webnovel

1255 วันเกิด

ตอนที่ 1255 วันเกิด

กู่ฉิงซานถูกดึงกลับก่อนนั่งลงตรงหน้าเตียง

เขาจ้องหน้าต่างระบบเทพสงครามขณะใช้ “สกิลเทพสงคราม” เพื่อใช้งานหมัดลึกลับหกวิถี: ไม่สมบูรณ์

คาดไม่ถึง ข้อความแจ้งเตือนใหม่ปรากฏขึ้นข้อความแล้วข้อความเล่าทันที

“ท่านเชี่ยวชาญหมัดลึกลับนี้แล้ว”

“โปรดเลือกตำแหน่งของเทพที่ท่านอยากผสาน”

หลังจากกู่ฉิงซานชำเลืองมองมัน หัวใจของเขาตกตะลึง

หน้าต่างระบบเทพสงครามบอกว่าชุดหมัดลึกลับนี้ต้องถูกใช้โดยเทพของโลกทั้งหก

ตำแหน่งเทพต่างกัน วิชาหมัดก็แตกต่างกันออกไป

ช่างวิเศษนัก!

กู่ฉิงซานลังเลสักพัก แต่ไม่ได้ผสานเข้ากับตัวตนราชาภูตผียมโลก

หลายคนรู้ว่าเขาคือราชาภูตผียมโลก

หากวิชาหมัดตรงกับตำแหน่งเทพ เกรงว่าคนจะมองออกในอนาคต

ถึงแม้ความเป็นไปได้นี้จะน้อยนิด แต่ปลอดภัยไว้ก่อนนับว่าดี

ความคิดของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไปขณะนึกถึงตำแหน่งเทพอื่น

การเป็นเจ้าของเทวภัณฑ์ยมโลกทำให้เป็นเทพแห่งยมโลก นอกจากตำแหน่งราชาภูตผียมโลกแล้ว เขายังมีตำแหน่งเทพอีกองค์อยู่ด้วย:

เทพขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ

นี่คือความลับ

นอกจากคนรอบข้างแล้วก็ไม่มีใครรู้จุดกำเนิดของฉานนู่

หรือก็คือ

“ข้าคือเทพขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ” กู่ฉิงซานกล่าวในใจอย่างแผ่วเบา

ทันใดนั้น โลกทั้งใบทอดทิ้งเขาไป

เขาพบว่าตัวเองอยู่ในดินแดนที่ไร้ผู้คน

ไม่มีอะไรรอบข้าง มีเพียงดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น

กู่ฉิงซานยืนอยู่กับที่

ดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพพุ่งออกมาก่อนตรงมาที่มือของเขา เขาจับมันไว้มั่น

คล้ายกับมีคำพูดนับพันระหว่างสวรรค์และปฐพีกระซิบอยู่ข้างหูของเขา

จากนั้นกู่ฉิงซานเข้าใจ

เคยมีบางสิ่งอาศัยอยู่ที่นี่

สถานที่ที่วิชาหมัดลึกลับหกวิถีตื่นขึ้นอยู่ในมิตินี้

แต่ว่า ที่นี่มันคือที่ไหนล่ะ

กู่ฉิงซานยังคงไม่ขยับ

เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าใจบางสิ่ง

แต่ทันทีที่คิดอย่างจริงจัง เขาก็ไม่สามารถจดจำอะไรได้

นี่มันบ้าอะไรกัน

กู่ฉิงซานรู้สึกว่าความรู้สึกนี้ชวนให้อึดอัดเช่นกัน

วินาทีต่อมา

เขาพลันออกจากโลกใบนั้น

เขากลับมา ยังนั่งอยู่บนขอบเตียง เขากำลังฟังคำพูดโน้มน้าวของหลี่ชิวอวี่และจ้าวเฉียงด้วยความสับสน

เวลาคล้ายกับผ่านไปเพียงชั่วพริบตา

ทันใดนั้น ความลึกลับของความรู้และความเข้าใจถูกสำรวจในจิตใจ ก่อเกิดเป็นวิชาหมัด เหมือนกับพลังที่เขามีมาแต่กำเนิด

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้น

“ท่านเชี่ยวชาญวิชาหมัดลึกลับ: หมัดแห่งขุนเขาปู้โจว”

“วิชาหมัดลึกลับนี้ถูกแบ่งออกเป็นสี่สาย ประกอบด้วย: หุ่นเชิดขุนเขา ไม่ให้อภัย หมื่นเงาและภัยพิบัติว่างเปล่า”

ตอนนี้ สองสาวยังอยู่ด้านข้าง เขาไม่มีเวลาดูให้ละเอียด ดังนั้นจึงทำได้เพียงตรวจสอบรายละเอียดของวิชาหมัดสี่สายคร่าวๆ

มันช่างน่าสนใจมากที่วิชาหมัดสี่สายนี้สะท้อนพลังเหนือธรรมชาติทั้งสี่ของดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ: ผู้พิทักษ์ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ ทำลายกฎเกณฑ์ ชะตาชีวิตและอมตะ ร่วมกัน

ขณะกำลังดูสิ่งนี้ แถวตัวอักษรขนาดเล็กวูบไหวบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอีกครั้ง

“ท่านเชี่ยวชาญวิชาหมัดลึกลับทั้งหก: ไม่สมบูรณ์ แล้ว”

“นอกจากนี้ ท่านสังหารหัวหน้านักบุญแห่งหกวิถีสงครามจนเข้าใจมรดกของมันอย่างถี่ถ้วน”

“ท่านคือหนึ่งในจ้าวหกวิถีสงครามผู้เข้าร่วมหกวิถีของยุคใหม่”

“วิชายุทธ์ที่ท่านสืบทอดคือเครื่องพิสูจน์ตำแหน่งของท่านในสงคราม”

กู่ฉิงซานตกตะลึงเล็กน้อ

นักบุญคนใหม่หรือ

แบบนี้ เขาก็เข้าไปแทนที่ร่างงูหัวมนุษย์จนได้รับตัวตนมาน่ะสิ

เดิมหัวหน้านักบุญแห่งสงครามวางแผนจะยึดร่างใหม่ด้วยหวังจะหนีจากวันสิ้นโลกในสุสาน

ในประวัติศาสตร์ เกรงว่าการทำแบบนั้นไม่เคยมีคำว่าล้มเหลวมาก่อน

ยังไงเสีย สำหรับตัวตนในสุสานเหล่านี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ในถ้ำหมื่นอสูรไม่ต่างอะไรจากมดปลวก

ใครจะคิดล่ะว่ามันจะถูกสังหารโดยเจ้าของร่างแทนที่จะยึดครองตัวตนได้ในท้ายที่สุด

ความคิดของกู่ฉิงซานกำลังเอ่อล้น กลยุทธ์นับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวไปมาในใจ

ตอนนี้ หลี่ชิวอวี่แตะศีรษะของเขาแล้วปลอบว่า “อย่ากลัวไปเลย จ้าวสำนักอาจจะกลับมาในไม่ช้า”

จ้าวเฉียงกระซิบเช่นกันว่า “ซานหลาง พักผ่อนเยอะๆ เจ้าอยู่กับพี่ใหญ่และข้าแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว”

กู่ฉิงซานฟัง

เขาเงียบอยู่หลายอึดใจ จากนั้นพลันหัวเราะออกมา

“พี่จ้าว ข้าเห็นว่าชิ้นส่วนกระดูกของท่านเขียนไว้ว่าเมื่อคนที่ใช้พลังจิตอยู่ในสภาพตื่นขึ้น มันจะมีสัญญาณพิเศษเกิดขึ้นใช่หรือเปล่า”

เขากำลังสนทนากับจ้าวเฉียงขณะกำหมัดหลวมๆ

แสงเลือนรางแผ่ออกมาจากตัวเขา ทั่วห้องสว่างไสวท่ามกลางสายลม

จ้าวเฉียงและหลี่ชิวอวี่ตกตะลึง

จ้าวเฉียงกล่าวอย่างเหม่อลอยว่า “ไม่… เป็นไปไม่ได้ ความเร็วการใช้พลังจิตของเจ้ามากเกินไป เหมือนกับ…”

นางไม่ได้พูดส่วนที่เหลือด้วยเกรงว่ามันจะเป็นความฝัน

“เหมือนกับชายแข็งแกร่งไร้ใครเทียบ”

หลี่ชิวอวี่เสริม

นางมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “นี่คือพลังของจุดกำเนิดทั้งหก ข้าสามารถสัมผัสมันได้”

จ้าวเฉียงกล่าวว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าหลังจากไปถึงระดับการสาดส่องก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมา ระลึกถึงชาติที่แล้ว รวมถึงปลุกปัญญาโดยกำเนิดขึ้นมาได้ หลี่ซานหลาง เจ้า”

ครั้งนี้เป็นกู่ฉิงซานที่ตกตะลึง

ช่างเป็นคำโกหกที่ใหญ่โตอะไรอย่างนี้

คำพุดดังกล่าวปกปิดการเปลี่ยนทั้งบุคลิกภาพและพฤติกรรมของคนเหล่านั้น

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมไม่มีใครสงสัยเรื่องนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ทันใดนั้น ทั่วเมืองสั่นสะเทือน

โฮก!!

เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้าดังมาจากสุดขอบโลก

“ไม่นะ วันสิ้นโลกเริ่มขึ้นแล้ว!” จ้าวเฉียงกล่าว

หลี่ชิวอวี่นึกถึงพี่ใหญ่ขึ้นมาก่อนรีบออกไปข้างนอก จากนั้นกล่าวว่า “ซานหลาง เจ้าซ่อนตัวที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูเอง อีกเดี๋ยวจะกลับมาปกป้องเจ้า ”

นางถูกใครบางคนคว้าเอาไว้

เมื่อมองกลับไป เป็นหลี่ซานหลาง

“อะไรหรือ” หลี่ชิวอวี่ถาม

“ในบรรดาคนของสำนัก คนที่มีระดับพลังจิตสูงสุดน่าจะเป็นข้านะ” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาเดินผ่านหลี่ชิวอวี่ ร่างของเขาตั้งตรงขึ้นก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

กำแพงเมือง

บนกำแพงเมือง ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์หลี่ชุนเตาและนักดาบนิรันดร์หวังชุ่นยืนนิ่งไม่ขยับขณะจ้องมองไปยังสุดขอบฟ้า

ทั้งสองถูกห้อมล้อมโดยผู้เชี่ยวชาญกระดูกเจ็ดถึงแปดคนขณะใช้ชิ้นส่วนกระดูกจำนวนมากเพื่อรักษาบาดแผลของพวกเขา

ดาบของกู่ฉิงซานแม่นยำมาก บาดแผลที่พวกเขารับไปทำให้ต้องใช้เวลาพักฟื้นสักพักจึงจะหายดี

การรักษาชั่วคราวนี้ไม่สามารถหายสนิทได้ในทันที

แน่นอนว่าถ้าหากคนอย่างซานไห่ชีเสียลงมือ พวกเขาอาจจะสามารถหายดีเป็นปลิดทิ้งอย่างรวดเร็ว

แต่พวกนางไม่ได้อยู่ที่นี่

โฮก!!!

ที่สุดขอบฟ้า เสียงคำรามแสบแก้วหูดังขึ้นอีกครั้ง

ร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคนอย่างช้าๆ

ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่จนสามารถบดบังท้องนภาได้ ทุกครั้งที่มันเคลื่อนลงมา มันก้าวข้ามขุนเขาและแม่น้ำเพื่อเข้าใกล้สำนักซานไห่ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

มันเข้ามาใกล้

เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

หากมองใกล้ๆ จะมองเห็นว่านี่คือสัตว์ประหลาดคล้ายมนุษย์ที่มีโซ่และชุดเกราะแตกหัก

ชุดเกราะและโซ่เหล่านั้นล้วนสร้างจากวิญญาณของสิ่งมีชีวิต

เขาไม่รู้ว่ามันใช้วิชาอะไรถึงทำให้วิญญาณทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นชุดเกราะสมบูรณ์ที่เปล่งเสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดหลายร้อยล้านเสียงขึ้นมาได้

เมื่อสัตว์ประหลาดตัวนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรก มันจับต้องไม่ได้และไร้ตัวตน

สิ่งมีชีวิตถูกมันสังหาร วิญญาณไม่ถูกปลดปล่อย มีแต่จะกลายเป็นอาวุธกับชุดเกราะของมันเพื่อช่วยให้เติบโตจนแข็งแกร่งขึ้น ท้ายที่สุดก็จะทำให้โลกถูกทำลาย

“น่าเสียดาย พลังของคนส่วนใหญ่ไม่ถึงมาตรฐาน จึงไม่สามารถทำอันตรายใดๆ กับมันได้ มีเพียงแค่ข้ากับเจ้าที่สร้างผลกระทบได้ คนอื่นไม่สามารถทำได้” หลี่ชุนเตาถอนหายใจ

หวังชุ่นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วไม่กล่าวอะไร

หลี่ชุนเตาชำเลืองมองเขา

หวังชุ่นยังคงสั่นสะท้าน เขาหาทางรักษาสมดุลด้วยดาบยาว

“นี่ เจ้าไปไหวหรือเปล่า” หลี่ชุนเตาถามด้วยความสงสัย

หวังชุ่นตอบด้วยสีหน้าสงบขณะถือดาบเอาไว้ว่า “พูดเป็นเล่นน่า คงจะดีที่สามารถยืนหยัดอยู่ที่นี่ในสภาพที่มั่นคงได้ แล้วเจ้าล่ะ”

หลี่ชุนเตากล่าวว่า “ข้าหรือ ยังไงเสีย พละกำลังก็แข็งแกร่งกว่าเจ้า ข้าสามารถยืนหยัดและก้าวเดินด้วยตัวเองได้สองสามก้าวนั่นแหละ”

หวังชุ่นเงียบสักพักก่อนชื่นชมออกมา “แก่กว่าข้าแค่ไม่กี่ปี แต่ก็ถือว่าแตกต่างอยู่ดีล่ะนะ”

ปฐพีสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

สัตว์ประหลาดกำลังใกล้เข้ามา

เสียงคำรามของมันชัดเจนมาก

ที่จริง วิญญาณนับไม่ถ้วนกำลังกรีดร้องพร้อมกัน

หวังชุ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะแยกเท้าออกจากกันเพื่อประคองร่างให้มั่นคง

เขากวัดแกว่งดาบแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ชุนเตา เจ้าลุยก่อนเลย”

ดาบยาวสิบเล่มปรากฏขึ้นข้างหลี่ชุนเตา

หลี่ชุนเตาขยับมือแล้วถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ”

“ข้าจะเตรียมการสักครู่ ถ้าไม่ได้ผล ข้าจะยกชีวิตเพื่อรับดาบให้” หวังชุ่นกล่าว

หลี่ชุนเตายักคิ้ว มือจับดาบยาวไว้มั่น ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา “พูดเป็นเล่นน่า ลุงคนนี้อยู่ที่นี่แล้ว เจ้ายังต้องยกชีวิตอีกหรือ”

ทั้งสองคนครุ่นคิด

พวกเขามองหน้ากันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ผู้เชี่ยวชาญกระดูกรอบข้างทั้งสองหันศีรษะไปมองท้องนภาพร้อมกัน

พวกเขาเห็นกลุ่มแสงสีเหลืองหมองหม่นลอยอยู่บนท้องนภา

ด้านหลังแสงสว่างนั่นคือหลี่ชิวอวี่และจ้าวเฉียง รวมถึงทหารอีกนับไม่ถ้วน

“ข้าตาฝาดไปใช่ไหม” หวังชุ่นถามด้วยความสงสัย

“ไม่ ตาเจ้าไม่ได้ฝาดหรอก หรือว่าข้ากำลังฝันอยู่กันนะ” หลี่ชุนเตากล่าว

แสงหมองหม่นเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคน

“หลี่ซานหลาง เจ้ามา…”

หวังชุ่นได้ยินเสียงของตัวเอง

เขาไม่สามารถถามอะไรได้อีก

พลังของจุดกำเนิดทั้งหกกลายเป็นแสงสีเหลืองหมองหม่นขณะวนรอบร่างบางของหลี่ซานหลาง

“พี่หวัง ท่านติดถุงมือข้าอยู่นะ” หลี่ซานหลางกล่าวขณะยิ้มออกมา

โดยไม่กล่าวอะไร หวังชุ่นหยิบถุงมือหนังสัตว์สีแดงร้อนแรงออกมาก่อนยื่นให้เด็กหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ถุงมือเพลิง เป็นสมบัติ ข้าว่าจะให้ถึงวันเกิดเจ้าก่อนแล้วค่อยให้” หวังชุ่นกล่าว

หลี่ซานหลางรับถุงมือมาสวมไว้ในมือแล้วถามว่า “ท่านรู้วันเกิดข้าด้วยหรือ”

…ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดนัก

ถึงกับมีใครบางคนอยากฉลองวันเกิดเขาด้วยหรือ

ถึงแม้นี่จะเป็นวันเกิดปลอมๆ ทำไมทุกคนต้องมอบของขวัญวันเกิดให้ด้วยล่ะ

หลี่ซานหลางกุมถุงมือไว้แน่น ธาตุไฟเริ่มส่องแสงจากถุงมือ

“หลี่ชิวอวี่ไปตรวจสอบมาก่อนแจ้งให้พวกข้าทราบน่ะ” หวังชุ่นตอบตามตรง

หลี่ซานหลางหันมองกลับไปที่หลี่ชิวอวี่

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล

ความกังวลหรือ

จิตของกู่ฉิงซานขยับ

ไม่ใช่ว่าหากไปถึงระดับการสาดส่องจะสามารถรับมือกับวันสิ้นโลกได้

ระดับการสาดส่องเพียงแค่พิสูจน์ว่าพลังจิตไปถึงจุดสูงสุดเท่านั้น ส่วนพละกำลัง ต้องมีการตรวจสอบก่อนถึงจะรู้แน่ชัด

หลี่ซานหลางเป็นเพียงเด็กอายุสิบสามปี หากข้าพลาดขึ้นมา ใครล่ะจะสามารถช่วยเขาได้

กู่ฉิงซานเข้าใจความหมายของหลี่ชิวอวี่

เขายิ้มให้หลี่ชิวอวี่ โบกมือให้จ้าวเฉียงแล้วกล่าวว่า “พี่จ้าว ข้าไม่มีปัญญาโดยกำเนิด ข้าแค่ต้องการสิ่งนี้”

เขาชูกำปั้นขึ้น

บอลเพลิงปรากฏขึ้นจากถุงมือขณะสะท้อนใบหน้าที่ยังโตไม่เต็มที่ของเขา

“ลุยเลย!”

หลี่ซานหลางยืนตัวตรงก่อนพุ่งออกจากกำแพงเมืองท่ามกลางเสียงอึกทึกของกลุ่มคน

เขาเหมือนกับแสงเลือนราง เหมือนกับหิ่งห้อยยามราตรีขณะบินผ่านท้องนภาเพียงลำพัง

แสงสีเหลืองหมองหม่นพุ่งตรงไปยังสัตว์ประหลาดวันสิ้นโลกสูงตระหง่าน

ทันใดนั้น มันหายไป

“ย้าก!”

เสียงคำรามของหลี่ซานหลางระเบิดทั่วท้องนภาจนถึงปฐพี

……………………………………