娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 14 แม่กับลูกสาว
หากเป็นเวลาปกติเจียงเซ่อคงจะทนไม่ได้แน่ๆ ที่จะต้องโดนตู้หงหงพูดจาถากถาง แต่ไหงวันนี้เธอกลับเดินเข้าห้องไปเสียเฉยๆ โดยที่ไม่โต้ตอบอะไรเลยสักอย่าง
ดูเหมือนว่าช่วงนี้เจียงเซ่อจะดูแปลกไป แต่แปลกไปยังไงตู้หงหงก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดเพราะเธอยังเด็กอยู่
เหมือนว่าในบ้านจะไม่มีใครสังเกตเลยว่าเจียงเซ่อเปลี่ยนไป ตู้หงหงกลอกตาไปมา หรือว่าจะอกหัก?
เจียงเซ่อเปิดไฟในห้องขึ้นแล้วล้วงเอาเงินที่เธอได้มาเมื่อวานออกมา ตอนแรกเธอมีเงินติดตัวแค่ยี่สิบสี่หยวนเท่านั้น ค่ารถเมื่อวานก็ปาเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว กลับมาถึงก็ดึกมากแต่ก็โชคดีที่วันหยุดรถไฟใต้ดินเข้าเมืองเปิดถึงห้าทุ่ม พอมาถึงป้ายรถเมล์ก็ต้องจ่ายค่ารถเข้าบ้านไปอีกสองหยวน ดังนั้นตอนนี้จึงซึ่งเหลือแค่สิบหยวนเท่านั้น
เมื่อวานได้ค่าตอบแทนมาทั้งหมดสามร้อยเจ็ดสิบหยวน แต่จ่ายค่าเช่าห้องไปหนึ่งร้อยหยวนจนตอนนี้เหลือเงินทั้งหมดสองร้อยแปดสิบหยวน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เงินแค่นี้ไม่แม้แต่จะทำให้ขนหน้าแข้งเธอร่วงด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นสำหรับเจียงเซ่อแล้วละก็ มันเป็นจำนวนเงินมหาศาลสำหรับเธอมาก
จนเกินไปแล้วจริงๆ!
เธอเกิดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยรู้จักว่าความยากจนและลำบากเป็นยังไง แต่วันนี้กลับต้องมานั่งกังวลเรื่องเงินจนปวดหัว
เจียงเซ่อถอนหายใจออกมาแล้วเอาเงินสอดเข้าไปในสมุดไดอารี่ใต้หมอน พอกำลังวางสมุดลง ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยโจวฮุ่ย
คิ้วหล่อนขมวดเบาๆ โจวฮุ่ยไม่ได้สังเกตว่าเจียงเซ่อกำลังทำอะไร เอาแต่มองไปรอบๆ ห้องที่เปิดไฟเอาไว้
“กลางวันแสกๆ จะเปิดไฟทำไมกัน เดี๋ยวคุณอาตู้กลับมาก็โดนด่ากันพอดี”
โจวฮุ่ยแต่งงานกับตู้ฉางจวินมาหลายปีแล้ว หล่อนไม่ได้ทำงาน หลายปีที่ผ่านมาเธอมีหน้าที่อย่างเดียวคือแม่บ้าน
เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจียงเซ่อพูดด้วยซ้ำ ทุกวันที่นั่งกินข้าว แม่สามีก็มักจะชอบพูดจาเหน็บแนมอยู่ตลอด ว่าลูกติดที่เอามาอยู่ในบ้านน่ะโชคดีแค่ไหน และถึงหล่อนจะโมโหมากแต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้ตอบแม่สามีกลับ
ครอบครัวตู้เข้มงวดกับเรื่องการกินอยู่ของเจียงเซ่อมาก ค่าใช้จ่ายในทุกๆ เดือนจะอยู่ที่แม่สามี ถ้าเดือนไหนค่าน้ำค่าไฟแพงกว่าปกติเธอก็จะเป็นคนที่โดนตู้ฉางจวินดุด่า
เธออายุยังน้อย บางครั้งที่โจวฮุ่ยดุเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเถียงกลับ ห้องของเจียงเซ่อเป็นแค่ห้องที่ถูกแบ่งออกมา พื้นที่มีแค่ไม่ถึงสามตารางวาด้วยซ้ำ ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง ตอนกลางวันถึงจะเปิดประตูเอาไว้แต่ในห้องก็ยังมืดอยู่ดี
พอโจวฮุ่ยพูดจบเจียงเซ่อก็เอื้อมมือไปจะปิดไฟ พอหล่อนที่เห็นอย่างนั้นก็รีบพูดขึ้น
“อย่าเพิ่ง”
หล่อนมองข้างนอกครู่หนึ่งแล้วเข้ามาในห้องเจียงเซ่อ
“เมื่อคืนไปไหนมา?”
เธอยกมือขึ้นจะตีเจียงเซ่อ
“เมื่อคืนไปไหนมาถึงได้เพิ่งกลับมาตอนเช้า?”
เจียงเซ่อเอี้ยวตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อหลบฝ่ามือของโจวฮุ่ย ปลายนิ้วของหล่อนเฉียดหัวไหล่เธอไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ใบหน้าของโจวฮุ่ยดูโมโหไม่น้อย
“เมื่อคืนไปห้องสมุดกับเพื่อนมา” เธอหยิบยกข้ออ้างที่หลูเป๋าเป่าได้พูดเอาไว้ ลอบมองสีหน้าโจวฮุ่ยทีหนึ่งแล้วอธิบายต่อ
“เมื่อคืนหนูกลับมาแล้ว แต่เคาะประตูเท่าไหร่ก็ไม่มีใครมาเปิดให้ หนูเลยไปนอนที่บ้านเพื่อนก่อน”
“ลูกรู้ไหมว่าเมื่อวานคุณอาตู้อุตส่าห์จะพาลูกไปทำความรู้จักกับเพื่อนของเขา เพื่อที่จะหางานให้ลูก รู้ไหม?”
หลังพูดจบก็จ้องไปที่ลูกสาวอีก
“ใครจะไปรู้ว่าดึกขนาดนั้นยังจะไม่กลับบ้านอีก เสียความตั้งใจของคุณอาตู้จริงๆ เลย”
เจียงเซ่อได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะขึ้น
“หนูไม่ได้อยากจะเลิกเรียนเพื่อไปทำงานเสียหน่อย”
โจวฮุ่ยไม่คิดเลยว่าลูกสาวของเธอจะพูดแบบนั้นออกมา เธอมีสีหน้าแปลกใจ
“ว่าอะไรนะ?”
ก่อนหน้านี้หล่อนก็ได้พูดกับเจียงเซ่อตั้งหลายทีแล้วว่า ถ้าเรียนจบมอปลายเมื่อไหร่ก็จะให้ออกมาทำงาน ตอนแรกเธอก็ไม่เห็นปฏิเสธอะไรแถมยังเห็นดีเห็นงามด้วยอีกต่างหาก บอกว่าจะเข้าวงการบันเทิง อยากจะให้คนได้เห็นเธอในทีวี อยากจะให้ทุกคนในประเทศรู้จักเธอ
แถมไม่กี่วันก่อนหน้านี้หล่อนก็เพิ่งพูดไปอีกรอบ เธอก็ไม่เห็นพูดอะไรจึงคิดว่าเธอก็คงเห็นตามนั้น แต่ทำไมจู่ๆ ก็เป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ เธอกังวลขึ้นมาทันที
“แล้วลูกจะทำอะไร? จะทำอะไรฮึ?” หล่อนเข้าไปนั่งลงข้างๆเจียงเซ่อจนเตียงเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด
“เกรดลูกก็ไม่ดี เรียนไปก็เปลืองเปล่าๆ” โจวฮุ่ยพูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาหยิกลูกสาวตัวเอง
“จะสอบได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย ถึงจะสอบได้แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอมอีก?”
เจียงเซ่อคิดไว้แล้วว่าจะบอกเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจะเรียนต่อ คำถามแบบนี้ยังไงก็ต้องโดนแน่ๆ
“ช่วงปิดเทอมหนูจะหางานทำ”
โจวฮุ่ยมองลูกสาวตัวเองด้วยความผิดหวัง
“เงินไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายๆ อย่างที่ลูกคิดนะ ลูกดูคุณอาตู้สิ ทำงานทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเย็น ในหนึ่งเดือนแทบจะไม่กล้าลาพักผ่อน เงินเดือนก็ยังได้แค่สามพันกว่าหยวน แล้วลูกอายุแค่นี้จะไปทำอะไรได้?”
คำพูดของหล่อนฟังดูแล้วเหมือนเป็นคนที่กลัวโลกภายนอกเอาอย่างมาก ไม่รู้ทำไมในใจของเจียงเซ่อถึงได้รู้สึกบางอย่างขึ้นมา พอเธอเงยหน้ามองก็พบว่าโจวฮุ่ยกำลังขมวดคิ้วอย่างหวาดกลัว
แค่นี้ก็ดูออกแล้ว ตอนที่ยังเป็นสาว โจวฮุ่ยมีใบหน้าที่งดงามมาก ไม่อย่างนั้นตู้ฉางจวินที่รู้อยู่แก่ใจว่าหล่อนเคยแต่งงานแถมมีมาลูกแล้ว คงไม่ยอมแต่งงานด้วยอีกรอบแน่ๆ แต่สิ่งที่เธอได้เจอในชีวิตตอนนี้ทำให้ความสวยบนใบหน้าของเธอค่อยๆ ลบเลือนไป ตอนนี้หล่อนเป็นเหมือนนกพิราบที่ตู้ฉางจวินเลี้ยงเอาไว้จนกลัวตัวต่อโลกภายนอก เจียงเซ่ออดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเอง
ถ้าเธอไม่ได้ต้องมาประสบกับเรื่องการเกิดใหม่นี่ละก็ ตอนนี้ชีวิตของเธอก็คงกำลังจะโดนคนตระกูลเฝิงบงการทุกอย่าง เธอคงจะต้องไปทำความรู้จักกับทายาทของบริษัทเจียงหัว หรืออาจจะไปถึงขั้นคุยเรื่องงานแต่งงานกันแล้ว และสุดท้ายเธอก็จะกลายเป็นคนตระกูลเจ้า อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกและกลายเป็นแค่ตัวประกอบของผู้ชายคนนั้น
สิ่งเดียวที่เธอกับโจวฮุ่ยไม่เหมือนกันก็คงจะเป็นการที่ตู้ฉางจวินนั้นไม่ชอบเธอ และเขาก็มักจะแสดงออกให้เธอรู้ว่าเขากำลังดูถูก อาจจะเป็นไปได้ว่าสามีของหล่อนจะเป็นพวกชอบโอ้อวดตัวเองด้วยการดูถูกคนอื่นก็ได้
“ไม่ว่าจะยังไงก็ขอลองดูก่อน”
เจียงเซ่อพูดสิ่งที่คิดจะพูดอยู่แล้วออกไป พอเห็นว่าโจวฮุ่ยมีท่าทีเหนื่อยหน่ายเธอก็ไม่พูดอะไรอีก
“แล้วแต่ละกัน”
โจวฮุ่ยรู้สึกผิดหวังจริงๆ
“ถ้าลูกไม่เชื่อฟังแม่แล้วก็ช่างเถอะ แต่ถ้าลูกอยากจะเรียนต่อก็ให้รู้ไว้ว่าไม่มีเงินให้หรอกนะ”
พูดจบเธอก็ลุกขึ้นไปปิดไฟ
เหลืออีกแค่สี่วันก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เช้าวันจันทร์ที่ได้มาโรงเรียนก็พบว่าหลูเป๋าเป่ากำลังนั่งเซื่องซึมอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง หลูเป๋าเป่าที่เห็นว่าเจียงเซ่อมาแล้วก็น้ำตาคลอทันที
“วันนั้นที่ฉันกลับไปถึงบ้านนะ ฉันโดนพ่อกับแม่ด่าเละเลยอ่ะ มือถือก็โดนยึดไปแล้วด้วย”
หล่อนเป็นเด็กสาวที่ติดโลกออนไลน์จริงๆ นั่นแหละ แม้แต่ตอนที่เรียนก็ยังแอบเอามือถือขึ้นมาปัดเล่นเลย มิน่าล่ะ ตอนที่เจียงเซ่อเดินเข้ามาถึงได้ไม่เห็นเธอกำลังเล่นมือถืออย่างที่เคย
“เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานกับวันนี้ฉันเป็นยังไง?”
หลูเป๋าเป่ากอดแขนเจียงเซ่อแน่น
“หน้าฉันลอกเพราะโดนแดดเผาด้วย ตัวก็ปวดไปหมดเลย พอพ่อรู้ว่าฉันไปไหนมาเขาก็เอาเงินสี่สิบหยวนของฉันไปด้วย บังคับให้ฉันมาโรงเรียนตั้งแต่ 6 โมงเช้า แล้วให้แบกพจนานุกรมบ้าอะไรไม่รู้มาด้วยอีกต่างหาก”
เจียงเซ่อเอื้อมมือไปดันหน้าของหล่อนออกเพราะหล่อนเอาแต่ถูหน้าไปมาไม่หยุด แต่หลูเป๋าเป่ากลับกอดแขนเธอแน่นขึ้นอีก
“ตอนนี้ฉันหมดเนื้อหมดตัวแล้ว กลางคืนก็นอนไม่หลับ ตอนเช้าก็ตื่นไม่ไหว พ่อฉันบอกว่าถ้าฉันสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ จะเอาฉันตายแน่ๆ”