webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

016

บทที่ 16 ข่าวคราว

หลายคนที่ได้ยินแบบนั้นก็พากันเห็นด้วย

“เออจริงด้วย”

อย่างไรเสียตอนนี้ก็ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถึงจะเสียเวลาไปหาว่าพวกทีมงานถ่ายหนังจะมาแคสติ้งเมื่อไหร่ แต่คนในกลุ่มก็ไม่แน่ว่าจะได้รับเลือก

พอกลับมาคิดถึงเรื่องสอบแล้ว คนที่ล้อมวงกันอยู่ก็เริ่มสงบลง

เสียงกริ่งคาบเรียนด้วยตัวเองช่วงเช้าดังขึ้น ทุกคนต่างรีบกลับเข้าที่ตัวเองไป หลูเป๋าเป่าย่นจมูกใส่ก่อนจะหันมาดึงมือเจียงเซ่อ

“พวกเขาไม่ไปแต่พวกเราไปกันเนอะ”

หล่อนยังไม่ยอมแพ้ แต่จริงๆ แล้วตัวเจียงเซ่อเองก็กำลังสนใจอยู่เหมือนกัน

โจวฮุ่ยได้แสดงท่าทีออกมาแล้วว่าถ้าเธออยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ให้หาเงินมาจ่ายค่าเรียนเอาเอง

แล้วจะทำงานแบบไหนกันล่ะ เธอยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าภายในสองเดือนเธอจะสามารถหาค่าเทอมและค่ากินค่าอยู่ได้ครบ

แต่ถ้ามีโอกาสที่จะหาเงินได้ก็ดีเหมือนกัน

แต่เจียงเซ่อก็ทำเพียงมองหลูเป๋าเป่าทีหนึ่งแล้วเตือนหล่อนออกไป

“จะสอบอยู่แล้วนะ เมื่อกี้เธอก็พูดเองว่าถ้าเธอสอบได้ไม่ดีจะต้องโดนพ่อกับแม่ตีตายแน่ๆ?”

“ก็แค่พูดอ่ะ” ก่อนหน้านี้ทำเป็นตีหน้าร้องไห้ แต่พอตอนนี้กลับปัดมืออย่างไม่ใส่ใจเสียอย่างนั้น

ผลการเรียนของหล่อนก็ธรรมดา หล่อนเลือกที่จะเรียนศิลปศาสตร์ ภาษาหล่อนก็พอได้ แต่ภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์นี่สิ ค่อนข้างต่ำเลยทีเดียว พอจวนตัวก็ค่อยมาอ่านอัดๆ กันหลายวิชา ทั้งการเมือง ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หวังจะดึงคะแนนกลับมา

“โรงเรียนสอนการแสดงนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเราเลย แค่เราเดินออกจากโรงเรียนก็เจอรถไฟใต้ดิน นั่งไปแค่ห้าหกสถานีก็ถึงโรงเรียนนั่นแล้ว ตอนค่ำๆ เราเลิกเรียนแล้วไปกันเถอะนะ แค่ไปถามข่าวคราวดู ใช้เวลาไม่นานหรอกเนอะ”

หู้เป๋าเป้าอ้อนวอน

“ไปเถอะ นะ?”

พอเจียงเซ่อพยักหน้าตอบ หล่อนก็ลุกพรวดขึ้นแล้วทำท่าดีใจ “Yes!”

พอดีกับที่อาจารย์ประจำชั้นกำลังเดินถือของเข้ามาในห้อง แค่มาถึงหน้าประตูก็เห็นทุกอย่างแล้ว ใบหน้าของอาจารย์นิ่งขรึมไปในทันที

“หลูเป๋าเป่า!”

นักเรียนคนอื่นๆ ในห้องรู้ตั้งนานแล้วว่าอาจารย์ประจำชั้นกำลังเดินมาที่ห้อง พวกเขาจึงรีบหยิบหนังสือขึ้นมาตั้งไว้แกล้งว่ากำลังตั้งใจทบทวนเป็นอย่างมาก มีแต่หลูเป๋าเป่าเท่านั้นแหละที่มัวแต่คุยกับเจียงเซ่อจนไม่รู้ว่าหน้าห้องเกิดอะไรขึ้น พอโดนเรียกชื่อเข้าหน่อยก็ตกใจไหล่กระตุก

อาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้ววางของดังตึง นักเรียนในห้องต่างพากันนั่งเงียบไม่กล้าที่ส่งเสียงออกมา

“จะสอบอยู่แล้วยังไม่สำนึกอีก เมื่อกี้ฟังภาษาอังกฤษเธอก็คล่องดีนี่ แต่การทดสอบภาษาอังกฤษครั้งล่าสุดนี้ทำไมไม่ดีอย่างนั้นบ้าง จากหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนนเธอได้แค่แปดสิบหกคะแนนเองนะ! เขียนตามคำบอก การฟัง ข้อปรนัยเธอก็ผิดไปแล้วเกือบครึ่ง!”

หล่อนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห หลูเป๋าเป่าที่โดนตำหนิก็ก้มหน้าลงอย่างน่าสงสาร ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ห้องเรียนมอหกที่เจียงเซ่ออยู่มีอาจารย์แซ่หลินเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษพ่วงด้วยตำแหน่งอาจารย์ประจำชั้น และเพื่อให้สมกับหน้าที่เธอจึงกวดขันนักเรียนเป็นอย่างมาก

ตอนนี้หล่อนดูโมโหเอามากๆ หล่อนพลิกดูกระดาษคำตอบที่เอามา พลิกจนเจอของหลูเป๋าเป่า

“เธอดูกระดาษคำตอบของเธอสิ ทั้งหมดห้าสิบข้อแต่เธอตอบถูกไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ! ภาษาอังกฤษสำคัญมากนะ แล้วอย่างนี้เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไงกัน?”

ทั้งห้องเรียนเงียบเป็นเป่าสาก ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนโดนด่าไปพร้อมกับหลูเป๋าเป่าเสียอย่างนั้น

อาจเป็นเพราะช่วงหลังๆ มานี้หลูเป๋าเป่าโดนอาจารย์ประจำชั้นจับได้หลายครั้งว่าแอบคุยในห้องเรียน และนั้นก็ยิ่งทำให้อาจารย์ไม่พอใจมากๆ หลังจากตักเตือนจบหล่อนก็ค่อยๆ ข่มอารมณ์ลง

“เดี๋ยวหลังเลิกเรียนเธอยู่ก่อน นั่งคัดคำศัพท์ที่เขียนผิดไปคำละสิบรอบ หรือจนกว่าเธอจะจำได้แล้วค่อยว่ากัน”

ทันทีที่ประโยคนั้นจบลง สีหน้าของหลูเป๋าเป่าก็แสดงออกมาว่าหมดแล้วชีวิตนี้

ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะนัดกับเจียงเซ่อไว้ว่าหลังเลิกเรียนจะไปเดินเล่นที่โรงเรียนสอนการแสดงเสียหน่อย เผื่อจะได้เจอพวกทีมงานนักแสดงเรื่อง ความฝันที่เป็นจริง หรือแค่ไปหาข่าวก็ยังดี

ใครจะไปนึกว่าจะซวยแบบนี้ เจียงเซ่อเพิ่งจะตอบตกลงแต่หล่อนก็ดันมาโดนอาจารย์เรียกอีก

ตามกฎแล้วโรงเรียนจะเลิกตอนห้าโมงเย็น แล้วสองทุ่มถึงสามทุ่มก็จะเป็นการเรียนด้วยตัวเอง

แต่มอหกที่กำลังจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องเรียนหนักมากกว่านั้น จากเลิกเรียนห้าโมงตรงพวกอาจารย์ก็เลื่อนเป็นห้าโมงครึ่ง ตอนแรกหล่อนกะว่าพอห้าโมงครึ่งแล้วก็จะรีบออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับเจียงเซ่อ แต่พอโดนเรียกตัวไว้แล้ว วันนี้ก็คงไปโรงเรียนสอนการแสดงนั้นไม่ได้อีก

นึกได้แบบนั้นหลูเป๋าเป่าก็ทำหน้าร้องไห้ หล่อนหันไปมองเจียงเซ่อทีหนึ่ง แต่พอเห็นสีหน้าของอาจารย์แล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

หลังจากที่อารมณ์เสียมานาน อาจารย์ก็เริ่มพูดถึงผลการทดสอบครั้งนี้สักที

“การสอบครั้งนี้มีทั้งคนที่ทำได้ไม่ดีและคนที่ทำได้ดีขึ้นมาก”

ในขณะที่พูด อาจารย์ก็หันไปมองที่เซ่อเจียง

“โดยเฉพาะเจียงเซ่อ พวกภาษาและคณิตศาสตร์ถือว่าดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน การบ้านวิชาภาษาอังกฤษเองก็ทำออกมาได้ดี เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามยอดเยี่ยม”

ที่จริงแล้วการเรียนของเจียงเซ่อไม่ได้ดีเลย เธอได้ไม่สนใจกับการเรียนเลยสักนิด แต่หลังจากที่เจียงเซ่อคนใหม่มา นิสัยต่างๆ ก็เปลี่ยนไปรวมถึงความรู้ด้วย แต่เธอก็ไม่ได้เลือกที่จะแสดงออกมามากนัก

แต่ก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว อาจารย์ประจำชั้นยังคงชมเธอไม่หยุดปาก จากที่กำลังโมโหเรื่องหลูเป๋าเป่าก็อารมณ์ดีขึ้น

แน่นอนว่าหลูเป๋าเป่าที่โดนกักตัวไว้ไม่สามารถออกจากโรงเรียนได้ ช่วงที่เจียงเซ่อเลิกเรียนกำลังจะเดินออกไป หลูเป๋าเป่าก็น้ำตาคลอขึ้นมา หล่อนอยากจะแอบหนีไปกับเจียงเซ่อแต่ก็ไม่กล้า

“ฉันจะไปดูเอง พอคุ้นทางอยู่บ้าง หม่าจิงจิงบอกว่าข่าวออกแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะแคสวันนี้ก็ได้”

เจียงเซ่อปลอบหล่อน

“อีกสี่วันก็จะสอบแล้ว รอสอบให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน”

เธอกับหลูเป๋าเป่าไม่เหมือนกัน ตอนที่เธอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเธอต้องใส่ใจกับคะแนนเป็นอย่างมากเพื่อจะได้เข้ามหาวิยาลัยอันดับหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่พอได้เห็นการทดลองสอบในห้องแล้วเธอก็รู้ได้ทันทีว่าควรจะทำอย่างไร คำถามของสามวิชาหลักๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก เวลาที่เธอทำอะไรมักจะเป็นระเบียบแผนการเสมอ สองอาทิตย์ก่อนเธอก็เริ่มทบทวนวิชาประวัติศาสตร์กับภูมิศาสตร์ไปหมดแล้ว

การสอบครั้งนี้คงจะทำให้ดีเท่ากับตอนเป็นเฝิงหนานไม่ได้ แต่การที่จะสอบเข้ามหาลัยอันดับหนึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินความสามารถของเธออยู่แล้ว

ดังนั้นสิ่งที่เธอกังวลไม่ใช่เรื่องสอบ แต่เป็นเรื่องค่าเล่าเรียนต่างหาก

มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งไม่ใช่ว่าจะไม่มีทุนการศึกษาให้นักเรียน เธอเพิ่งเป็นเจียงเซ่อได้ไม่นานแต่ก็พอจะรู้ว่าสภาพของเธอคงหาทุนการศึกษาได้ยาก ยังไงทุกอย่างก็คงต้องอาศัยความสามารถของตัวเธอเอง

แต่ก่อนเธอก็เคยได้ยินชื่อเสียงของโรงเรียนสอนการแสดงอยู่บ้าง

ทุกปีที่นี้จะรับคนสวยคนหล่อมากมายเข้าเรียน หรือแม้แต่พวกดาราวัยรุ่นดังๆ จำนวนไม่น้อยก็เรียนอยู่ที่นี่เช่นกัน

แต่มหาวิทยาลัยก็ยังมีกฎอยู่ นักศึกษาปีสามขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถรับงานแสดงได้ ส่วนปีหนึ่งห้ามรับเด็ดขาด ดังนั้นที่นี้ถึงได้มีดาราเกิดใหม่มากมาย

ตอนนี้อยู่ในช่วงเปิดรับสมัครเข้าเรียน รอบๆ ถึงได้มีนักข่าวเต็มไปหมด ตอนนี้ทั้งข่าวสดและสำนักพิมพ์นิตยสารต่างๆให้ความสนใจกับสถานการณ์ในโรงเรียนสอนการแสดงแห่งนี้เป็นอย่างมาก ดีไม่ดีอาจจะมีโชคโดนพวกนักข่าวมาขอถ่ายแล้วได้ลงข่าวด้วย

ในมหาวิทยาลัยมีนักเรียนเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา เทียบกับโรงเรียนมัธยมแล้ว ที่นี้บรรยายดูผ่อนคลายกว่าตั้งเยอะ