webnovel

1247 คนตายไม่โกหก

ตอนที่ 1247 คนตายไม่โกหก

ฟู่… ฟู่… ฟู่…

กู่ฉิงซานลุกขึ้นนั่งจากแผ่นโลหะพังทลายขณะหอบหายใจ

หัวกะโหลกคางยาวที่เกิดจากหมอกทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ถ้าหัวกะโหลกคางยาวมองขึ้นมา ความตายคือชะตากรรมเดียวที่รออยู่

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่สามารถขัดขืนวันสิ้นโลกแบบนั้นได้

ไม่รู้เลย…

ว่ามีวันสิ้นโลกแบบนี้อีกเท่าไหร่

ในสุสาน มีวันสิ้นโลกที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านี้อยู่อีกหรือ

ผู้ปกครองรังลึกลับกาลอวกาศเหลือเพียงเส้นผมก่อนจะหนีรอดออกมาได้

มารดาแห่งความว่างเปล่าทมิฬเหลือเพียงนิ้วเดียวลอยอยู่ในแม่น้ำสายยาว ไม่มีโอกาสออกมาได้

หลังเผชิญหน้ากับกู่ฉิงซาน มารดาแห่งความว่างเปล่าทมิฬสามารถสาปกู่ฉิงซานให้ตายได้ด้วยการใช้เพียงแค่นิ้วเดียว

แม้กระทั่งตัวตนที่ล่วงลับไปแล้วยังทรงพลังสุดจะจินตนาการ

แม้ว่ามันจะติดอยู่ในสุสานก็ตาม

กู่ฉิงซานถอนหายใจยาวออกมา รู้สึกแค่ว่าถึงแม้โลกจะกว้างใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาลำแสงที่ทะลวงวันสิ้นโลกได้

เขานั่งอยู่กับที่ในความมืดขณะทบทวนทิวทัศน์ทั้งหมดที่เห็นก่อนหน้านี้

เขาจมสู่ความคิดช้าๆ

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

“ด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ท่านใช้วิชาร่างจำแลง: ‘เทพท่องราตรี’ ได้อย่างชำนาญแล้ว”

“ตอนนี้ท่านสามารถเริ่มฝึกฝนวิชาร่างจำแลงใหม่: ‘เทพท่องทิวากร’ ได้”

“เทพท่องทิวากร: จากการปรากฏของวิชาร่างจำแลง เทพท่องราตรี ท่านจะสามารถใช้วิชาร่างจำแลงนี้ในตอนกลางวันได้”

กู่ฉิงซานมองแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กนี้ขณะครุ่นคิดอยู่นาน

“หน้าต่างระบบเทพสงคราม ข้ามีคำถาม” กู่ฉิงซานกล่าว

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน้าต่างระบบ ดังนั้นหน้าต่างระบบนี้จะอยู่ในสภาพตื่นตัวระดับสูงตลอดเวลา การสละเวลาตอบคำถามจะหักพลังวิญญาณจากท่านหนึ่งพันแต้ม โปรดถามคำถามอย่างจริงจังด้วย” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

กู่ฉิงซานเมินปัญหาเรื่องพลังวิญญาณ เขาเพียงถามว่า “ฟังนะ ตอนข้าใช้เทพท่องราตรีในการรวมตัว ทุกสิ่งที่ข้ามีได้ติดตามไปกับร่างจำแลงด้วย ข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้เดินทางไปที่อื่นด้วยร่างจำแลงของข้าหรือเปล่า”

“ถูกต้อง” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

พลังวิญญาณหนึ่งพันแต้มหายไป

“หรือก็คือเจ้าไม่รู้ว่าสภาพร่างกายของข้าเป็นยังไงงั้นหรือ” กู่ฉิงซานถามอีกครั้ง

“ใช่แล้ว” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

“เจ้าแน่ใจหรือ โปรดยืนยันความแม่นยำของคำตอบที ข้าไม่อยากตัดสินผิดๆ จนส่งผลกับข้อสรุปสุดท้ายของข้า” กู่ฉิงซานถามโดยไม่สนเรื่องพลังวิญญาณ

หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “ข้ามั่นใจมากว่าตอนวิญญาณของท่านออกจากร่างและยังไม่ปรากฏเป็นร่างจริง ร่างกายของท่านยังนอนหลับอยู่ในช่วงเวลาล่าสุดที่ข้าสังเกตได้”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

วิชาร่างจำแลงนี้น่าทึ่งเช่นกัน

ขณะกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ประตูเปิดออกในความว่างเปล่า อาจารย์วิชาต่อสู้ยืนอยู่ที่ประตูขณะมองเขา

“หลี่ซานหลาง เลิกเรียนแล้ว”

“โอ้ คือ ขอบคุณอาจารย์”

กู่ฉิงซานลุกขึ้น เก็บผ้าห่มเข้าไปในกำไลกระดูกก่อนออกไป

“วันนี้การฝึกฝนของเจ้าเป็นยังไงบ้าง” อาจารย์วิชาต่อสู้ถามขณะเดิน

“คืบหน้า คืบหน้าเร็วมากเลยล่ะ แต่ตอนที่ข้าหลับอยู่ ข้ารู้สึกเสมอว่าการเข้าสู่สภาวะฝันนั้นมันช้าเกินไป” กู่ฉิงซานตอบด้วยความลำบากใจ

อาจารย์วิชาต่อสู้ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่ามรดกที่เจ้าได้รับจากพลังจิตมันเป็นแบบไหน แต่ข้ามีความเห็นเกี่ยวกับความฝันอยู่”

ดวงตาของกู่ฉิงซานทอประกายขณะรีบถามว่า “โห อาจารย์ โปรดบอกข้าที”

อาจารย์วิชาต่อสู้ตอบว่า “ผู้คนมักบอกว่าพวกเขาคิดตอนกลางและฝันตอนกลางคืน ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะบอกใบ้ให้ตัวเองก่อนเข้านอนเพื่อเป็นการย้ำว่าอยากฝันถึงสภาพไหน”

“อืม มีเหตุผล ข้าต้องคิดสินะ” กู่ฉิงซานชื่นชมขณะมองอาจารย์วิชาต่อสู้ด้วยความเคารพ

อาจารย์วิชาต่อสู้ตบบ่าของเขาก่อนยิ้มให้แล้วกล่าวว่า “อื้ม เอาล่ะ เจ้าเป็นน้องเล็กของสองคนนั้น จะต้องเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีนี้อย่างแน่นอน”

“ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่อาจารย์มอบให้” กู่ฉิงซานขอบคุณเขา

“เอาล่ะ ข้าคุยแค่นี้แหละ เจ้าควรกลับไปทำอาหารได้แล้ว”

ที่ทางแยก อาจารย์วิชาต่อสู้พยักหน้าให้กู่ฉิงซานก่อนเดินไปที่อีกทางหนึ่ง

ขณะมองแผ่นหลังอีกฝ่าย กู่ฉิงซานขยับริมฝีปากแล้วพลันกล่าวว่า “ลาก่อน อาจารย์”

อาจารย์วิชาต่อสู้โบกมือโดยไม่หันหลังกลับมา

กู่ฉิงซานยืนอยู่ที่ทางแยกสองอึดใจ ทันใดนั้น เขาฮัมเพลงเล็กน้อยอย่างมีความสุข

“ฝึกฝนมรดก~ เพิ่มความสามารถ~ เติบโตและพัฒนาทุกวัน…”

นี่คือเพลงของอาศรม หนุ่มสาวทุกคนสามารถร้องเพลงนี้ได้

ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย กู่ฉิงซานเดินกลับบ้านช้าๆ ขณะฮัมเพลง

เขาทบทวนทุกสิ่งในใจแล้วพลันกล่าวว่า

“ฉานนู่ ดาบพิภพ ดาบเสียงคลื่น ไม่ต้องปรากฏตัวนะ ฟังข้าพูดพอ”

“นายท่าน” เสียงของฉานนู่ดังขึ้น

“มีอะไรหรือ” ดาบพิภพถาม

“วิ้ง” ดาบเสียงคลื่นส่งเสียง

ตอนนี้ กู่ฉิงซานพบเพื่อนร่วมชั้นก่อนโบกมือทักทาย

ขณะสนทนากับชายหนุ่ม เขากล่าวต่อในใจว่า

“ดาบศักดิ์สิทธิ์ลั่วปิงหลีกำลังหลับอยู่ ตอนนี้ข้าจึงเหลือแค่พวกเจ้า นับจากนี้ไป พวกเราจะต้องต่อสู้ด้วยพลังวิญญาณมากสุดแค่หนึ่งแสนสองหมื่นแต้มเท่านั้น ห้ามมากกว่านั้นแม้แต่แต้มเดียว”

“ทำไมล่ะ นายท่านคิดว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหรือ” ฉานนู่ถามอย่างวิตก

ดาบพิภพกล่าวเช่นกันว่า “แต่พวกข้าอยู่ข้างท่านเสมอ ต่อให้กลายเป็น ‘เทพท่องราตรี’ พวกข้าก็ล้วนคุ้มกันท่านอยู่ด้านข้าง ขอเพียงไม่ไปสุสานสักพักก็น่าจะไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด”

ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงด้วยความสับสน

กู่ฉิงซานพบเพื่อนร่วมชั้นอีกคนก่อนทักทายด้วยรอยยิ้ม

ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ทุกคนเพิ่งออกมาจากอาศรมและกำลังจะกลับบ้าน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมาพบกัน

กู่ฉิงซานเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนขณะกล่าวในใจว่า

“หลายสิ่งยังไม่ได้รับการยืนยัน ตอนนี้ข้าทำได้เพียงบอกพวกเจ้าได้หนึ่งเรื่องเท่านั้น”

“นายท่าน เชิญว่ามา” ฉานนู่กล่าว

“พวกเจ้าคิดว่าวิญญาณกรีดร้องเป็นคนยังไง” กู่ฉิงซานถาม

ฉานนู่ลังเลสักพักแล้วกล่าวว่า “บ้าคลั่ง ไร้ยางอาย ไม่คำนึกถึงความเป็นความตายคนอื่น โหดเหี้ยม”

ดาบพิภพกล่าวว่า “เจ้าเล่ห์ โหดร้าย ใจคับแคบ ไม่มีวันหยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ใช่ เพื่อหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ มันถึงขั้นวางแผนควบคุมอาณาจักรสวรรค์ดึกดำบรรพ์เอาไว้ ภายหลัง ในพื้นที่ที่ถูกควบคุม มันต่อสู้กับซากศพที่ถูกอัญเชิญโดยบัญญัติราชามารเป็นเวลานาน สุดท้ายก็นำยุคความโกลาหลมาเยือนได้”

“มันไม่ใช่ศัตรูที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ”

“นายท่าน แต่มันหลอมรวมเข้ากับความโกลาหลจนหายไปแล้ว พวกเราล้วนได้เห็นฉากนี้ ท่านยังสงสัยอะไรอีกหรือ” ฉานนู่ถาม

ดาบพิภพกล่าวเช่นกันว่า “กู่ฉิงซาน ใจเย็นๆ ข้าคิดว่าท่านระแวดระวังจนเกินไป ท่านก็รู้ว่าความตายไม่เคยโกหก ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์ประหลาดอย่างวิญญาณกรีดร้องได้หายไปจากความตายแล้ว”

“ใช่ คนตายไม่โกหก ดังนั้นข้าจึงเห็นปัญหายังไงล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ปัญหาอะไร” ดาบพิภพถาม

“ด้วยตัวตนของมัน หากสามารถโจมตีข้าหลังจากตายไปแล้วได้อีกครั้ง มันจะต้องตื่นเต้นมากจนพยายามสุดความสามารถเพื่อทำให้ข้าอับอาย” กู่ฉิงซานกล่าว

ฉานนู่อดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “นายท่าน ท่านมีไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ มันรู้ว่าหากไปยั่วยุท่าน มันจะต้องสลายไปอย่างแน่นอน”

“ดังนั้นมันถึงไม่กล้าต่อสู้กับท่านยังไงล่ะ” ดาบพิภพเสริม

“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ในที่สุดมันหลอมรวมเข้ากับความโกลาหลก่อนหายไปอย่างสมบูรณ์ นี่คือปลายทางที่มันเลือกด้วยตัวเอง”

“ถ้ายังไงสติของมันก็ต้องดับดิ้นอยู่แล้ว ด้วยนิสัยบ้าคลั่งของมัน ทำไมถึงไม่เข้ามาสู้กับข้าจนตัวตายไปเลยล่ะ ยังไงมันก็ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว”

ดาบสามเล่มนิ่งไป ไม่สามารถพูดอะไรได้สักพัก

ใช่แล้ว ในเมื่อไม่กลัวตาย ทำไมถึงบอกว่า “เจ้ามีไม้เท้าราชาภูตผีจองจำของวิถียมโลก” จากนั้นจึงตัดที่จะสู้กับศัตรูไปเลยล่ะ

ไม่มีเหตุผล

“มันอาจจะไม่อยากทำให้ท่านอับอายอีกแล้วก็ได้” ดาบพิภพกล่าว

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ ข้าถามมันว่าโลกธุลีเป็นยังไง มันบอกข้าด้วยความเกลียดชังว่าจะไม่ไม่มีวันบอกความจริงเด็ดขาด”

ฉานนู่นึกถึงฉากนั้นแล้วพึมพำว่า “ใช่แล้ว… นี่แสดงให้เห็นว่ามันยังใส่ใจทุกสิ่งเกี่ยวกับนายท่าน”

ดาบพิภพสับสนเล็กน้อยแล้วถามว่า “ในเมื่อมันยังเกลียดท่านและไม่กลัวที่วิญญาณจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ทำไมมันถึงไม่เข้ามาสู้กับท่านไปเลยล่ะ”

“ใช่ มันตายแล้ว แถมข้าทิ้งโล่ที่สามารถขัดขืนการดูดกลืนวิญญาณไว้ให้จางหยิงห่าวด้วย มันมีโอกาสที่สู้เพื่อฆ่าข้าตั้งมากมาย” กู่ฉิงซานกล่าว

ขณะสื่อสารกับดาบสามเล่ม เขาสนทนากับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนถึงประสบการณ์จากวิชาต่อสู้

ตอนนี้ ดาบทั้งสามเล่มไม่พูดอะไร

คาดไม่ถึง ศัตรูคู่อาฆาตจะทิ้งปัญหาชวนสับสนเอาไว้ให้

ยิ่งนางคิดมากเท่าไหร่ นางยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น เขาอดที่จะถามไม่ได้ว่า “นายท่าน ตอนนั้นมันมีโอกาสฆ่าท่านจริงๆ แต่ทำไมมันถึงตัดใจล่ะ”

กู่ฉิงซานตอบด้วยการส่งกระแสจิตว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสังเกตเห็นหรือเปล่า หลังจากมันปรากฏตัว มันเริ่มจากดูข้าอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็ถอยออกไปช้าๆ ”

ดาบสามเล่มนึกถึงฉากเดิมพร้อมกัน

“วิ้ง!” ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงก่อน

“ใช่ นั่นแหละ” ดาบพิภพยืนยัน

“ข้าจำได้เหมือนกัน” ฉานนู่กล่าว

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าตอนนั้นมันกลัวและสิ้นหวัง ตอนแรกข้าคิดว่ามันกลัวไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ ภายหลัง มันหลอมรวมเข้ากับความโกลาหลเอง สุดท้ายข้าก็คิดได้ว่ามันไม่ได้กลัวไม้เท้า”

กู่ฉิงซานถามช้าๆ ว่า “ทุกคนจะต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ไหนถึงจะตัดใจที่จะล้างแค้นศัตรู”

“ยกโทษให้ศัตรูหรือเปล่า” ดาบพิภพถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “มีแค่สองสถานการณ์ หนึ่งคือยกโทษให้ศัตรู สถานการณ์นี้ไม่สามารถเกิดกับวิญญาณกรีดร้องได้ ข้ารู้สึกถึงความเกลียดชังจากมันได้อย่างชัดเจน”

“ถ้างั้นก็เหลือแค่สถานการณ์ที่สองเท่านั้น”

“ศัตรูของมันจะมีจุดจบที่น่าสังเวชยิ่งกว่าการให้มันแก้แค้นเอง”

“มันคือจุดจบที่ทำให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มอีก”

“หรือก็คือ”

“และสิ่งที่มันหวาดกลัวและสิ้นหวังได้เกิดกับข้าแล้ว มันเกลียดข้าในฐานะศัตรู ดังนั้นมันจึงตัดใจที่จะสู้กับข้าเพื่อให้ไปเจอกับจุดจบที่น่าสังเวชยิ่งกว่า”

เสียงของฉานนู่ตึงเครียดขึ้นมา “นายท่าน มันคืออะไร ข้าไม่เห็นจะสัมผัสอะไรได้เลย”

ดาบพิภพพลันกล่าวว่า “บอกข้ามา กู่ฉิงซาน ข้าจะพยายามสุดความสามารถเพื่อเตรียมการตัดสินใจของพิภพให้ไม่ว่าจะเจอกับอันตรายอะไรก็ตาม”

“อย่าวิตกเกินไป ข้าแค่วางแผนล่วงหน้าเพื่อระวังให้ท่านน่ะ”

กู่ฉิงซานขัดคำพูดของดาบพิภพแล้วกล่าวอย่างสงบว่า “คนตายไม่โกหก ข้าซาบซึ้งกับการปรากฏตัวอีกครั้งของวิญญาณกรีดร้องมาก มันทำให้พวกเรารับรู้ถึงเบาะแสแห่งโชคชะตาล่วงหน้า”

“พวกเรายังมีเวลาที่จะช่วยให้ตัวเองรอด ดังนั้นต่อไป”

เขายิ้มแล้วกล่าวลากับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนก่อนเดินไปที่พักของหลี่ชิวอวี่

“พวกเราจะไปดูความจริงของโลกใบนี้กัน”

…………………………………………..