webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

013

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 13 ค่าตอบแทน

ผู้ดูแลงานในกองถ่ายเริ่มให้เซตฉากใหม่เรียบร้อยแล้ว

ผู้หญิงที่มาเอารายชื่อเมื่อตอนเช้ากลับเข้ามาอีกครั้ง เธอเรียกทุกคนให้มารวมตัวกัน ดูเหมือนว่ากำลังจะจ่ายเงินค่าตอบแทน

ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ตัวประกอบหลายๆคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและยิ้มออกมา

แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปถึงตัวผู้หญิงคนนั้นก็มีคนๆ หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ

“ขอผู้ชายเอาไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งไป”

พอพูดประโยคนั้นจบ พวกผู้ชายทั้งหมดก็แสดงสีหน้าออกมาทันทีว่าไม่เต็มใจที่จะอยู่ต่อแล้ว แต่สุดท้ายก็มีผู้ชายสิบกว่าคนโดนเรียกชื่อออกมาส่วนคนที่เหลือก็กลับไปพร้อมกับพวกผู้หญิงได้เลย

ก็ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าค่าตอบแทนคือสี่สิบหยวน

ถึงหลูเป๋าเป่าจะทำงานไปแค่แปดชั่วโมงกว่าแต่อากาศวันนี้มันค่อนข้างที่จะร้อนเอาเสียมาก อุณหภูมิในเมืองเซิ่นจวงนี้ก็มากกว่าสามสิบเจ็ดองศาแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงได้เพิ่มอีกสิบหยวน รวมเป็นวันนี้หล่อนได้ทั้งหมดห้าสิบหยวน

ส่วนของเจียงเซ่อนั้นมีบทพูด แถมยังได้รับความพึงพอใจจากจางจิ้งอานอีก เธอจึงได้เงินพิเศษถึงสามร้อยหยวน บวกกับค่าตัวประกอบอีกสี่สิบหยวน ค่าตกน้ำอีกยี่สิบหยวนและค่าเอ็นดูจากคนในกองถ่ายอีกสิบหยวน เงินทั้งหมดที่เธอได้มาในวันนี้คือสามร้อยเจ็ดสิบหยวน

กว่าจะจ่ายเงินให้ทุกคนเสร็จฟ้าของก็มืดมากแล้ว

หลูเป๋าเป่าและเจียงเซ่อยังไม่ทันได้อาบน้ำก็รีบเปลี่ยนเสื้อแล้วออกมาทันที เพราะตอนนี้มันใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว

หลูเป๋าเป่ายังอยากจะตามไปดูในกองถ่ายอีก แต่พอเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับกว่าหกสิบสายก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นพ่อแม่โทรมาแน่ๆ เธอจึงตัดใจที่จะอยากไปตามดูดารา

วันนี้ทั้งคู่ยุ่งอยู่กับการถ่ายหนังทั้งวัน กระเป๋าและของทุกอย่างก็เก็บเอาไว้ในตู้ล็อกเกอร์ หลูเป๋าเป่าเองก็ยุ่งจนเวลาจะหายใจหายคอยังจะไม่มี แน่นอนว่าไม่สามารถรับโทรศัพท์จากพ่อแม่ได้

เสียงถ่ายรูปดังมาที่ไม่ไกลนัก หลูเป๋าเป่ารีบลากแขนเจียงเซ่อท่าทางรีบร้อน

“ตายแน่ๆ”

เธอย่ำเท้าไปมา “รถเมล์สายเซิ่นจวงที่จะเข้าเมืองหลวงใกล้จะออกแล้วนะ”

ก่อนที่จะมาเซิ่นจวงเธอได้หาข้อมูลและสอบถามมาเรียบร้อยแล้ว ปกติแล้วรถไปกลับระหว่างเซิ่นจวงและเมืองหลวงจะหมดตอนสามทุ่ม แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ รถจะเลิกวิ่งตอนสี่ทุ่มแทน

แต่พอหลูเป๋าเป่าก้มดูนาฬิกาบนข้อมือตัวเองก็พบว่าตอนนี้มันสามทุ่มสี่สิบห้าแล้ว เหลืออีกแค่สิบห้านาที ถ้าไปไม่ทันจริงๆ พวกเธอคงจะต้องถูกทิ้งอยู่ที่เซิ่นจวงแน่ๆ

“ถึงฉันจะโตขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่เคยออกมาค้างอ้างแรมเลยนะ พรุ่งนี้กลับไปถึงบ้านต้องโดนแม่ตีตายแน่ๆ!”

จากตอนแรกที่ดูจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ตอนนี้ก็ลนจนหัวหมุนไปมา

“ทำไงดีละเนี่ย?”

เจียงเซ่อมองหล่อนที่กำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก แล้วก็เลื่อนไปมองที่มือถือของหล่อน

“โทรหาพ่อแม่ก่อนสิ บอกพวกเขาไปก่อนว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

ตอนนี้หลูเป๋าเป่าคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง พอได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้าทำตามแต่สุดท้ายก็ต้องหันไปถามเจียงเซ่ออีกครั้ง

“จะพูดยังไงล่ะ จะบอกยังไง”

“พูดๆ ไปเถอะ เร็วเข้า เดี๋ยวรถก็ออกไปก่อนพอดี ยังต้องไปซื้อตั๋วอีกนะ”

คนที่มาเล่นเป็นตัวประกอบหนังก็มีไม่น้อย คงจะมีคนที่มาจากเมืองหลวงอยู่บ้างเหมือนกัน เธอกลัวว่าตั๋วจะหมดเสียก่อน

หลูเป๋าเป่าเองก็ได้สติกลับมา ทั้งคู่จับมือกันแล้ววิ่งออกจากกองถ่ายไปทันที

ถึงแม้จะดึกแค่ไหนแต่ข้างนอกกองถ่ายนั่นก็ยังมีนักข่าวมานั่งรออยู่ พอเห็นว่ามีคนออกมาพวกเขาก็รีบลุกขึ้นทันที เพื่อที่จะขอสัมภาษณ์ตัวประกอบและสอบถามสถานการณ์ในกองถ่าย

โชคดีที่มีคนมากันพวกนักข่าวออกไปก่อน แต่ก็มีตัวประกอบหลายคนที่โดนนักข่าวกันตัวไว้เพื่อขอสัมภาษณ์ แต่ทันทีที่เข้ามาถึงสถานี คนก็ไม่ได้เยอะอย่างที่ทั้งคู่คิดเอาไว้

เหมือนว่าทั้งสองคนจะยังพอมีโชคอยู่บ้าง ตอนที่มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วก็เหลืออีกห้านาทีรถถึงจะออก ส่วนตั๋วก็เหลือไม่มากเช่นกัน

พอขึ้นรถมา อาจจะเป็นเพราะทำงานเหนื่อยมาทั้งวันหลูเป๋าเป่านั่งลงได้แค่ไม่กี่นาทีก็หลับไป

แต่เจียงเซ่อกลับนอนไม่หลับ เธอได้แต่มองดูแม่น้ำต้าซิ่งที่กั้นระหว่างเมืองหลวงกับเซิ่นจวงเอาไว้

ในตอนที่รถขับขึ้นสะพาน เจียงเซ่อมองไปที่แสงไฟริมน้ำนั่น และเธอก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของหลูเป๋าเป่าด้วย

ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แสงไฟจากสะพานของเธอนั้น เดี๋ยวก็มืดเดี๋ยวก็สว่าง

เธอรู้สึกว่าความคุ้นเคยของเธอที่เคยมีอยู่ค่อยๆ จางหายไป อย่างเช่นวันนี้ที่เธอได้มาเซิ่นจวง เธอเคยมาแต่กลับจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

กว่าจะมาถึงเมืองหลวงก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม

ครอบครัวตู้คงจะหลับกันหมดแล้ว จริงๆ แล้วคงมีคนได้ยินเสียงเธอเคาะประตู แต่ทว่ากลับไม่มีใครออกมาเปิดให้เธอเลยสักคน

เจียงเซ่อจึงต้องเดินออกมาจากตรงนั้น แถวนี้ถือว่าเป็นเขตชานเมือง ตึกที่อยู่แถวๆ บ้านครอบครัวตู้ก็ไม่ได้มีร้านค้าหรือหมู่บ้านอื่นๆ ถ้ายังอยู่ข้างนอกดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้คงจะอันตรายไม่น้อย

เธอลูบเงินหลายร้อยหยวนที่ได้มาในวันนี้ก่อนจะตัดสินใจหาโรงแรมเล็กๆ ค้างคืน จ่ายค่าห้องไปร้อยกว่าหยวนแล้วเข้าไปทันที เธอรีบอาบน้ำแล้วขึ้นเตียงนอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป่าผมให้แห้งด้วยซ้ำ

วันนี้เธอเจออะไรมาเยอะจริงๆ เธอเหนื่อยจนคืนนี้หลับลึกกว่าทุกคืน

วันรุ่งขึ้น กว่าเธอจะตื่นขึ้นมาก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว แต่พอเธอจะลุกขึ้น แค่ขยับมือก็รู้สึกปวดไปทั้งร่างกาย ตรงข้อมือเธอยังมีรอยเชือกที่ถูกมัดไว้ตอนแสดงหนังอยู่เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรอยที่โดนมีดปลอมตรงหัวไหล่ และรอยที่โดนแรงระเบิดตรงหน้าอกนั่น ผ่านไปแค่คืนเดียวรอยมันก็ดูน่ากลัวขึ้นมาก

เธอถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นลูบที่รอยแผลตรงหน้าอกตัวเอง รอยแผลน่ากลัวขนาดนี้คงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหายดี

ชุดชั้นในที่เธอซักเมื่อคืนแห้งแล้ว เธอเปลี่ยนเสื้อของตัวเองแล้วกลับบ้านทันที ตู้ฉางจวินคงออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว โจวฮุ่ยเองก็กำลังจะทำมื้อเที่ยง ส่วนตู้หงหงกำลังดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก พอหล่อนเห็นว่าเจียงเซ่อกลับมาหล่อนจิปากทันที

“อ้าว ดูซิว่าใครกลับมาแล้ว?”

ห้องครัวและห้องรับแขกของบ้านนี้ใช้แค่ของมาตั้งๆ กั้นไว้เท่านั้น พอโจวฮุ่ยที่อยู่ในห้องครัวได้ยินเสียงของตู้หงหงก็รีบเดินออกมาดู ในมือของเธอยังถือขวดน้ำมันอยู่เลยด้วยซ้ำ พอเธอเห็นว่าเป็นเจียงเซ่อก็ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมาและกลับเข้าไปในห้องครัวเหมือนเดิม

พอโจวฮุ่ยไปแล้วตู้หงหงก็เบะปากออกมาอีกครั้ง

“เธอจะกลับมาอีกทำไม?”

ถึงทั้งคู่จะเป็นแค่พี่น้องต่างพ่อ แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีความสนิทสนมกันเลยสักนิด ใบหน้าก็ไม่เหมือนกัน โจวฮุ่ยมีลูกสามคน แต่มีแค่ตู้โหยวลูกชายของหล่อนเท่านั้นที่หน้าเหมือนหล่อน แต่ลูกสาวอีกทั้งสองคนกลับเหมือนพ่อไปเสียอย่างนั้น

หน้าตาของตู้หงจวินก็ไม่ได้ดีนัก ส่วนตู้หงหงก็แค่พอเรียกได้ว่าจิ้มลิ้ม แต่ถ้ามายืนข้างๆ เจียงเซ่อแล้วล่ะก็ คนหนึ่งดูงดงามจับใจ แต่อีกคนกลับไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อย

และนั่นก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ตู้หงหงไม่ชอบเจียงเซ่อ ตั้งแต่เล็กจนโต ถึงคนรอบข้างจะรู้ว่าเจียงเซ่อไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตู้ฉางจวิน แต่ก็มักจะชมว่าเธอสวยอยู่เรื่อย

เจียงเซ่อไม่พูดอะไรและกลับเข้าห้องทันที ตู้หงหงกลอกตามองเธอ แต่พอเห็นเจียงเซ่อไม่ยอมตอบก็เบะปาก

“อวดดี!” สายตาของหล่อนมีความสงสัยเผยออกมา เจียงเซ่อเหมือนเป็นแค่คนที่มาอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่น เพราะงั้นจึงไม่มีใครชอบเธอ เธอเองก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกับตระกูลตู้ มีแค่โจวฮุ่ยเท่านั้นที่เธอสามารถคุยด้วยได้บ้าง