ตอนพิเศษ 3-1 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์
เฝิงหนานเหมือนเป็นความลับที่อยู่ในใจของเผยอี้ที่ไม่ยอมแบ่งปันกับใคร แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนว่าความลับถูกเปิดเผย รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะถูกแย่งไป
เขาเป็นเจ้าชายที่เกิดในตระกูลเผย ตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีใครกล้าแย่งของๆ เขา วินาทีนั้นเขาเข้าใจแล้วว่าคำว่าหึงหวงและเสียใจเป็นอย่างไร
อยู่ๆ เขาก็เข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าเขาจะชอบเฝิงหนานมากเพียงใด วันหนึ่งเธอก็อาจจะต้องจูงมือคนอื่น ถึงตอนนั้นชีวิตของเธอกับเขาทั้งคู่คงเป็นเหมือนเส้นขนาน
ชายหนุ่มรู้สึกหนักใจ ระหว่างทางที่เขาไปหาเฝิงหนาน จดหมายเบาๆ ที่อยู่ในกระเป๋าก็กดทับจนหลังเขางอไปหมด
เขาเจอเฝิงหนานในห้องสมุด เธอนั่งอยู่ในมุมข้างหน้าต่างกำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ไม้เลื้อยที่อยู่ข้างหน้าต่างถูกลมพัดดังซ่าซ่า แสงอาทิตย์สะท้อนผ่านมวลพฤกษาสีเขียวเข้ามาตกกระทบลงบนแก้มที่ขาวใสดั่งเนื้อหยกของเธอ ทำให้เขาใจสั่น
วินาทีนั้นใบหน้าของชายหนุ่มที่เพิ่งเข้าใจในความรักก็เริ่มแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้ เขาพยายามกลั้นลมหายใจ กลัวมากว่าจะทำให้เธอตกใจ เขายืนเซ่ออยู่ที่เดิมนานมาก จนเธอเห็นเขาและเรียกชื่อเขาด้วยความแปลกใจ
“อาอี้ นายมาได้ไงน่ะ?”
เขานั่งลงข้างเธออย่างเงอะงะ หยิบของที่เอามาให้เธอออกจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง มีทั้งของกินและของใช้
เขารวบรวมความกล้าแล้วเข้าไปใกล้เธอมากกว่าเดิม รูปร่างของหญิงสาวเริ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้ง หน้าอกที่นูนออกมาถูกห่อหุ้มอยู่ในชุดนักเรียน เขาเห็นแล้วหน้าแดงก่ำ
เธอกำลังอ่านหนังสือนิยายของโหวซีหลิ่งอยู่ อ่านไปแล้วประมาณครึ่งเล่ม ที่คั่นหนังสือประณีตอันหนึ่งถูกสอดเอาไว้ด้านใน
ทันทีที่เขามาถึงก็ทำให้เธอแบ่งความสนใจออกมาจากหนังสือ เธอปิดหนังสือ มองใบหน้าแดงก่ำของเขา แล้วถามอย่างกังวลว่า “เป็นอะไรไป?”
เธอไม่รู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อเขามากเพียงใด จึงยื่นมือเรียวยาวราวกับต้นหอมไปลูบหัวของเขา
ตอนนี้ใกล้จะเดือนมิถุนายนแล้ว พระอาทิตย์ร้อนดั่งเปลวเพลิง เธอเดาว่าระหว่างทางที่เขามาอาจจะร้อน
แก้มของเขาร้อนแผ่วซึ่งตรงกันข้ามกับมือนุ่มของเธอที่เย็นเยียบ เขายื่นมือออกไปกดมือเธอเอาไว้ มือของเธออ่อนนุ่มเหมือนไม่มีกระดูก สายตาของเธอจริงใจและบริสุทธิ์ แต่ใจของเขากลับเต้นโครมครามเหมือนมีกวางน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่ในนั้น
ทั้งสองโตมาด้วยกัน คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เธอไม่รังเกียจสัมผัสของเขา ถึงขั้นที่สามารถยอมรับความสนิมสนมแบบนี้ได้
เผยอี้อ้าปาก อยากถามเธอว่ารู้เรื่องจดหมายรักที่ตนเองเก็บมาหรือไม่ แต่ในขณะที่กำลังจะพูดออกมา ก็เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วยใยของเธอจึงทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
เขารู้สึกเหมือนพ่ายแพ้ เขาไม่เคยขี้ขลาดแบบนี้มาก่อน กลัวเหลือเกินว่าถ้าตนเองถามไปแล้วจะเกิดปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ตามมา
เขาจับมือเฝิงหนานอย่างอ้อนๆ เธอทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ห้ามการกระทำของเขา
ข้างหน้าต่างมีลมเย็นๆ พัดอยู่ เธอดึงมือเผยอี้ให้มายืนข้างหน้าต่าง เธออายุมากกว่าเขาเกือบห้าปี หลายปีที่ผ่านมาจึงสูงกว่าเขามาก
แต่ช่วงสองปีนี้ที่เขาขึ้นมัธยมต้น ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงกว่าเธอไปประมาณหัวหนึ่งแล้ว แม้ร่างกายของเขาจะผอมแห้ง แต่ไหล่กว้างกว่าเธอและสามารถกอดเธอเอาไว้ได้พอดี
เฝิงหนานเรียนเต้นตั้งแต่เด็ก รูปร่างจึงดีมาก จากมุมที่เขายืนอยู่สามารถเห็นคอและหลังของเธอได้พอดี มันงดงามราวกับถูกสวรรค์รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต
รูปร่างอ่อนช้อยของสาวน้อยแรกรุ่นเริ่มปรากฎออกมาให้เห็น เขาหน้าแดงเล็กน้อย
ผิวพรรณของเธอดีมาก ขาวละเอียดลออ ใบหน้าอบอุ่นอ่อนโยน ริมฝีปากสีอ่อน ใบหน้าไร้ซึ่งการแต่งเติมของเครื่องสำอาง ไม่ได้งดงามเฉิดฉันแต่ดูสบายตา
ลมพัดเข้ามาอย่างแผ่วเบา ลมเย็นนั่นเจือมาด้วยกลิ่นหอมจางๆ จากกายเธอ ผมของเธอถูกปล่อยสยายเอาไว้ กว่าครึ่งถูกทัดไว้ที่หลังหู ผมหลายเส้นบังอยู่บนแก้มของเธอ เธอเดินไปอยู่ข้างหน้าต่าง ยื่นมือออกไปจับพืชพรรณที่อยู่นอกหน้าต่าง
นอกหอสมุดปลูกต้นผาซานหู่*
[1]
ที่ขึ้นไวมากเอาไว้ ใบเถาเลื้อยผ่านหน้าต่างโค้งสีขาวจนแทบจะล้อมห้องสมุดเอาไว้กว่าครึ่งแล้ว
ทั้งสองยืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้องสมุด ไม่มีใครเข้ามารบกวน เขากลืนน้ำลาย มองเส้นผมที่ลื่นตกลงไปคลอเคลียบนแขนเธอเพราะการค้อมเอวนั่นเส้นผมพวกนั้นราวกับเส้นไหมชั้นเลิศ ทำให้เขาอดที่จะยื่นมือไปจับไม่ได้
“อาอี้ นายเห็นมั้ย?”
เธอพูดอย่างเหม่อๆ ปลายนิ้วของเผยอี้เพิ่งจะสัมผัสกับผมของเธอ เมื่อได้ยินเธอเรียกด้วยความร้อนตัวเลยรีบชักมือกลับไปเหมือนถูกไฟช็อต
หัวใจของเขายังคงเต้น ‘ตุบๆ’ ไม่หยุด แต่เฝิงหนานกลับไม่รับรู้การกระทำก่อนหน้านี้ของเขาเลยแม้แต่น้อย “ไม้เลื้อยนอกห้องสมุดเลื้อยขึ้นไปถึงข้างบนสุดแล้ว สวยมากเลย”
เธอเอียงหน้ามาและพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนปราสาทเลย นายดูสิ” เธอยกมือขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านร่องนิ้วของเธอ “สวยไหม?”
เขาพยักหน้าอย่างอึ้งๆ
“ฉันเองก็อยากได้ปราสาทแบบนี้สักหลัง เอาสไตล์ฝรั่งเศส มีหน้าต่างสีขาว นอกปราสาทเต็มไปด้วยไม้เลื้อย ข้างหน้าต่างมีโต๊ะกลมวางอยู่โต๊ะหนึ่งและมีเก้าอี้สานด้วย” แน่นอนว่ายังมีชาและหนังสือที่เธอชอบ เธอสามารถจินตนาการได้เลยว่าแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านใบไม้มาจะอบอุ่นเพียงใด คำพูดของเธอแฝงไปด้วยความโรแมนติกและไร้เดียงสาของเด็กสาว
“แบบนี้ก็เหมือนฉันเป็นเจ้าหญิงเลย”
เธอพูดถึงตรงนี้ แก้มก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย
คำพูดเหล่านี้ เธอไม่มีทางพูดกับคนอื่นแน่ แต่กับเผยอี้ เธอกลับพูดออกมาอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เธอแบ่งปันกับเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สบายของร่างกายหรือความคิดของเด็กสาววัยรุ่นล้วนสามารถพูดกับเขาได้ทั้งหมด
“อาอี้ นายจะหัวเราะเยาะฉันไหม?”
“แน่นอนว่าไม่”
เขาพยายามควบคุมลมหายใจและส่ายหน้าสุดชีวิต
ความจริงตอนนี้เขาได้จินตการตามคำพูดของเธอจนออกมาเป็นภาพวาดแล้ว มีทั้งแสงอาทิตย์ ใบไม้สีเขียว ปราสาทและเธอที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง
เขายังไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไร รู้เพียงแค่ว่าจะทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง
เขาเอาจดหมายพวกนั้นกลับบ้าน เขียนจดหมายปฏิเสธแทนเธออย่างตั้งอกตั้งใจ กลัวว่าถ้าตัวหนังสือน่าเกลียดเกินไป คนที่แอบชอบเธอจะหัวเราะเยาะ
แผ่นไหนเขียนไม่สวยก็ฉีกทิ้งแล้วเขียนใหม่ เขาไม่เคยตั้งใจขนาดนี้มาก่อน
เผยอี้ยังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกไม่ชอบใจที่รู้ว่ามีคนชอบเธอนั้นเรียกว่าอะไร ตอนนั้นสิ่งที่เขาต้องทำมีเยอะมาก เขาต้องรีบโต อยากตามทันฝีเท้าของเธอ ต้องคอยปฏิเสธเจ้าพวกลามกที่คอยแอบมองเธอ ต้องปกป้องเธอให้มากกว่านี้ เขายังคิดจะซื้อปราสาทให้เธอ ให้เธอได้เป็นเจ้าหญิงจริงๆ อีกด้วย
เขาซื้อคฤหาสน์ที่ฝรั่งเศสเอาไว้ ปลูกไม้เลื้อยเองกับมือ รอให้มันเจริญเติบโต เฝ้าดูมันค่อยๆ โตขึ้นจนปกคลุมตัวบ้านเอาไว้
เผ้ารักษาดอกผลความพยายามของตนเองอย่างระมัดระวัง เฝ้ามองบ้านในฝันของเฝิงหนานที่ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง พวกของเฉิงหรูหนิงต่างก็หัวเราะเยาะว่าเขารักเฝิงหนานจน ‘เข้ากระดูก’ เขาถึงได้เข้าใจว่าความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้แบบนี้เรียกว่าอะไร
เขาค่อยๆ เติบโตขึ้น แต่กลับสูญเสียความมั่นใจที่จะบอก ‘รัก’ เธอเสียงดังเหมือนตอนเด็กๆ ไป เพราะหวงแหนมากจนไม่กล้าแม้กระทั่งจะสารภาพรัก กลัวเธอจะตกใจและไม่สนใจเขาอีก
สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นดั่งเทพธิดาผู้งดงามและบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถก้าวล่วงได้ แม้กระทั่งการแอบชอบเธอยังถือว่าเป็นความผิดอย่างหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
คฤหาสน์ที่ฝรั่งเศสเกือบจะเสร็จแล้ว เขาเลี้ยงม้าไว้สองตัว ที่นั่นมีโรงม้า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทั้งสองอาจจะไปขี่ม้าหรือเดินเล่นด้วยกันได้ เขาวาดฝันเอาไว้มากมาย ทว่าสิ่งเดียวที่คิดไม่ถึงคือคนในบ้านตระกูลเฝิงได้วางแผนอนาคตของเธอเอาไว้แล้ว
เขารีบไปที่บ้านตระกูลเฝิงด้วยความตื่นเต้น รวบรวมความกล้าเพื่อชวนเธอไปเที่ยวฝรั่งเศส วินาทีก่อนที่เขาจะไปถึงบ้านตระกูลเฝิงเขายังคิดอยู่เลยว่า ตอนที่ตนเองพาเธอไปถึงฝรั่งเศส ตอนที่เธอเห็นปราสาทในฝันปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอจะรู้สึกอย่างไร
เธออาจจะตื่นเต้น อาจจะเขินอาย และถ้าเขาถือโอกาสสารภาพรักตอนนี้ อาจจะสำเร็จก็ได้
เขาตื่นเต้นไม่น้อย แต่ตอนไปถึงบ้านตระกูลเฝิงกลับเห็นจ้าวจวินฮั่นมาปรากฏตัวอยู่ที่บ้านตระกูลเฝิง
[1]ต้นผาซานหู่ ภาษาละตินคือ Parthenocissus tricuspidata เป็นต้นไม้ตระกูลไม้เลี้อยชนิดหนึ่ง