webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

ตอนพิเศษ 2 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์

ตอนพิเศษ 2 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์

เผยอี้ถูกพากลับบ้าน เขาก่อเรื่องแต่เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่เคร่งขรึมของบิดา กลับทำท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง

เฝิงหนานเองก็ถูกพากลับบ้านมาด้วย ถ้าเธอไม่มา เจ้านี่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากโต๊ะ ท้ายที่สุดเผยจิ้นฮว๋ายไม่รู้ว่าทำยังไงกับเขา จึงพาเฝิงหนานกลับมาด้วย เขาจึงยอมปล่อยมือและกลับมากับผู้ใหญ่

“รู้ตัวว่าผิดหรือยัง?”

แม้เผยจิ้นฮว๋ายจะโกรธที่ลูกชายดื้อและก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน แต่เขาก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่คนเดียว เมื่อเห็นทรงผมที่เดิมเรียบเปล้ของลูกชายถูกยีจนฟูและบนตัวมีรอยถีบหลายรอย ใบหน้าเขาก็เขียวไปหมดทั้งยังรู้สึกปวดใจไม่น้อย

“ไม่ผิด!” หลังจากเขาตะโกนเสียงดังเสร็จก็รู้สึกว่าตนได้รับความไม่เป็นธรรมจึงเข้าไปกอดเฝิงหนานเอาไว้แล้วพูดว่า

“เฝิงหนานเป็นของผม มันเป็นไอ้อันธพาลที่นั่งแถวเดียวกับเฝิงหนาน”

เผยจิ้นฮว๋ายเกือบจะหัวเราะออกมาเพราะคำว่า ‘ไอ้อันธพาล’ ของเขา เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ลูกไปชกต่อยคนอื่นแบบนั้น แล้วลูกไม่ใช่อันธพาลหรือไง”

ตอนที่เขากลับมา จับมือเฝิงหนานไว้แน่น กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะหนีไป จริงๆ แล้วใครกันแน่ที่ ‘อันธพาล’ กว่า?

“ผมก็โดนตี” เจ้าเด็กน้อยที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยอมรับผิด กอดเฝิงหนานเอาไว้ มุดตัวลงตรงอกเธอ บ่นเจ็บไม่ขาดปาก “อ๊า หน้าผมก็เจ็บ”

เฝิงหนานเป่าแผลให้เขาเบาๆ แล้วยังพูดขอร้องแทนเขาด้วย

“คุณลุงเผยอย่างว่าอาอี้เลยค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”

คุณปู่เผยเห็นท่าทางอันไร้เดียงสาของเด็กน้อยทั้งสองใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เผยจิ้นฮว๋ายกลับคิดว่าลูกชายทำแบบนี้ไม่ถูก เขาจ้องลูกชายทีหนึ่ง ก่อนจะพูดกับเขาอย่างมีเหตุผล

“ไม่ว่ายังไง ลูกไปตีคนอื่นยังไงก็มีความผิด!” เขาไม่ออมมือเลยสักนิด แม้อายุจะยังไม่มาก แต่เรี่ยวแรงกลับไม่น้อยเลย แม้ผู้ปกครองของอีกฝ่ายจะไม่กล้าว่าอะไรเขา แต่เผยจิ้นฮว๋ายกลัวว่าถ้าลูกชายไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินแบบนี้ต่อไป อนาคตอาจจะคุมไม่อยู่

เผยอี้ไม่ยอมรับผิด ทำให้เผยจิ้นฮว๋ายโกรธจนต้องเอากฎบ้านออกมาจัดการ คุณปู่เผยถูกเชิญกลับมาในฐานะผู้ห้ามทัพ เมื่อเห็นหลานโดนทำร้ายก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จะไปหาเด็กที่มีเรื่องกับเขาด้วยตัวเอง เพื่อ ‘ทวงความยุติธรรม’ ให้หลานชาย

เบื้องหลังของราชาปีศาจจอมก่อเรื่องทุกคน ล้วนมีผู้ใหญ่ที่ ‘ไม่มีเหตุผล’ คอยหนุนหลังอยู่ เผยจิ้นฮว๋ายไม่รู้ว่าควรจัดการกับลูกชายยังไง ยิ่งคุณปู่เผยยิ่งไม่รู้จะทำยังไงเข้าไปใหญ่ ทำได้แค่ยอมข่มอารมณ์และเล่าเหตุผลที่เผยอี้ตีคนโดย ‘ไม่มีเหตุผล’ ออกมา

“พ่อ ให้เขาทำแบบนี้ไม่ได้ เขาจะไปโรงเรียนก็ให้เขาไปแล้ว อยากเข้าห้องเรียนของเฝิงหนานก็ให้เข้าไปแล้ว แต่เพราะไม่ได้นั่งข้างเฝิงหนาน พอไม่ได้ดั่งใจก็ทำร้ายคนอื่น”

ไม่พอใจก็รู้จักลงไม้ลงมือตั้งแต่ตอนนี้ แล้วโตมาจะขนาดไหน

คุณปู่เผยไม่สนใจเขา พลางอุ้มร่างเล็กๆ ของหลานขึ้นมา

“ทำไมวันนี้อาอี้ต้องไปชกต่อยกับคนอื่นล่ะ?”

“ผมอยากนั่งข้างเฝิงหนาน” ก่อนหน้านี้เขาร้องไห้ ใบหน้าเล็กลายไปหมด พอคุณปู่มา เขามีที่พึ่งแล้ว จึงไม่ได้โวยวายเหมือนเมื่อครู่นี้ “เขาไม่ยอมถอยให้ผม”

เขายังรู้สึกไม่ชอบใจ ตั้งแต่เล็กจนโต ในบ้านใครกล้าไม่ยอมเขาบ้าง อยากได้ลมก็ได้ลม อยากได้ฝนก็ได้ฝน คนอื่นไม่ยอมยกที่นั่งให้ แน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจ

“แต่หลานเคยคิดไหมว่า แม้ว่าหลานจะชนะ แต่พี่เฝิงหนานอาจจะไม่ชอบอาอี้ที่ลงไม้ลงมือแบบนั้นก็ได้”

ได้ยินคุณปู่เผยพูดแบบนี้ เขาก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา จึงหันมองเฝิงหนาน เฝิงหนานกำลังจะอ้าปากพูด คุณย่าเผยก็เหมือนเข้าใจจุดประสงค์ของสามีจึงกอดเฝิงหนานเอาไว้ ไม่ให้เธอพูด

เผยอี้ที่เมื่อครู่นี้ยังดูกระหยิ่มเป็นอย่างมาก ตอนนี้กลับเหมือนไก่ชนที่พ่ายแพ้ ก้มหน้าคอตกลงอย่างเศร้าสร้อย แม้กระทั่งหางคิ้วที่กระดกขึ้นเพราะชกต่อยชนะก็ตกลง ดูแล้วช่างน่าสงสารไม่น้อย

เผยจิ้นฮว๋ายแอบดีใจ แล้วคุณปู่เผยก็พูดต่อว่า “เพราะฉะนั้น คราวหน้าถ้าจะมีเรื่อง แค่ห้ามเรื่องต่อหน้าพี่เฝิงหนานก็พอแล้ว!”

“พ่อ...”

เผยจิ้นฮว๋ายเรียก แต่คุณปู่เผยไม่สนใจเขา

“เด็กบ้านเรา ถึงจะมีเรื่องแต่ก็ไม่เคยถูกใครต่อยหน้ามาก่อน เดี๋ยวต้องหาครูให้อาอี้ สอนทักษะให้เขาบ้างแล้ว”

เขายื่นมือไปจับหน้าของหลานชาย และถามเผยอี้ว่า

“หลังจากต่อยกับเพื่อน อาอี้ร้องไห้หรือเปล่า”

“ไม่!” เขาได้ใจมาก หันไปมองเฝิงหนาน “เฝิงหนานเป็นพยานให้ผมได้”

“ไม่ร้องจริง” เผยจิ้นฮว๋ายทนเห็นท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องทั้งที่ใบหน้ายังเขียวช้ำของลูกชายไม่ได้ จึงหักหน้าเขาเสียเลย

“แต่ตอนกลับบ้านกอดขาเฝิงหนานแล้วร้องว่าช่วยด้วย”

‘ลูกผู้ชาย’ คนหนึ่ง จะร้องขอให้ผู้หญิงช่วยได้ยังไง? หลังจากเผยอี้ถูกผู้ใหญ่สั่งสอน ก็เชื่อฟังคำพูดของคุณปู่เผยและให้พ่อพาไปหาคนสอนศิลปะการต่อสู้ เพราะอับอายที่ตัวเองถูกตีจนหน้าบวมช้ำต่อหน้าเฝิงหนานตั้งแต่ครั้งแรกที่มีเรื่องชกต่อย

เฝิงหนานค่อยๆ คุ้นชินกับชีวิตในหัวเซี่ย แม้คุณปู่ยังคงเข้มงวด แต่ในบ้านก็ไม่มีพ่อแม่ที่ทะเลาะกันไม่รู้จักจบจักสิ้น เธอได้เข้าโรงเรียนใหม่ รู้จักผู้คนมากขึ้น

เผยอี้เองก็ค่อยๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ เขาจะไปโรงเรียนกับเฝิงหนานให้ได้ แม้อายุของเขายังไม่ถึงห้าขวบ คุณนายเผยเองก็สงสารลูกชาย ตอนแรกจะให้เขาเข้าเรียนหลังจากนี้ปีสองปี แต่เขาไม่ยอมฟัง

วันแรกหลังจากปิดเทอมภาคฤดูร้อน คุณปู่เผยพาเขาไปที่บ้านตระกูลเฝิง เฝิงจงเหลียงก็เลยพาหลานสาวมารอหน้าบ้าน

ทันทีที่รถจอดนิ่ง เผยอี้ก็โดดลงไปอย่างรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว พอเห็นเฝิงหนานก็ไม่ได้พุ่งเข้าหาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กลับเร่งคุณปู่เผยที่อยู่ในรถแทน

“คุณปู่ๆ รีบลงมา”

เขาเร่งให้คนขับรถเปิดท้ายรถ ในนั้นมีกระเป๋าเดินทางรูปแบบต่างๆ หลากหลายสีสันหลายใบ มีรถบังคับ มีเครื่องบินและหุ่นยนต์ คนขับรถจะยกกระเป๋าเดินทางของเขาลง เขากระทืบเท้าและตะโกนด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาว่า

“ผมถือเองๆ”

เขาร้อนใจอยากให้เฝิงหนานเห็นผลลัพธ์จากการ ‘เรียนศิลปะการต่อสู้’ ของเขา เขาเรียนกับครูที่คุณพ่อเชิญมาที่บ้านหลายวันแล้ว ครูฝึกก็ชมว่าเขามีท่าทางสมเป็นลูกผู้ชาย

เขายกกระเป๋าเดินทางอย่างยากลำบากไปพลาง พลางเหลือบตามองเฝิงหนาน คุณปู่เผยส่ายหน้าอย่างจนใจ พูดกับเฝิงจงเหลียงอย่างรู้สึกผิดว่า รบกวนเขาด้วย

“เจ้าเด็กคนนี้ร้องจะมาอยู่บ้านนายให้ได้ บอกว่าจะไปเรียนกับอาหนาน” เขาย้ายของที่บ้านมาหมดแล้ว ทำท่าทางเหมือนจะไม่กลับไปอีกแล้วอย่างนั้น แม้กระทั่งผ้าปูที่นอนและหมอนก็ ‘สั่ง’ ให้แม่เก็บมาให้เขาด้วย

เฝิงจงเหลียงกลับรู้สึกขบขัน เฝิงหนานเป็นเด็กที่เคยถูกทำร้าย หลังจากถูกลักพาตัว เธอก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพราะการอบรมอันเข้มงวดทำให้สมัยก่อนเธอก็สงวนคำพูดและการกระทำมากแล้ว ตอนนี้ยิ่งว่านอนสอนง่ายมากขึ้นไปอีก

ที่ไม่อยากคุยกับใคร เพราะกลัวว่าถ้า ‘พูดมากไป’ จะหลุดพูดถึงเรื่องราวชีวิตของตัวเอง

ตอนอยู่ที่บ้าน อาจจะเป็นเพราะภาพจำอันเข้มงวดของเขาที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเธอ เธอจึงกลัวว่าถ้าหากตัวเอง ‘ดื้อ’ จะถูกคุณปู่เอาตัวไปส่งที่เดิม เพราะฉะนั้นระหว่างสองปู่หลานจึงน้อยมากที่จะพูดคุยกัน

ประสบการณ์การเลี้ยงเด็กของเฝิงจงเหลียงน้อยมาก โดยเฉพาะกับหลานสาวที่ว่านอนสอนง่าย ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะสื่อสารยังไง เขาอยากเห็นข้างกายของเฝิงหนานมีเด็กอย่างเผยอี้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน เขาดูออกว่า เฝิงหนานไม่ได้รังเกียจการเข้าใกล้ของเผยอี้

เธอเป็นเด็กดี แม้เคยถูกทำร้าย แต่ก็ยังรู้จักการให้

บางทีอาจจะเพราะเผยอี้อายุน้อยกว่าเธอหลายปี เธอจึงเห็นเขาเป็นน้องชาย ทำให้เธอยากที่จะปฏิเสธความกระตือรือร้นของเด็กไร้เดียงสาคนนี้

เธอมองใบหน้าขาวใสของเผยอี้ที่แดงก่ำเพราะขนของ จึงเข้าไปช่วย เด็กสองคนยกกระเป๋าเดินทางแต่ละใบลงมา เผยอี้ขนจนเหนื่อย จึงนั่งหอบอยู่บนกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในรถเอลิเซ่รุ่นคลาสสิกของตัวเอง

เขาใส่ชุดสูทที่สั่งตัดพิเศษ ผมถูกเซ็ทจนดูเรียบร้อย ดวงตาคู่นั้นกลับวิบวับสดใส เขาตบกระเป๋าแล้วพูดว่า

“เฝิงหนาน ฉันเอาของเล่นของฉันมาหมดแล้ว!”

เขาแบ่งปันเธออย่างภาคภูมิใจ ในนั้นมีปืนของเล่น มีรถถัง มีหุ่นยนต์และยังมีของเล่นประเภทต่างๆ เธอไม่ชอบเล่นของพวกนี้ แต่ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อให้เขา

“ฉันต้องเรียนเปียโน ต้องอ่านหนังสือ”

มือของเธอนุ่มมาก ตอนยิ้มก็น่ารักเป็นที่สุด ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็ไม่เหมือนของเขา มันหอมมากเป็นพิเศษ

พอเขาได้ยินว่าเธอเล่นเป็นเพื่อนตัวเองไม่ได้ก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย และรับรู้ได้ว่า ‘เกม’ ที่ตัวเองชื่นชม ไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบ เขาก็เริ่มลนลานขึ้นมา แต่แล้วก็ทำท่าทางเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ แอบมองเฝิงจงเหลียงและคุณปู่เผยที่คุยกันอยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบลูกอมออกมาจากเสื้อสูทตัวน้อย

บางเรื่องตระกูลเผยตามใจเขามาก แต่บางเรื่องก็เข้มงวดกับเขามากเช่นกัน ตอนอยู่ที่บ้านมักจะห้ามเขากินลูกอมเด็ดขาด ลูกอมเม็ดนี้เขา ‘แย่ง’ มาจากเพื่อนคนอื่น แอบซ่อนไว้หลายวันแล้ว ด้วยกลัวผู้ใหญ่เห็นจึงไม่กล้ากิน

ตอนนี้กลับอยากเอามาเอาใจสาวอย่างใจกว้าง เขาแกะลูกอมออกมาแล้วเขย่งเท้าป้อนเฝิงหนาน

“เฝิงหนาน กิน เธอกินสิ”

ปกติแล้วเธอไม่ค่อยชอบกินลูกอม แต่พอเห็นดวงตาอันสดใสของเด็กน้อยเฝ้ารอให้เธอกิน เธอก็อดทำร้ายจิตใจของเขาไม่ได้ จึงยอมกินลูกอมเข้าไป

ลูกอมเม็ดนั้นทิ้งเอาไว้สองวันแล้ว ถูกเขาซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง ตอนแกะออกมาเริ่มละลายแล้ว มือเขาจึงเหนียวไปทั้งมือ

เขาเลียนิ้วมือที่มีลูกอมติดอยู่ เห็น ‘ของรัก’ ที่ซ่อนมาสองวันถูกเอาออกไป แม้จะยินยอมแบ่งปันกับเฝิงหนานอย่างเต็มใจ แต่ก็ปวดใจไม่น้อย

“หวานไหม”

เขายิ่งเลียนิ้วก็ยิ่งอิจฉา เมื่อเห็นแก้มของเธอนูนขึ้นมาก็อดเลียมุมปากไม่ได้

เขาเคยบอกว่าตัวเองจะ ‘เลี้ยง’ เธอ ตอนนี้ได้ป้อนลูกอมเธอเม็ดหนึ่ง เขาก็พอใจในฐานะ ‘คนเลี้ยง’ แล้ว แต่เด็กก็มักจะตะกละตามสัญชาตญาณ เขาเห็นเฝิงหนานกินอย่างเอร็ดอร่อยก็น้ำลายไหลไม่หยุด

“หวาน”

เฝิงหนานพยักหน้า สุดท้ายเขาก็อดไม่ไหว “ฉันก็อยากลองชิม”

ลูกอมเม็ดนั้น เขา ‘แย่ง’ มาจากเฉิงหรูหนิง ลูกอมเม็ดนี้เป็นรสเมล่อน อร่อยมาก

“หืม?” เฝิงหนานรู้สึกลำบากใจไม่น้อย “แต่ว่า” เธออ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรทำยังไง “แต่ฉันกินไปแล้วนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันเลียนิดเดียว” เขาจับไหล่เฝิงหนานเอาไว้ จู๋ปากไปเลียริมฝีปากแดงเรื่อของเธอ เพื่อแบ่งปันลูกอมในปากเธอ

คุณปู่เผยที่กำลังคุยกับเฝิงจงเหลียงเห็นภาพนี้เข้าสีหน้าก็ดำคล้ำขึ้นมาในทันที

ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ แม้กระทั่งคนขับรถที่ขนสัมภาระอยู่ข้างๆ ก็ยังเบิกตาค้าง

เฝิงจงเหลียงทำหน้าไม่ถูก ความคิดที่เผยอี้อยากเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเฝิงเป็นครั้งแรกในชีวิตจึงจบลงแค่นั้น

เขาทำตัวเป็น ‘อันธพาล’ กับเฝิงหนาน จนเกือบถูกคุณปู่เผยที่ทั้งรักและหวงเขามาโดยตลอดตีก้น

เขาไม่กลัวโดนตี แต่พอได้ยินว่าไม่สามารถอยู่ที่บ้านตระกูลเฝิง ไม่สามารถนอนกับเฝิงหนานได้ก็ร้องไห้จนฟ้าแทบจะถล่ม

คุณนายเผยอุ้มเขาเอาไว้แล้วโอ๋ เขาน้ำตานองเต็มหน้า เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างสะอึกสะอื้น

“อาอี้ ลูกทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าผู้หญิงไม่อนุญาต ลูกจะจูบเธอได้ยังไงกัน? ถ้าลูกแบบนี้ อีกหน่อยพี่เฝิงหนานก็คงไม่สนใจลูกแล้ว”

เขายังเด็กและไร้เดียงสามาก ไม่รู้ว่าอะไรคือการ ‘จูบเธอ’ เขาเพียงแค่อยากชิมลูกอมเท่านั้นเอง

เขากลัวว่าเฝิงหนานจะไม่สนใจเขาอีกจริงๆ จึงตกใจจนกอดแม่เอาไว้แล้วร้องไห้โฮออกมา คุณนายเผยบอกเขาว่าต้องเคารพพี่สาว ห้ามทำเรื่อง ‘เสียมารยาท’ แบบนี้อีก

ในโลกของเด็กก็คิดเพียงว่า ดีใจก็หัวเราะ เสียใจก็ร้องไห้ ชอบก็เข้าใกล้ เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้องและทำให้เด็กน้อยอย่างเขามีความทุกข์ใจของลูกผู้ชายที่ ‘กลัวเฝิงหนานไม่สนใจ’ เป็นครั้งแรก

หลังจากนั้นตระกูลเผยจึงส่งของขวัญไปเพื่อขอโทษ โชคดีที่เฝิงหนานไม่ได้โกรธเขา ยังคงเล่นกับเขา ในขณะที่เผยอี้โล่งอกก็ทำให้เขายิ่งชอบเฝิงหนานมากขึ้น

เขาชอบเฝิงหนานมาก ต่อจากนี้เขาจะต้องเชื่อฟังตามคำสอนของแม่ ปกป้องเธอ ไม่ทำให้เธอโกรธอีก

เขาเติบโตขึ้นมาตามรอยเท้าของเฝิงหนาน เข้าโรงเรียนที่เธอเรียน แม้ว่าตอนเขาเรียน เธอจะจบประถมไปแล้ว เขากลับยังยืนยันที่จะเรียนห้องที่เฝิงหนานเคยเรียน นั่งที่ของเธอ ให้ครูที่เคยสอนเธอมาสอน เดินบนทางที่เธอเคยเดิน อ่านหนังสือที่เธอเคยอ่าน

ตอนเธอขึ้นมัธยมต้นเขาขึ้นประถม ตอนเธอขึ้นมัธยมปลายเขาก็ขึ้นมัธยมต้นแล้ว

เขาอยู่ข้างหลังเธอมาโดยตลอด วิ่งไล่ตามเงาของเธอ เฝ้ามองเธอตั้งแต่เป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย จนโตเป็นสาว เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอเป็นอย่างดี ทั้งสีที่เธอชอบ อาหารที่เธอชอบกิน หนังสือที่เธอชอบอ่าน ทุกอิริยาบถเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ เขาก็รู้ดี ตอนเหม่อลอยเธอชอบบิดฝาขวดน้ำ ตอนไม่ชอบใจจะขมวดคิ้ว รอยยิ้มตอนมีความสุขก็มักจะสำรวมอยู่เสมอ ตอนอยากอยู่เงียบๆ มักจะไปหลบอยู่มุมนึ่งพร้อมชาแก้วหนึ่งและหนังสืออีกเล่ม แค่นี้ก็สามารถอยู่ได้เป็นครึ่งวันแล้ว

เขาจำน้ำหนักส่วนสูงของเธอได้ ผ่านการปวดท้องประจำเดือนอันแสนสาหัสไปพร้อมกับเธอ รู้ว่าตอนเป็นหวัด เธอไม่ชอบกินยาขมๆ

ตอนที่เฝิงหนานเรียนไฮสคูลเกรดสิบสองนั้น เขาไปหาเธอที่ก้งจี้ไฮสคูล เธออยู่ห้องไหน นั่งโต๊ะไหน เฝิงจงเหลียงก็ยังไม่แน่ใจเลย แต่เขากลับจำได้แม่น

ตอนที่เผยอี้มา เฝิงหนานไม่อยู่ในห้อง เพื่อนของเฝิงหนานคุ้นเคยกับ ‘เขา’ เป็นอย่างดี รู้ว่าเขาเป็น ‘น้องชาย’ ของเฝิงหนาน ทางโรงเรียนก็เหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นใคร จึงให้การต้อนรับมากเป็นพิเศษ

เขาเข้าไปในห้องของเฝิงหนาน นั่งโต๊ะของเฝิงหนาน มีคนอยากทักทายเขา เขาก็ไม่ค่อยสนใจมากนัก เขาลูบโต๊ะ ในใจพลางเดาว่าเฝิงหนานไปไหน

เธอชอบห้องสมุดหลังโรงเรียนมากที่สุด เธอกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงมักจะไปอ่านหนังสือที่นั่น บางทีก็ไปนานเป็นครึ่งวัน

เขาลุกขึ้นเตรียมจะไปหาเฝิงหนาน แต่บังเอิญชนโต๊ะเข้า จึงทำให้จดหมายฉบับหนึ่งตกลงมาจากลิ้นชักโต๊ะ ด้านบนจดหมายเต็มไปด้วยรูปหัวใจที่เขียนด้วยปากกาสีแดง

เผยอี้ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาเหมือนตอนสามสี่ขวบแล้ว เขารู้ว่าแอบอ่านจดหมายของคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่พอเขาเห็นจดหมายฉบับนี้กลับทั้งแปลกใจและไม่ชอบใจมาก ในที่สุดก็ทนไม่ไหว แอบแกะจดหมายออกมาอ่าน

นั่นเป็นจดหมายรักที่มีคนเขียนให้เฝิงหนาน ชมว่าเธอสวย อ่อนโยน ชมว่าเธอเรียนเก่ง บอกว่าชื่นชมเธอมาก อยากหาโอกาสเป็น ‘เพื่อน’ กับเธอ!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหึงหวง ท่ามกลางความโกรธเกลียด เขาจึงค้นโต๊ะของเฝิงหนานและเจอจดหมายรักอยู่หลายฉบับ

เขาเหมือนโดนฟ้าผ่า ในใจเกิดความรู้สึกเหมือน ‘ต้นกล้าที่ตัวเองเฝ้าปกป้องมาจนโต’ กำลังจะถูกคนอื่นแย่งไป ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเอาแต่ตื๊อเฝิงหนานไม่ยอมปล่อย ก็เพราะว่าเขาชอบเธอ ไม่เคยคิดเรื่องอื่น ยิ่งไม่เคยคิดว่าจะมีคนกล้าแย่งเธอไป