娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 17 หนี้น้ำใจ
ยังไงซะคนที่มาเรียนที่นี่ก็คงมีความคิดที่จะเข้าวงการบันเทิงอยู่แล้วถึงได้มีแต่คนหน้าตาดีเต็มไปหมด เจียงเซ่อยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระชับสายกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนสอนการแสดง
เจียงเซ่อไม่ได้รีบร้อนที่จะไปหาข่าวว่าหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ จะมีการออดิชั่นนักแสดงที่นี่จริงไหม แต่เธออยากจะเดินเล่นสำรวจให้ทั่วเพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่ก่อน
หลังจากที่ได้เดินสำรวจมาสักพักเธอก็รู้ว่าแต่ละสาขานั้นอยู่คนละตึกกัน พอเดินจนเหนื่อยสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อนตั้งอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก
ขอบบ่อน้ำพุค่อนข้างกว้างมาก เจียงเซ่อเดินไปถึงก็ปลดกระเป๋าลงและหยิบน้ำแร่ออกมาดื่ม
น้ำพุที่อยู่ด้านหลังเธอพ่นน้ำออกมาเรื่อยๆ ละอองน้ำฟุ้งออกมาใส่แก้มขาวของเธอ และความเย็นของมันก็ช่วยไล่อากาศร้อนๆ ในยามเย็นนี้ได้เป็นอย่างดี
ลมหอมๆ พัดมาในขณะที่เธอหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้า มีคนคนหนึ่งนั่งลงข้างๆ เธอ และไม่นานนักเธอก็ได้กลิ่นฉุนแสบจมูกแทน
เจียงเซ่อหันไปมองก็พบว่าเป็นหญิงสาวสวมเดรสสั้นสีแดงคนหนึ่ง หล่อนนั่งห่างเธอไปประมานหนึ่งเมตรได้ ขาที่ทั้งยาวและขาวนวลตัดกับสีกระโปรงจนดูเด่นสะดุดตา
ข้างๆ หล่อนมีน้ำยาทาเล็บที่เปิดฝาแล้วตั้งอยู่ขวดหนึ่ง หล่อนยกขานั่งไขว่ห้างแล้วหยิบน้ำยาทาเล็บมาทาลงไปบนเล็บเท้าของตัวเอง
“โอ๊ะ กลิ่นแรงรบกวนเธอเหรอ?”
สายตาของเจียงเซ่อทำให้หล่อนรู้สึกตัว พอหล่อนทาเล็บเสร็จก็เงยขึ้นมาจนเห็นใบหน้าที่ถูกผมลอนสีน้ำตาลแดงบดบังไว้ ใบหน้าของเธอถูกแต่งไว้อย่างสวยงาม
หล่อนขมวดคิ้วแต่ก็ยังไม่หยุดสิ่งที่ตัวเองทำ
เจียงเซ่อยังนั่งจ้องเธอยู่นานจนผู้หญิงคนนั้นหัวเราะขึ้นเบาๆ หล่อนจุ่มแปรงเข้าไปในขวดอีกครั้งเพื่อจะทาทับอีกรอบ แต่พอกำลังจะทาลงไปบนเล็บเจียงเซ่อก็เอ่ยขึ้น
“เห็นกางเกงในสีดำแล้วนะ”
มือของผู้หญิงคนสั่นจนน้ำยาทาเล็บสีแดงเลอะเล็บเธอไปหมด หล่อนรีบเก็บแปรงเข้าไปในขวดแล้วคลำหาซองทิชชูของตัวเอง
เจียงเซ่อดึงกระดาษทิชชูออกมาสองแผ่นแล้วยื่นให้หล่อน ผู้หญิงคนนั้นรับมันแล้วรีบเช็ดลงบนเล็บที่เลอะทันทีโดยที่ยังไม่ทันขอบคุณด้วยซ้ำ
“ยังไงก็ผู้หญิงเหมือนกัน อยากดูก็ดูไปสิ”
หล่อนเช็ดเสร็จก็ไม่ได้คิดจะปกปิดอะไรทั้งนั้น กลับกันยังเปลี่ยนท่านั่งจนกระโปรงที่มันสั้นอยู่แล้วก็เลิกขึ้นไปอีก หล่อนหันมาแซวเจียงเซ่อ
“อยากจะดูอีกไหมล่ะ?”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ได้ชอบแนวนี้”
เจียงเซ่อเก็บซองทิชชูใส่กระเป๋าด้วยท่าทีเฉยๆ เธอไม่ได้รู้สึกอายที่โดนแซวเลย
แต่ทว่าท่าทางแบบนั้นของเธอกลับทำให้ผู้หญิงเดรสแดงคนนั้นหัวเราะขึ้นมา หล่อนปิดฝาขวดน้ำยาทาเล็บจนแน่นแล้วเขยิบตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ เจียงเซ่อ
“เธอยู่สาขาไหนเหรอ?”
หล่อนถามเสร็จก็ยกมือจับผมยาวๆ ของตัวเองไปทัดไว้ที่หลังหู
“เธอต้องอยู่สาขาการแสดงแน่ๆ ใช่ไหม? สวยขนาดนี้นี่นะ เผลอๆ สวยกว่ายัยหลิวอวี่ฉุนที่เพิ่งเข้ามาปีนี้นั่นอีก”
อยู่ๆ เจียงเซ่อก็รู้สึกชื่อที่หล่อนพูดขึ้นมานั้นคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก
“ได้ยินมาว่าจะมีทีมงานมาแคสนักแสดงฉันเลยมาดู”
พอเธอพูดจบผู้หญิงคนนั้นก็นิ่งไป แต่ครู่เดียวก็หัวเราะขึ้นมา
“เป็นผลงานของพวกสื่ออีกแล้วสินะเนี่ย ปล่อยข่าวแป๊บเดียวคนก็รู้กันหมดแล้ว” หล่อนเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นจนได้ฉุนๆของน้ำหอม
“แต่ฉันว่าเธอมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ”
หล่อนยิ้มเย็น
“เธอหมายถึงหนัง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ของกู้เจียเอ่อใช่ไหม?”
เจียงเซ่อพยักหน้า
“โรงเรียนกับทางทีมงานเขาก็ร่วมมือกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ บทบาทที่สำคัญกกับหนังขนาดนั้นจะหลุดมาถึงเธอได้ยังไงกัน? ยังไงซะพวกอาจารย์ก็คงดันเด็กตัวเองให้ได้ออดิชั่นก่อนอยู่แล้ว” หล่อนยกมือปัดผมแล้วก็เอียงหัวไปหวังจะพิงเจียงเซ่อ
“เธอมีคนสนับสนุนไหม? มีเสี่ยเลี้ยงไหม? มีเงินรึเปล่า?”
ไม่ว่าหล่อนจะพูดอะไรเจียงเซ่อก็ส่ายหัวหมดจนหล่อนต้องกลอกตามองบน
“แล้วแบบนี้ยังคิดที่จะเข้าวงการบันเทิงอีกเหรอ? ดังก็บ้าแล้ว!”
ตัวหล่อนนุ่มนิ่มและอวบนิดๆ หน้าอกหน้าใจก็ใหญ่พอดู ตัวก็สูง พอเทียบกันแล้วเจียงเซ่อดูเด็กน้อยไปเลย
เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสนิทกับคนอื่นง่าย ต่างกับเจียงเซ่อที่ไม่ค่อยชินกับการที่ต้องมาใกล้ชิดกับคนอื่น เธอพยุงให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งดีๆ แล้วเขยิบออกห่างมาประมาณหนึ่ง
“ฉันแค่อยากมาสมัครเป็นตัวประกอบน่ะ”
เธอไม่ใช่เจียงเซ่อตัวจริงเสียหน่อย ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเข้าวงการบันเทิงหรืออยากจะดังอะไรแบบนั้น
ความจริงแต่ก่อนเฝิงจงเหลียงค่อนข้างที่จะดูถูกพวกดาราและเธอก็ได้รับอานิสงฆ์ทางความคิดนั้นมาด้วย ที่เธออยากจะได้บทบาทบ้างก็เพราะแค่อยากจะแก้ปัญหายากจนในตอนนี้เท่านั้นเอง
ถ้าหากวันหนึ่งชะตาชีวิตคนๆ นี้จะต้องขึ้นอยู่กับเธอแล้วจริงๆ ล่ะก็ อย่างน้อยก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากขึ้น
“ตัวประกอบ?”
หล่อนโดนเจียงเซ่อดันออก แต่หล่อนก็ยังเขยิบตามไปอย่างเคยชิน แต่เจียงเซ่อเขยิบหนีไปอีก
แต่พอเจียงเซ่อพูดจบหล่อนก็ชะงักไปทันที หล่อนนั่งยืดตัวตรง
“เธอมาเพื่อสมัครเป็นตัวประกอบเนี่ยนะ?” หล่อนมองเจียงเซ่อตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เธอบ้าหรือเปล่าเนี่ย? เธอรู้ไหมว่าเป็นตัวประกอบได้เงินวันละเท่าไหร่ แล้วถ้าเป็นตัวประกอบที่มีบทพูดจะได้เท่าไหร่?”
เจียงเซ่อคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้น
วันนี้เธอได้เดินสำรวจรอบโรงเรียนแล้ว และเธอก็ได้รู้ว่าสาขาแต่ละสาขาอยู่ตึกไหนบ้าง แต่เธอไม่เห็นร่องรอยหรือแม้แต่เงาของพวกทีมงานหนังเลยซักนิด
โรงเรียนสอนการแสดงแห่งนี้ไม่ใช่โรงเรียนแบบปิด ดังนั้นที่นี้จึงเข้าออกได้สบายๆ
ถ้าพวกทีมงานหนังมาที่นี้กันจริงๆ พวกนักข่าวที่แทรกตัวเข้ามาก็คงจะตามหาและเจอไปนานแล้ว
เธอรู้สึกว่าวันนี้เธอคงมาเสียเที่ยวแล้วแน่ๆ และสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดก็ยืนยันความคิดเธอได้ป็นอย่างดี
ยังไงก็คงไม่มีอะไรให้ทำแล้ว งั้นเธอกลับโรงเรียนเลยดีกว่า เพราะเธอยังมีทบทวนภาคค่ำอีก
หญิงสาวคนนั้นกำกระดาษทิชชูที่ใช้เช็ดน้ำยาทาเล็บเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองเธอ คิ้วหล่อนขมวดแน่น
“เธอมี……”
เหมือนหล่อนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ดูลำบากใจ หญิงสาวยกนิ้วขึ้นม้วนผมสีน้ำตาลแดงของตัวเองเหมือนกำลังคิดอะไรแล้วก็เอามือวางลงเหมือนเดิม
“ช่างเถอะ ที่นี่ไม่มีการออดิชั่นหรอกนะ พวกอาจารย์จะบอกสถานที่ที่เปิดออดิชั่นให้นักเรียนตัวเองโดยตรง” หล่อนเลียริมฝีปากก่อนจะล้วงเอากระจกบานเล็กออกมาจากกระเป๋าสพายของตัวเอง “ได้ยินว่าเป็นวันที่สิบสองมิถุนายน ตึกอี้จิ่งที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง ชั้นที่สิบสาม ถึงตอนนั้นเธอก็ลองๆ ไปดูละกัน”
ผู้หญิงคนนั้นยังเอาแต่ส่องกระจกแถมยังเอาลิปสติกมาเติมปากอีกด้วย
“แต่ขอเตือนเธอไว้ก่อนนะ ยังไงตำแหน่งนางเอกหรือตัวหลักอื่นๆ คงถูกเลือกไปแล้วแน่ๆ เธอคงไม่ได้หรอก แต่เธอจะเป็นแค่ตัวประกอบนี่”
เจียงเซ่อจดจำสถานที่ไว้ขึ้นใจแล้วขอบคุณหล่อน
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันแค่ไม่ชอบติดหนี้ใคร”
เธอแบมือยังที่มีกระดาษทิชชูที่ยังไม่ได้ทิ้ง พอหล่อนพูดจบก็ก้มตัวลงไปทาเล็บต่อและไม่สนใจเจียงเซ่ออีกต่อไป
“เห็นหมดแล้ว”
หล่อนก้มหน้าไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด แต่พอเจียงเซ่อเดินออกไปไกลแล้วเธอถึงได้รีบหุบขาแล้วหัวเราะออกมา
พอเจียงเซ่อกลับไปถึงโรงเรียน หลูเป๋าเป่าก็กำลังคัดคำศัพท์อยู่เหมือนเดิม
พอหล่อนเห็นเจียงเซ่อกลับมาหล่อนก็ทิ้งปากกาลงแล้วทำท่าน่าสงสารทันที แต่เพียงครู่เดียวก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“เซ่อเซ่อ เธอไปโรงเรียนสอนการแสดงมาแล้วใช่ไหม? เธอเห็นซวี่เสี่ยวหยิงไหม? เห็นโจวจิ้งเซวียนรึเปล่า?”