娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 18 โทษคนอื่น
หลูเป๋าเป่าพูดชื่อดาราออกมาไม่หยุด ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อไปและกลับมาเธอยังไม่ได้กินข้าวเลย ยิ่งมาโดนหลูเป๋าเป่าเขย่าแขนไม่หยุดอีก ทำให้เธอมึนหัวไปหมด
“ไม่เจอ”
แล้วเธอก็ก้มดูสมุดการบ้านภาษาอังกฤษของหล่อนที่อยู่บนโต๊ะ “ยังคัดไม่เสร็จอีกเหรอ?”
“คัดตั้งหลายรอบแล้วเนี่ย แต่อาจารย์หลินนั่นแหละ จงใจชัดๆ”
หลูเป๋าเป่าโยนปากกาอย่าหงุดหงิดก่อนจะหันมาจับตัวเธอไว้อีก
“หาว่าฉันจำไม่สักที”
หลูเป๋าเปาเป็นคนเดียวที่โดนเรียกให้อยู่ต่อและโดนคัดศัพท์อีก ใจเธอไปที่อื่นตั้งนานแล้ว ใครจะมีอารมณ์มานั่งคัดกัน
เขียนมาตั้งนาน แต่กลับจำคำศัพท์ไม่ได้เลยสักคำ ตอนเขียนตามคำบอกก็เขียนผิดอีก
และนั่นทำให้อาจารย์โมโหมากกว่าเดิม สั่งไว้ว่าเธอสอบศัพท์ผ่านเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับตอนนั้นแล้วกัน
“เธอรีบเล่าเรื่องที่ไปโรงเรียนสอนการแสดงมาเร็วเข้า”
หล่อนพูดถึงสถานที่ที่กะจะไปกับเจียงเซ่อขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“ที่จริงฉันก็อยากไปด้วยแท้ๆ”
“ไม่เจอดาราคนไหนทั้งนั้น ฉันแค่ไปเดินสำรวจดู อีกอย่างดาราที่ไหนจะมาเดินเตร่อยู่โรงเรียนให้คนเห็นกัน?”
อีกไม่กี่วันก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เด็กคนนี้ยังเอาแต่คิดเรื่องตามดารา เจียงเซ่อเลยคิดว่าจะยังไม่บอกเรื่องสถานที่ออดิชั่นนั่นก่อน เพื่อไม่เรื่องนี้ไปดึงความสนใจของหลูเป๋าเป่า
ไว้สอบเสร็จเมื่อไหร่แล้วค่อยว่ากัน
เธอไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้วไล่หลูเป๋าเป่าไป จากนั้นเธอก็หยิบหนังสือขึ้นมาทบทวน
อยู่บ้านครอบครัวตู้เธอก็ไม่มีสิทธ์เปิดไฟแน่นอน เธอจึงใช้เวลาในคาบเรียนภาคค่ำนี่ทบทวนและจดจำทุกอย่าง หลูเป๋าเป่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยังรบเร้าให้เธอพูดเรื่องโรงเรียนสอนการแสดงไม่หยุด แต่เจียงเซ่อก็เอาแต่ท่องหนังสือไม่สนใจหล่อน สุดท้ายหลูเป๋าเป่าก็ต้องหันไปคุยกับคนอื่นแทน
พอถึงวันสอบเจียงเซ่อก็ทำมันอย่างเต็มที่ ในช่วงเช้าของวันที่สิบเป็นการสอบวิชาสุดท้าย แต่หลังจากสอบจบแล้วก็ยังมีนักเรียนหลายคนไม่ยอมกลับบ้านเสียที
ในขณะที่เจียงเซ่อกำลังเก็บของอยู่นั้น คนที่นั่งด้านหลังเธอก็เอาปากกามาสะกิดเรียก
พอเธอหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังมองเธอด้วยใบหน้าแดงก่ำ สายตาของเขาดูต้องการคำตอบเป็นอย่างมาก เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ
“คือ เธอจำคำตอบข้อย่อยข้อสามของข้อห้าใหญ่ในกระดาษคำตอบได้ไหม มันตอบว่าอะไรเหรอ?”
ถึงการสอบจะผ่านไปแล้วแต่ก็ยังมีคนมานั่งคุยกันถึงคำตอบที่ถูกต้อง พอเขาถามเสร็จคนรอบๆ ก็เหมือนอยากจะเข้ามาถามด้วย เธอจึงรีบปฏิเสธแบบไม่อ้อมค้อม
“จำไม่ได้แล้ว”
เธอเอาของใส่กระเป๋าเสร็จก็รีบลุกขึ้น ผู้ชายหน้าแดงคนนั้นได้แต่มองตามเธอไม่กล้าตื๊ออีก
พอเจียงเซ่อกลับไปถึงบ้านโจวฮุ่ยก็กำลังเก็บโต๊ะพอดี หล่อนไม่แม้แต่จะถามว่าเธอสอบเป็นยังไงบ้าง แต่กลับถามอีกอย่างแทน
“จะได้ใบจบเมื่อไหร่?”
เธอถามเสร็จก็อธิบายต่อ
“ถ้ามีใบจบมอปลายก็หางานได้ง่ายขึ้นหน่อย แม่ได้ยินอาตู้บอกว่าตอนนี้โรงงานอยากได้พนักงานขาย ต้องใช้ใบจบมอหกเหมือนกัน”
เจียงเซ่อที่กำลังดื่มน้ำอยู่ชะงักไป พอเห็นว่าโจวฮุ่ยกำลังจะพูดต่อเธอก็รีบยกมือห้าม
“หนูคุยกับแม่แล้วว่าหนูไม่ได้จะทิ้งการเรียนเพื่อจะไปทำงานในโรงงาน”
โจวฮุ่ยที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่นิ่งไป เธอเงยหน้าขึ้นมามองเจียงเซ่อด้วยสายตาตำหนิ
“ผลการเรียนลูกไม่ดี เรียนมหาลัยไปก็เสียเวลาเปล่า ไหนจะตอนนี้……”
“แต่การสอบครั้งนี้หนูมั่นใจมาก ถ้าพูดถึงค่าเรียนเดี๋ยวหนูจะหางานทำช่วงปิดเทอมเอง ไม่จำเป็นให้แม่หรือคุณอาตู้มารับผิดชอบหรอกค่ะ”
โจวฮุ่ยไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเธอนัก แต่ลูกสาวหล่อนโตแล้ว จะพูดมากก็ไม่ได้
หลังจากที่แต่งงานใหม่ ชีวิตของหล่อนก็ทุ่มเททุกอย่างไปให้กับครอบครัวใหม่เช่นกัน แต่กับลูกสาวคนโตของหล่อนกลับห่างกันออกไปเรื่อยๆ
พอตอนนี้อยากจะสั่งสอนก็ดันไปเห็นสายตาของเจียงเซ่อเสียก่อน หล่อนจึงพูดอะไรไม่ออกสักอย่าง
พอตกดึกหล่อนก็ได้ยกเรื่องนี้มาคุยกับตู้ชางฉวิน เขาก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ถ้ามันมีปัญญาหาเงินเรียนเองก็เรียนไป แต่ฉันจะไม่ออกให้ซักแดงเดียว”
เสียงที่เขาพูดไม่ใช่เบาๆ เจียงเซ่อที่อยู่ข้างล่างเองก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ฉันอุตส่าห์ไปวิ่งหางานในโรงงานให้มันก็ไม่เอา ฉันเองก็ดีกับมันเต็มที่แล้ว ถ้าจบมอหกแล้วยังอยากจะกินจะอยู่บ้านนี้ก็จ่ายค่าเช่ามาด้วยละกัน……”
แล้วประโยคสุดท้ายก็โดนเสียงคนเดินในบ้านตัดไป โจวฮุ่ยก็ได้แต่รับคำออกไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะบอกเธอเอง”
สองสามีภรรยาไม่ได้พูดอะไรกันอีก เจียงเซ่อที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา
ดีที่ตู้ชางฉวินไม่ได้คัดค้านที่จะให้เธอเรียนต่อ แต่น้ำเสียงและคำพูดของเขาก็เต็มไปความไม่พอใจและไม่แยแส
เธอคงต้องรีบหาเงินให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องพอที่จะเลี้ยงตัวเอง
ผู้หญิงที่เจอในโรงเรียนสอนการแสดงได้บอกสถานที่ที่จะแคสติ้งนักแสดงหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ให้เธอรู้ และวันรุ่งขึ้นเธอก็ตัดสินใจไปที่บ้านของหลูเป๋าเป่า
พอเธอมาถึงที่หน้าบ้านของหลูเป๋าเป่าก็พบว่าหล่อนโดนพ่อแม่กักบริเวณอยู่ในบ้าน
ตอนที่หล่อนเปิดประตูออกมาใบหน้าก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอยังคงสวมชุดนอนสีชมพูและผมก็ยุ่งไปหมด พอหล่อนเห็นว่าเจียงเซ่อมาหาก็เบะปากแล้วชี้เข้าไปในบ้าน
“ฉันจบสิ้นแล้ว”
พูดประโยคแรกกับเจียงเซ่อจบหล่อนก็ร้องไห้ออกมา
“พ่อฉันบอกว่าคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของฉันไม่ดี จะให้เรียนซ้ำชั้นอีกปีหนึ่ง”
น้ำตาของเธอไหลลงมา สีหน้าหล่อนไม่ค่อยดีนัก รอยยิ้มที่เคยมีก็หายไปแล้ว
“รอบนี้สอบออกมาแล้วคำตอบที่ตอบถูกน้อยกว่าคนอื่นมากเลย”
เพราะตอนใกล้สอบหล่อนก็เอาแต่คิดถึงเรื่องตามดารา คะแนนสอบออกมาถึงได้ไม่เป็นอย่างที่คิด
พ่อแม่ของหล่อนมองออกมาอย่างจับผิด
“ข้างนอกนั่นใคร?”
“เพื่อนหนู” หล่อนหันไปตอบพ่อแม่แล้วก็หันมาพูดอีก
“พ่อกับแม่ไม่ให้ฉันออกไปไหนกับเธอแล้ว ครั้งก่อนที่ไปเซิ่นจวงเรากลับมาดึกมาก พวกเขาบ่นฉันมาจนถึงตอนนี้เลย”
ในสายตาของพ่อแม่หล่อน จากเด็กผู้หญิงสวยๆ คงกลายเป็นคนไม่ดีไปแล้วสินะ เจียงเซ่อยืนอยู่หน้าบ้านตั้งนานกลับไม่เชิญเข้าบ้านสักคำ
“จริงสิ เธอมาทำไมเหรอ?”
หลูเป๋าเป่ามองเข้าไปในบ้านทีหนึ่งแล้วหันมาถามเธอ
เจียงมองหล่อนที่มีท่าทางลนลานครู่หนึ่งแล้วตอบ
“ครั้งก่อนที่ไปโรงเรียนสอนการแสดง เผอิญฉันได้ไปเจอนักเรียนในนั้นเข้าน่ะ เธอบอกเกี่ยวกับสถานที่ที่จะเปิดออดิชั่นไว้ด้วย”
หลูเป๋าเป่าที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาประกายขึ้นมา หล่อนก้าวเท้าเข้าไปถามอย่างตื่นเต้น
“จริงเหรอ?”
เจียงเซ่อพยักหน้า
“เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะมีการแคสติ้งที่ตึกอี้จิ่งที่อยู่ใจกลางเมืองหลวงชั้นที่สิบสาม”
“ทำไมเธอไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
พอหลูเป๋าเป่าได้ยินว่าเป็นพรุ่งนี้ก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีก “พรุ่งนี้ไม่ได้หรอก พ่อฉันสั่งให้ฉันอยู่บ้านคัดคำตอบที่ตอบผิดไปให้ถูกอ่ะ พรุ่งนี้ออกจากบ้านไม่ได้หรอก” พอพูดจบ หล่อนก็บ่นอีก “เธอมาหาฉันตอนนี้ พ่อฉันจะต้องระแวงแน่ๆ แถมอาจจะเข้มงวดกับฉันกว่าเดิมอีก ทำไมเธอไม่พูดให้เร็วกว่านี้นะ?”
แล้วหล่อนก็บ่นอีก “ถ้าเธอบอกตั้งแต่แรกฉันอาจจะหาวิธีได้ก่อนก็ได้”
“ก่อนหน้านี้มันใกล้จะสอบอยู่แล้ว เธอจะให้ฉันบอกเธอเหรอ? บอกแล้วเธอก็จะมัวแต่ไปสนใจกับเรื่องนั้น แบบนั้นน่ะเหรอ?” เจียงเซ่อขมวดคิ้วแล้วมองหล่อนที่เงียบไป
“ยังไงซะฉันก็บอกสถานที่กับเวลาให้เธอแล้ว ถ้าเธอว่างก็ไป แต่ถ้าไม่ก็ช่างมันเถอะ”
หลูเป๋าเป่ากระซิบขึ้นมา “จะช่างมันได้ยังไง?” แล้วเสียงพ่อของหล่อนก็ดังออกมาจากในบ้าน เจียงเซ่อถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“พ่อเธอเรียกแล้ว งั้นฉันกลับก่อนดีกว่า”