็นแค่การพูดแนะนำสถานที่ในปารีสอย่างอาโฮดิสมองค์เท่านั้น เธอจึงถามขึ้น
“ประเทศฝรั่งเศสนี่? ต้องพูดภาษาฝรั่งเศสด้วยไหมคะ?”
คำถามนั้นของเธอทำเอาซุนฉี่หมิงมีทั้งความแปลกใจและความตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่จะขยับตัวไปข้างหน้าแล้วถามเธอ
“เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วยหรือ?”
เจียงเซ่อยิ้มเล็กๆ “ก็พอได้บ้างค่ะ”
ตอนนี้เธอต้องการเงินเป็นอย่างมาก ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องคว้าบทบาทนี้เอาไว้ให้ได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บความสามารถของตัวเองอีกต่อไป
ซุนฉี่หมิงทำสัญญาณมือ
“ถ้าอย่างนั้นเธอลองเตรียมตัวดู ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีก็โอเคแล้ว”
พอเขาพูดจบก็ขยับตัวนั่งให้ดีและไม่พูดอะไรออกมาอีก
ห้องประชุมเงียบลงอีกครั้ง เงียบจนได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น
เจียงเซ่อก้มหน้าดูบทในกระดาษอีกครั้งแล้วหลับตาลง
บทบาทที่เธอจะต้องแสดงออกมาคือบทบาทของแอร์โฮสเตส เธอจึงนึกถึงตอนที่ตัวเองขึ้นเครื่องบินและได้เจอได้เห็นลักษณะท่าทางการพูดของพวกหล่อนเหล่านั้น
เธอค่อยๆ ผ่อนคิ้วที่ขมวด ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมา เมื่อเธอลืมตาขึ้นอารมณ์ของเธอก็ดูนุ่มนวลเป็นอย่างมาก หญิงสาวมีรอยยิ้มที่หวานเยิ้มและดวงตาก็ดูสดใสเปล่งประกาย ถึงแม้ใจของเธอจะรู้ดีว่าตัวเองกำลัง ‘แสดง’ อยู่เท่านั้น แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับดูสดใสและส่งไปถึงแววตาของเธอด้วย
เส้นผมที่เกลี่ยอยู่ข้างแก้มถูกทัดไปไว้หลังหู ทำให้ได้เห็นโครงหน้า ใบหู และลำคอที่ขยับทุกครั้งเวลาที่เธอพูดบทขึ้นมา และทุกๆ คำพูดก็ได้ถูกแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสแล้ว
ไม่มีท่าทางติดขัดหรือความเก้อเขิน เธอแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ท่ามกลางสายตาของทุกคนในห้อง เธอยกมือขึ้นเสริมท่าทางและมันก็ดูสวยงามเอามากๆ ราวกับว่าได้ผ่านการคัดสรรจากกู้เจียเอ่อมาแล้วยังไงยังงั้น
หรือแม้แต่เวลาที่เจียงเซ่อก้มดูบท ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องจริงไปเสียทุกอย่าง
การพูดของเธอช่างนุ่มนวล ท่วงทำนองหรือสำเนียงที่พูดภาษาฝรั่งเศสออกมาก็ฟังดูโรแมนติกเป็นอย่างมาก ราวกับว่ามีคนฝรั่งเศสมายืนพูดอยู่ตรงนี้ยังไงยังงั้น
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เหมือนแค่ที่เจียงเซ่อบอกว่า “เคยฝึกมาบ้าง” แล้ว
คนนับสิบที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้กลับรู้สึกว่าเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่ในประเทศจีน แต่รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ที่ฝรั่งเศสและกำลังฟังคนพื้นเมืองของที่นั่นบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่ว
ตอนนี้ซุนฉี่หมิงไม่ได้มองเธอเป็นแค่แจกันดอกไม้อีกต่อไป
ตอนนี้เขาเชื่อเจียงเซ่อหมดทุกอย่างแล้วว่าเธอได้คำชมจากจางจิ้งอานและได้เล่นหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ มาจริงๆ
การแสดงออกของเธอยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง ทั้งน้ำเสียงและการแสดงออกยังดูไม่ค่อยเหมือนแอร์โฮสเตสที่กำลังให้บริการอยู่นัก แต่เหมือนคนรวยๆ ที่กำลังถูกบริการอยู่มากกว่า
แต่เรื่องแค่นี้มันไม่สามารถปกปิดความสามารถของเธอได้ เธอเข้าถึงการแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่มีอาการเขินอายและไม่มีความประหม่าเลยแม้แต่น้อย
ที่สำคัญที่สุดคือเธอพูดเองว่าเธอสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ และการแสดงของเธอก็ดูเป็นธรรมชาติ ที่เหลือคงเป็นเรื่องของกู้เจียเอ่อว่าต้องการได้อารมณ์แบบไหน
สำหรับรูปร่างลักษณะภายนอกของเธอแล้ว การที่เธอดูไม่เหมือนแอร์โฮสเตสก็ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ถ้าได้เห็นในหนังจะต้องสวยมากแน่ๆ
สิ่งที่กู้เจียเอ่อต้องการถ่ายคือความสวยงาม ถ้าอยากจะหานักแสดงก็ไม่จำเป็นต้องไปหาแอร์โฮสเตสจริงๆ มาก็ได้ รูปร่างของเจียงเซ่อก็สวยมากๆ และมันสามารถทำให้หนังออกมาดูดีสุดๆ
แต่ก็มีสิ่งที่กังวลอยู่เหมือนกัน เพราะเจียงเซ่อสวยสง่าเกินไป ลักษณะท่าทางก็ยอดเยี่ยม บทของเธอมีฉากที่ต้องเล่นกับตัวพระเอกนางเอก ถึงตอนนั้นเป็นไปได้มากว่าเธอจะทำให้ตัวนางเอกอย่างเจ้ารั่วจวินดูดร็อปลงไป
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ซุนฉี่หมิงก็ตัดสินใจแล้วที่จะเลือกให้เจียงเซ่อแสดง
ตอนนี้เขารู้สึกมีลางสังหรณ์ เหมือนว่าตัวเองกำลังขุดเจอของล้ำค่าชิ้นใหญ่
รอจนเจียงเซ่อพูดบททั้งหมดจบแล้วซุนฉี่หมิงก็ลุกขึ้นทันที
“ดีมาก เดี๋ยวหลังจากนี้จะมีคนไปคุยรายละเอียดกับคุณนะ ไว้เจอกันในกองถ่าย”