webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

ตอนพิเศษ 1-1 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์

ตอนพิเศษ 1-1 เพื่อนเล่นในวัยเยาว์

ตอนที่เฝิงหนานคลอดนั้น เฝิงจงเหลียงเพิ่งจะมีเสียงชื่อในฮ่องกง ตอนนั้นธุรกิจกำลังพัฒนาไปได้ด้วยดีทีเดียว เธอยังมีพี่ชายอีกคน หลังจากที่แม่ทำหน้าที่มารดาในการให้กำเนิดบุตรชายและได้รับการตกรางวัลจากเหล่าผู้อาวุโสแล้ว เมื่อถึงคราวของลูกสาวคนนี้ จึงไม่ได้ดีใจอะไรมากนัก

เธอเกิดในตระกูลเฝิง ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่ได้ฟังบ่อยที่สุดคือเสียงพร่ำบ่นอบรมอย่างเข้มงวดจากพ่อแม่ การเรียนที่จัดตารางจนแน่นในทุกๆ วัน

น้อยมากที่เธอจะเจอญาติพี่น้อง พ่อแม่ ตอนนั้นเฝิงจงเหลียงเองก็ยุ่งอยู่กับงาน ออกเช้ากลับดึก แม้กระทั่งลูกชายยังไม่มีเวลมาดูแล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาให้หลานสาวเห็นหน้าเลย

สำหรับคุณปู่ ภาพที่เฝิงหนานจำได้แม่นที่สุดคือความเข้มงวด เธอแอบกลัวคุณปู่ที่แม้แต่พ่อแม่ก็ยังเกรงกลัวคนนี้มาก ทุกครั้งที่เห็นเขาก็ไม่ต่างจากลูกพี่ลูกน้องทั้งหลายที่ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจดัง ต้องทำท่าทางสงบเสงี่ยม

สำหรับคุณปู่ เธอก็เป็นเพียงแค่หลานสาวธรรมดาๆ คนหนึ่ง เฝิงจงเหลียงเป็นคนเคร่งครัดในธรรมเนียมของหัวเซี่ย ชอบครอบครัวที่มีความมั่งคั่ง มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง

เขามีลูกชายสี่คนลูกสาวอีกหนึ่งคน ผลของการมีลูกชายเยอะนั้นทำให้นอกจากธุรกิจครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วแล้วก็ยังทำให้มีหลานเยอะอีกด้วย

จนถึงรุ่นของเฝิงหนาน หลานชายและหลานสาวของเฝิงจงเหลียง อาจพูดได้ว่านิ้วมือสองข้างยังไม่พอนับ เฝิงหนานเป็นเพียงสาวที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง ไม่มีใครให้ความสนใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะการลักพาตัวในครั้งนั้น สำหรับเฝิงจงเหลียงแล้ว เฝิงหนานก็เป็นเพียงลูกสาวของลูกชายคนโตที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่งเท่านั้น

บางทีแม้เฝิงหนานโตขึ้นและแต่งงานออกไปก็ไม่แน่ว่าเขาจะจำได้ว่านิสัยของเฝิงหนานเป็นอย่างไร

เฝิงหนานเป็นเด็กที่เชื่อฟังคำสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ช่วงที่เธอเกิด ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ของเธอก็เปราะบางมากแล้ว เฝิงชินหลุนในฐานะลูกชายคนโตของเฝิงจงเหลียง แม้จะสืบสายเลือดมาจากเฝิงจงเหลียง แต่กลับไม่ได้รับการสืบทอดนิสัยและการปฏิบัติตัวของเฝิงจงเหลียงมาด้วยเลย เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านธุรกิจแบบพ่อและพ่อเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขาด้วยเช่นกัน

แต่เขาเป็นคนวาสนาดี แม้จะไม่มีความสามารถอะไรเลย แต่พ่อของเขาก็ได้หาเงินไว้มากมายเสียจนเพียงพอให้เขาได้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไปได้อีกหลายชาติ

ในขณะที่เฝิงจงเหลียงยุ่งอยู่กับงาน เขากลับลุ่มหลงอยู่กับมวลหมู่ดอกไม้

การที่เด็กจะได้พบพ่อนั้นเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ แต่ที่ๆ เฝิงหนานเจอพ่อบ่อยที่สุด คือบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของฮ่องกง นานๆ เขาจะกลับบ้านทีหหนึ่งและมักจะดื่มจนเมามาก แถมบนร่างกายยังมีกลิ่นน้ำหอมนานาชนิดติดกายมาด้วย

ช่วงสองสามปีตอนที่เธอเกิด เฝิงชินหลุนกับหวางจือชิวสนิทสนมกันมาก แม่ของเธอไม่สนใจว่าสามีจะมีชู้ แต่ก็ไม่ยอมให้มีผู้หญิงเข้ามากระทบต่อฐานะของตนเอง

เพราะฉะนั้น ตอนนั้นผู้หญิงสองคนนี้จึงทะเลาะตบตีกันรุนแรงมาก เฝิงชินหลุนลุ่มหลงเหล่าหญิงสาว เฝิงจงเหลียงยุ่งอยู่กับงาน ลูกชายคนอื่นในบ้านก็รู้จักแต่จะประจบประแจงแย่งชิงความรัก เพราะกลัวว่าธุรกิจนี้ของบิดาจะถูกพี่ใหญ่ยึดครองไปจนหมด

คนที่อยู่กับเฝิงหนานมากที่สุด ก็คือลูกน้องและคนรับใช้ เพราะแบบนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้าย ทำให้เธอตกไปอยู่ในมือของพวกคนร้ายลักพาตัว

ตามแผนของพ่อแม่ เธอต้องเรียนเปียโน เต้น วาดรูป ภาษาต่างประเทศ ย้ายไปมาจากโรงเรียนนั้นไปโรงเรียนนี้อย่างไม่จบสิ้น กับเพื่อนที่มีฐานะทางสังคมเดียวกัน ต่างก็มีกลุ่มเป็นของตนเองตั้งนานแล้ว เผื่อในอนาคตมีเรื่องอะไรจะได้สามารถช่วยกันได้

ไม่มีวันไหนเลยที่เธอได้ผ่อนคลาย ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ กำลังอ้อนพ่อแม่ กำลังร้องไห้ เธอกลับไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอะไรทั้งนั้น พ่อแม่พูดเสมอว่า ถ้าไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตาม ไม่เก่งก็จะไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ คำชื่นชมจากคุณปู่และคำชมเชยจากคุณแม่

ในขณะที่ทุกคนนอนตื่นสาย เวลาเดียวกันนั้นเธอเริ่มทบทวนบทเรียนแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังไปเที่ยวสวนสนุกกับคุณพ่อคุณแม่ บางทีเธออาจจะกำลังผูกมิตรกับเพื่อนที่มีฐานะสังคมเดียวกัน

หลังจากเรียนอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ มีพ่อแม่คอยกินข้าวเย็นเป็นเพื่อน กำลังดูโทรศัพท์หรือเล่นซน บางทีเธออาจจะกำลังรับประทานอาหารตามมารยาทบนโต๊ะอาหารภายใต้การดูแลของครูสอนพิเศษและแม่บ้าน แล้วเรียนเปียโนและอ่านหนังสือต่อ

ชีวิตประจำวันซ้ำซากแบบนี้ทุกวัน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ตอนที่เธอถูกลักพาตัว ความจริงเธอก็แอบดีใจอยู่บ้าง เพราะคืนนั้นเธอต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นงานหนึ่ง

นั่นเป็นงานวันเกิดของเด็กหญิงที่อายุอานามไล่เลี่ยกับเธอ เพราะตระกูลของเด็กคนนั้นทำธุรกิจร่วมกับตระกูลเฝิงมานาน หลายวันก่อนหน้านั้น เธอจึงต้องเลือกของขวัญอย่างตั้งใจโดยมีคุณครูไปเป็นเพื่อน คุณครูยังเตรียมคำอวยพรที่เหมาะสมและให้เธอท่องเป็นภาษาอังกฤษเพื่อไปพูดด้วย

บทอวยพรวันเกิดบทนั้นเธอท่องมาสองวันแล้วยังไม่คล่องเท่าไหร่ กำลังกังวลอยู่เลยว่าถึงเวลาจริงจะท่องไม่ได้ กลับบ้านมาอาจจะโดนพ่อแม่ต่อว่าอย่างรุนแรง

เฝิงหนานตัวน้อยเครียดกับปัญหานี้มาสองวันแล้ว ตอนกลางวันก็ไม่มีกะจิตกะใจเรียน เป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา

ตอนที่ถูกคนร้ายพาขึ้นรถ เธอยังโล่งอก ในใจรู้สึกเหมือนกำลังหนีเรียนอย่างนั้น

แต่นี่ไม่ใช่การหนีเรียน

เธอถูกพาไปอยู่ในบ้านร้างหลังเล็ก ถูกดึงเล็บออกมาสามเล็บ แล้วส่งไปที่บ้านตระกูลเฝิง

ตอนนั้นเธอจึงรู้ว่า ในโลกนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะยิ้มให้เธอ เคารพเธอและเอาใจเธอ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่า มีบางที่ ที่ไม่ว่าอย่างไรแสงอาทิตย์ก็ไม่สามารถสาดส่องแสงสว่างเข้าไปได้ มีความมืดมนบางอย่าง ที่แม้จะเปิดไฟ แต่ก็ยังคงมืดมนอยู่ดี

ตอนนั้นเธอจึงค่อยเข้าใจ ว่าสิบนิ้วเชื่อมใจนั้นเป็นความเจ็บปวดแบบไหน เธอตัวสั่นระริก ขดตัวเป็นก้อนอยู่ในมุมหนึ่ง

เธอรอนานแล้ว รอพ่อแม่มาช่วยเธอ ในโทรทัศน์ทุกครั้งที่เด็กเจอสัตว์ประหลาด จะต้องมีฮีโร่มาช่วย แต่เธอรอมานานมากแล้วจนได้ยินคนร้ายคุยกันว่า “พี่เจียง ตระกูลเฝิงไม่เอาเด็กคนนี้แล้วหรือเปล่า?”

“วิสาหกิจจงหนานมีลูกหลานเยอะมากเกิน...”

“ตระกูลเฝิงอาจจะคิดว่าเด็กคนนี้ไม่คุ้มค่ากับเงินมากมายขนาดนี้ก็ได้นะ หรือจะลดค่าไถ่ลงหน่อย...”

“ตระกูลเฝิงยังไม่ติดต่อมาหาเราเลย...”

“ลูกพี่ ถ้าตระกูลเฝิงไม่เอาเด็กคนนี้แล้วก็ต้องรีบจัดการนะ จะได้ไม่เหลือหลักฐานเอาไว้ให้ตำรวจสืบมาเจอ”

จากที่เต็มไปด้วยความหวังเธอก็เริ่มหมดหวัง นิ้วมือมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด มันเจ็บจนเหมือนด้านชาไปแล้ว การทอดทิ้งของพ่อแม่ เป็นการสร้างบาดแผลให้เธอมากกว่าเดิม

เธอไม่ได้กินข้าวมาสองสามวันและไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ ไม่รู้ว่านั่งขดตัวมานานเท่าไหร่แล้ว เธอพยายามงอตัวให้มากที่สุด แค่เคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ยังกลัวไปหมดว่าถ้าคนร้ายเห็นเข้า ก็จะต้องเจอกับสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

ตอนที่คุณปู่มาเจอตัวเธอนั้น เธอหลบอยู่ในมุมห้อง แม้จะยังมีลมหายใจ แต่ก็เหมือนจะสติหลุดไปแล้ว

ไม่ร้องไห้ ไม่ขยับตัว เสียงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เธอหลับตาแน่นกว่าเดิม ตอนที่มีคนมาแตะตัวเธอ เธอไม่กล้าแม้กระทั่งจะส่งเสียงกรีดร้อง

แสงอาทิตย์เจิดจ้าแสบตามาก ในขณะที่เธออยู่ในอ้อมกอดของคุณปู่

ตอนที่หมอตรวจร่างกายเธอ ตอนที่เข็มทิ่มเข้าเส้นเลือด เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย

รอบข้างมีคนมากมาย เงาของทุกคนไหววูบไปมาอยู่ตรงหน้าเธอ คนแปลกหน้าเหล่านี้ทำให้เธอกลัว เธอไม่กล้าพูด ไม่ยอมดื่มน้ำ จนเมื่อลงมาจากเขา คุณปู่ก็ซื้อขนมถางปู้ส่วยมายื่นตรงหน้าเธอ

“อาหนาน ลูกอม ของหวาน กินอะไรหน่อยนะ ปู่มาแล้ว ปู่มาปกป้องอาหนานของปู่แล้ว หลานรักของปู่ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

เขาปลอบโยนอย่างเงอะงะอยู่นาน ในที่สุดเสียงนั้นก็ดังเข้าหูของเธอ สายตาของเธอเริ่มกลับมามีประกายอีกครั้ง อ้าปากอย่างสั่นๆ นั่นเป็นขนมที่หวานที่สุด หวานที่สุดในชีวิตเท่าที่เธอเคยกินมาเลย

ในห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาล พ่อแม่กำลังโยนความผิดให้กัน

“วันๆ เธอก็เอาแต่เล่นไพ่ ไปงานสังคม ช้อปปิ้งซื้อรองเท้ากระเป๋า ลูกสาวถูกลักพาตัว เครื่องประดับเพชรพลอยก็ไม่ยอมขายเอาเงินมาประกันตัวลูกเลยแม้แต่อย่างเดียว”

“เงินของคุณก็เอาไปเลี้ยงหวางจือชิวไม่ใช่รึไง ถ้าฉันขายเครื่องประดับ เพื่อนๆ ฉันมองฉันยังไงหา คงจะคิดว่าตระกูลเฝิงกำลังจะล้มละลาย คิดว่าคุณไม่มีความสามารถ ต้องพึ่งเงินจากการขายเครื่องประดับของผู้หญิงกิน”

เธอหลบอยู่ในผ้าห่มตัวสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา แต่กลับไม่สามารถปิดกั้นเสียงของพ่อแม่ได้ พวกเขาด่าว่าเธอไม่รู้จักแยะแยะ ต้องเป็นเพราะเธอบอกที่อยู่กับคนนอกแน่ จึงเกิดการลักพาตัวในครั้งนี้ขึ้น ไม่อย่างนั้น เด็กในบ้านตระกูลเฝิงมากมายขนาดนั้น คนอื่นไม่เป็นอะไรเลย ทำไมถึงเกิดเรื่องกับเธอได้?