webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

ตอนพิเศษ 3-2 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์

ตอนพิเศษ 3-2 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์

วินาทีนั้นสัญญาณเตือนภัยในใจเขาร้องเตือนไม่หยุด สายตาที่มองจ้าวจวินฮั่นเหมือนมองศัตรู

“เขาเป็นใคร?”

ห้องนอนของเฝิงหนานเขาเข้าไปตั้งแต่เด็กแล้ว ที่นี่เป็นพื้นที่ต้องห้ามของใครหลายคน มีเพียงเขาที่สามารถเข้าออกได้ตามต้องการ

เขานอนอยู่บนเตียง กอดหมอนของเฝิงหนานเอาไว้ มองเธอที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วและกำลังแต่งหน้าด้วยความประณีตอยู่หน้ากระจก

เธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบสี่แล้ว บุคลิกสง่างาม เมื่อเทียบกันแล้ว เขายังเรียนอยู่และย้อมผมเป็นสีทองทั้งหัว แม้จะโดนคุณปู่ด่าหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อดึงดูดความสนใจจากเธอ

เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนเด็กไม่รู้จักโต จึงตื่นตระหนกไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนอย่างไร

สำหรับเรื่องการแอบรัก เขาถนัดและคุ้นชินแล้ว แต่สำหรับเรื่องความรัก เขากลับยังเป็นมือใหม่ เขาไวต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก สามารถรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเฝิงหนานไม่เป็นผลดีต่อเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“เขาคือคุณจ้าวจากเจียงหัวกรุ๊ปน่ะ”

เธอทาลิปสติกเล็กน้อยแล้วเม้มปากเบาๆ ตอนที่พูดถึงจ้าวจวินฮั่น น้ำเสียงก็เรียบนิ่งไม่สั่นไหว ราวกับคนแปลกหน้าไม่มีผิด เขาจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี

“เขามาทำไม?”

เขาถามอีก เฝิงหนานเลือกกระเป๋าและเตรียมจะออกจากบ้านแล้ว เหตุผลที่จ้าวจวินฮั่นมาไม่ต้อถามก็คงจะเดาออก

เธอพูดถึงการร่วมงานกันระหว่างวิสาหกิจจงหนานและเจียงหัวกรุ๊ป พูดถึงสิ่งที่พ่อแม่ขอร้อง ทั้งสองตระกูลต้องรร่วมงานกัน เฝิงชินหลุนอยากทำผลงานให้เฝิงจงเหลียงได้เห็น เพื่อยกฐานะของตนเองในวิสาหกิจจงหนาน และเพื่อคว้าอำนาจสูงสุดในการควบคุมวิสาหกิจจงหนานในอนาคตเอาไว้

การจะที่ทั้งสองตระกูลจะสามารถร่วมงานกันได้ ไม่มีอะไรมั่นคงกว่าการแต่งงานอีกแล้ว

“ไปทำความรู้จักเขาเอาไว้น่ะ” เธอพูดอย่างสงบนิ่ง เก็บซ่อนจุดประสงค์ที่แท้จริงเอาไว้ในใจ เผยอี้เหมือนโดนทุบหัว เขาลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมยื่นมือไปดึงเธอไว้

“อย่าไป”

เธอขยับมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมาและปลอบใจเขาว่า “ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้ว”

“อย่าไป” เขาอ้อนวอน “พี่จะไปทำความรู้จักกับเขาทำไม เขาเป็นใคร ถ้าเทียบกับการไปทานข้าวกับเขา ไปกับผมดีกว่า”

“ผมเตรียมของขวัญให้พี่ชิ้นหนึ่งด้วย อย่าไปสนสัญญาร่วมมือบ้าบออะไรนั่นเลย มันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยเล่า?”

เฝิงหนานฟังถึงตรงนี้ เพียงหลุบตาลงและพูดกับเขาว่า

“นายยังเด็ก นายไม่เข้าใจหรอก”

ตระกูลเผยตามใจเขา ทำให้เขาเอาแต่ใจตัวเอง โลกของเขาเต็มไปด้วยสีสัน ไม่เหมือนเธอที่เหมือนนกน้อยในกรงทอง ไม่มีอิสระ ตั้งแต่เกิด อนาคตของเธอก็ถูกวางเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

ตั้งแต่เด็กจนโต เธอจะกินอะไร กินเท่าไหร่ เรียนอะไร อายุเท่าไหร่ต้องทำอะไร คบเพื่อนแบบไหน ทุกอย่างไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถเลือกเองได้

เธออายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ชีวิตเพิ่งจะถึงจุดที่กำลังจะเดินไปข้างหน้า แต่กลับเหมือนบ่อน้ำนิ่ง ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นก็แทบจะเห็นบทสรุปในอนาคตแล้ว

เผยอี้ไม่เหมือนเธอ เขาก็เป็นหนึ่งในตัวแปรในชีวิตของเฝิงหนาน เธออิจฉาเขา แต่ก็ชอบความบ้าบิ่นของเขาด้วยเช่นกัน เขาทำในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำได้ ทำได้อย่างที่ใจต้องการและเป็นตัวของตัวเอง

“อย่าไป พี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา พวกพี่ไม่รู้จักกันสักหน่อย” ปกติทุกครั้งที่เผยอี้เถียงกับพ่อแม่ก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาเป็นเหตุผลเสมอ แต่ตอนนี้คำพูดที่อยากพูด เขากลับพูดไม่ออกเลยสักคำ

“พี่อย่าเพิ่งรีบแต่งงาน พี่พูดเองว่าอยากอยู่ในปราสาทไม่ใช่เหรอ แบบที่มีไม้เลื้อยเต็มหลังคา มีหน้าต่าง มีโต๊ะ แล้วพี่ก็จะอ่านหนังสืออยู่ในนั้นเหมือนเจ้าหญิงไง?”

เขากระวนกระวายมาก ความกังวลในดวงตาแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำไหลลงมาแล้ว

เฝิงหนานเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตาให้เขา โอ๋เขาเหมือนตอนเด็กๆ พอได้ยินคำพูดของเขาเธอก็อดขำไม่ได้ ริมฝีปากที่ทาลิปสติกคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวยงาม งดงามจนทำให้เขาหน้าแดง

สิ่งที่เธอพูดตอนเด็ก ตัวเธอเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว บางทีอาจจะเป็นเพียงแค่ความฝันอันงดงามในวัยเด็กก็เท่านั้น เธอพูดกับเขาโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เขากลับจำมันได้

แต่เมื่อยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งรู้ว่าไม่มีใครจะสามารถโอบประคองอีกคนไว้กลางฝ่ามือไปได้ตลอด และไม่มีใครสามารถตามใจเธอเหมือนเป็นเจ้าหญิงได้

เธอมองหน้าเผยอี้ เห็นเขาดูกระวนกระวายใจ เธอคุ้นชินเสียแล้วกับการตามใจเขา พอเห็นเขาเสียใจแบบนี้ เธอก็เดาว่าเขาคงกลัวอนาคตตนเองแต่งงานไปแล้วจะไม่สนใจเขาอีก จึงปลอบใจเขา

“อาอี้ อย่ากังวลเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แม้จะเป็นสามีภรรยา แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกัน” เธอเห็นตัวอย่างจากพ่อแม่มาแล้ว การแต่งงานแบบนี้ ส่วนมากแต่งกันไปแล้ว หลังแต่งความรู้สึกต่างก็ชืดชาต่อกันทั้งนั้น

“เราโตมาด้วยกัน ในสายตาฉัน นายเป็นเหมือนน้องชายของฉัน แม้ฉันจะแต่งงานไปก็ไม่มีวันไม่สนใจนายหรอก”

เธอรู้ว่าเขาเป็นคนขี้หวง ไม่ยอมแบ่งปันของรักกับใครตั้งแต่เด็ก ที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้เขาสบายใจ แต่มันกลับยิ่งแทงใจดำเผยอี้

อายุของเขากับเธอห่างกันเกือบห้าปี ห้าปีนี้เหมือนเป็นช่องว่างอันใหญ่โต ที่ยากจะก้าวข้ามไปได้

สำหรับเธอ อาจจะไม่เคยคิดเลยว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตจะสามารถเป็นเขาได้

ความคิดนี้เองที่เป็นสิ่งที่เผยอี้กลัวมากที่สุด เขากระวนกระวายมากกว่าเดิม เขาไม่ให้เฝิงหนานไปเจอจ้าวจวินฮั่น ทั้งสองทะเลาะกันหนักก่อนจะแยกกัน เขาไปฝรั่งเศสคนเดียว ตอนกลับมา เธอก็ได้หมั้นกับจ้าวจวินฮั่นตามที่ตระกูลเฝิงต้องการแล้ว

คืนที่เขารู้ความจริง เขาดื่มจนเมาหนัก ความรักของเขาที่มีต่อเฝิงหนานมันเกินคำว่า ‘ปักใจชอบ’ ไปมากแล้ว

เขาไม่สามารถปล่อยมือเธอได้ แน่นอนว่าต้องเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป

ที่ผ่านมาสำหรับเฝิงหนาน เขาเด็กเกินไปและเอาแต่ใจมาก คุณปู่บอกว่าการที่เขาทำแบบนี้ จะไม่เป็นลูกผู้ชายในสายตาของเฝิงหนาน

เขาก็เชื่อฟังตามที่คุณปู่บอกขอยื่นเรื่องเรียนจบก่อนกำหนด เข้าไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร คุณปู่สัญญากับเขาว่าจะดูแลเฝิงหนานแทนเขา ไม่ให้ไอ้จ้าวจวินฮั่นนั่นฉวยโอกาส

เพื่อทำผลงาน เขาจึงอาสาไปปฏิบัติภารกิจ ตรวจสอบคดีที่ใช้เด็กค้ายาเสพติดข้ามชาติ แต่เพราะความผิดพลาดของเพื่อนร่วมทีมแซ่เฉิน จึงทำให้ฐานะถูกเปิดเผย

ตอนที่เผยจิ้นฮว๋ายไปถึงดอนลอนนั้น เขาไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว

สายตาของเขายังคงมองทอดออกไป ราวกับยังคงรอคอยให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

“เฝิงหนานใกล้มาถึงแล้ว ปู่ของลูกบอกเธอแล้ว” เผยจิ้นฮว๋ายถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ วิดีโอคอลในโทรศัพท์ คุณปู่เผยพยายามรวบรวมสติ แต่น้ำเสียงกลับสั่นระริก

เขาเป็นคนแข็งแรงมาตลอด แต่เพราะเกิดเรื่องกับหลานชายทำให้เขาแทบจะทนรับไม่ไหว ในวิดีโอเขาใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเอาไว้

“อาอี้ของปู่ หลานอย่าเป็นอะไรนะ ถ้าหลานเป็นอะไรไป ปู่จะอยู่ต่อไปยังไง?”

ดวงตาของเผยจิ้นฮว๋ายแดงก่ำ หลายเรื่องทุกคนต่างพอเดาออกแล้ว ซึ่งเผยอี้เองก็รู้สึกได้

คุณปู่เผยบอกเขาว่าจะบอกเฝิงหนานให้ เขาส่งสายตาอ้อนวอน

เขาเคยคิดหลายครั้งแล้วว่าจะบอกความรู้สึกของตนเองกับเฝิงหนาน แต่ตอนนี้ ถ้าให้เธอรู้ความรู้ใจของเขา แต่ตนเองไม่สามารถอยู่กับเธอไปชั่วชีวิตได้ เธอจะอยู่ได้อย่างไร?

เขาคิดถึงปราสาทที่ฝรั่งเศส สิ่งที่เสียใจมากที่สุดคือ หลายปีผ่านไป เธอยังไม่เคยไปที่นั่นเลยสักครั้ง

ที่นั่นมีไม้เลื้อยที่เขาปลูกเองกับมือ มีมุมระเบียงที่เธอต้องชอบแน่ๆ ข้างหน้าต่างมีโต๊ะที่วางเครื่องชงชาและหนังสือที่เธอชอบไว้ ที่นั่นมีทุกอย่าง ขาดแค่เธอคนเดียว

ภาพในจินตนาการของเขา เธออาจจะนั่งอยู่บนเก้าอี้สาน แสงอาทิตย์ช่วงบ่ายสาดส่องผ่านใบไม้สีเขียวมาที่ตัวเธอ เธอกอดหนังสือเอาไว้ อยู่กับชากาหนึ่งได้เป็นครึ่งวัน แต่ทั้งชีวิตนี้เขาต้องการเพียงแค่เธอคนเดียวก็เพียงพอแล้ว

หลังจากเขาจากไป เฝิงหนานไปส่งเขาที่บ้านตระกูลเฝิงเป็นครั้งสุดท้าย ในรูปเขาดูหล่อเหลา ใบหน้าเรียว กลายเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว แววตาหนักแน่น ต่างจากเด็กน้อยที่อยู่ในภาพความทรงจำของเธอ

อาการของคุณนายเผยและคุณย่าทรุดลง พวกเธออยู่ในห้องของเขาไม่ยอมออกมา กอดสิ่งของของเขาเอาไว้และเอาแต่พร่ำเรียกชื่อเขา

ตอนที่เฝิงหนานไปเกลี้ยกล่อมนั้นก็เห็นหนังสือบนชั้นแต่ละชั้นของเขา ซึ่งล้วนเป็นหนังสือที่ตนเองคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เธอตกตะลึง ในลิ้นชักของเขาเต็มไปด้วยจดหมายรัก ที่ล้วนเขียนชื่อผู้รับว่า ‘เฝิงหนาน’ ตัวหนังสือไม่เหมือนกัน จดหมายทุกฉบับเป็นจดหมายที่มีคนเขียนถึงเธอและเผยอี้เปิดอ่านทั้งหมดแล้ว

เธอเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่เป็นส่วนลึกของหัวใจของชายหนุ่มคนหนึ่ง จากคำว่าชอบตอนเขาเด็กๆ กลายเป็นแอบรักตอนโตและความเร่าร้อนตอนเป็นวัยรุ่น เธอแทบจะจมเข้าไปใจความรู้สึกอันแรงกล้านั้น

ในห้องของเผยอี้ เธอเห็นรูปปราสาทรูปหนึ่ง จึงเดินทางไปที่ฝรั่งเศสด้วยความรู้สึกที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรเรียกว่าอะไร

เธอยืนอยู่หน้าปราสาทที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยด้วยท่าทางอึ้งๆ และทำอะไรไม่ถูก

ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เธอชอบ ชายหนุ่มคนนั้นต้องเคยจินตนาการภาพที่เธออยู่ที่นี่ แต่เสียดายที่ตอนที่เขาอยู่ เธอไม่ได้มา ตอนเธอมาเขาก็ไม่อยู่แล้ว

เธอพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว เก็บกวาดบ้าน ตัดต้นไม้ใบหญ้าด้วยตัวเอง เธอได้ยินคนใช้ที่นี่บอกว่า เมื่อก่อนงานหลายอย่างที่นี่ เผยอี้เป็นคนทำเองทั้งหมด

จิตใจของคุณนายเผยดีขึ้นบ้างแล้ว และให้คนส่งของบางส่วนของเผยอี้มา เธอได้รับจดหมายกล่องใหญ่กล่องหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือของเผยอี้ เธอจำมันได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น

จดหมายเหล่านั้น เป็นจดหมายที่เขาไม่ได้ส่งออกไป

เธอชงชาและนั่งอยู่บนเก้าอี้สานข้างหน้าต่าง เปิดจดหมายออกมา เพียงมองแวบแรกเฝิงหนานก็จำได้ทันทีว่านั่นเป็นลายมือของเผยอี้

กลิ่นชาหอมกรุ่นลอยขึ้นตามไอร้อน จดหมายเหล่านี้เขียนถึงศัตรูหัวใจทุกคนที่ชอบเฝิงหนาน เขาจะเขียนในตอนท้ายของจดหมายทุกฉบับว่า

‘ขอโทษด้วยเพื่อน เฝิงหนานไม่สามารถรับรักนายได้ เพราะเธอเป็นเจ้าหญิงของฉัน’

น้อยมากที่เธอจะเสียการควบคุมเช่นนี้ คุณนายเฝิงเคยสอนเธอว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ควรปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังออกมา ต้องควบคุมสติของตัวเอง แม้ภูเขาไท่ซานถล่มลงมาตรงหน้าก็ต้องสงบนิ่งเข้าไว้ ไม่ควรแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า ถ้าแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไป คนอื่นๆ จะหัวเราะเยาะเอาได้

ที่ผ่านมาเธอทำได้ดีมาโดนตลอด พวกผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชมว่าเธอรู้จักกาลเทศะ

ทว่าขณะนี้เอง เธอกลับปล่อยโฮออกมาเสียงดัง