webnovel

1204 ผู้รอคอย

ตอนที่ 1204 ผู้รอคอย

ซากปรักหักพังของเมือง

วิญญาณกรีดร้องมองท้องนภาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

มันไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไมความโกลาหลถึงมอบภารกิจแบบนั้นให้

มันอดที่จะเปิดปากไม่ได้เสียงชายหญิงสอดประสานพร้อมกัน “ความโกลาหลไร้ที่สิ้นสุดเอ๋ย ข้าคือผู้บุกเบิกยุคสมัย ทำไมเจ้าถึงอยากให้ข้าอยู่ที่นี่เพื่อขัดขืนอันตรายที่ไม่รู้จักเพื่อศัตรูของข้าด้วย”

แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้ามัน

“ทุกสิ่งเป็นไปตามเกณฑ์สำคัญในการตามหาวิหารลับ”

“ไม่ว่าจะเป็นท่านหรืออีกฝั่งที่เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ ท่านจะต้องพยายามอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ”

“ผลงานอันโดดเด่นจะทำให้ท่านได้รับรางวัล”

วิญญาณกรีดร้องมองมันด้วยสภาพที่ยังคงสับสน

“รางวัลหรือ” มันถาม

“ใช่” ความโกลาหลตอบ “ท่านไม่ต้องกังวลไป เมื่อเส้นทางสู่วิหารลับเปิดออก ท่านจะถูกเคลื่อนย้ายพริบตาทันที”

“ตอนนี้ ขัดขืนศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วนที่จะมาเยือนหลังจากทราบข่าว”

ตัวอักษรขนาดเล็กทั้งหมดหายไป

วิญญาณกรีดร้องสัมผัสมัน ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภา

แสงสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นในส่วนลึกของท้องนภา

พวกมันคือพลังที่ทั้งดุร้าย สง่าและโอ่อ่า ทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรงตั้งแต่แรกเห็น

“มันคือกลิ่นของบัญญัตินี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว”

วิญญาณกรีดร้องแผดเสียงคำรามต่ำออกมา

ดูท่าหน้าที่ของมันจะเป็นการถ่วงเวลาเพื่อให้เทพแห่งความโกลาหลสามารถหาทางลับได้

ข้างวิญญาณกรีดร้อง ผู้บำเพ็ญเพลิงพลันกรีดร้องออกมา

“มากเกินไป! แบบนี้มันมากเกินไป!”

มันเห็นว่าที่ท้องนภา จุดแสงค่อยๆ กระจายออกราวกับทะเลดวงดาวกว้างใหญ่

พวกมันกำลังเคลื่อนลงมาหาทั้งสองด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้

ผู้บำเพ็ญเพลิงสูดหายใจเข้าแล้วพลันกล่าวเสียงดังว่า “ความโกลาหล ข้าขอสละสิทธิ์จากการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพในครั้งนี้ โปรดส่งข้ากลับไปด้วย”

ใบหน้าของวิญญาณกรีดร้องเปลี่ยนไปก่อนคว้ามันไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! ถ้าเจ้าไปตอนนี้ จะให้ข้าขัดขืนเจ้าพวกนี้เพียงลำพังหรือไง”

ผู้บำเพ็ญเพลิงจับมือของวิญญาณกรีดร้องแล้วถามว่า “เมื่อครู่ข้าเกือบตายนะ เจ้าเข้าใจหรือเปล่า”

วิญญาณกรีดร้องนิ่ง

เมื่อครู่ดาบของกู่ฉิงซานทะลวงเข้ามาที่คอของผู้บำเพ็ญเพลิง หากไม่ใช่เพราะการห้ามอย่างกะทันหันของความโกลาหล ผู้บำเพ็ญเพลิงคงได้ดับดิ้นไปนานแล้ว

ผู้บำเพ็ญเพลิงกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้ามีชีวิตมายาวนาน มีพละกำลังยิ่งใหญ่ มีความสามารถพิเศษนับไม่ถ้วน แต่ดาบของคนคนนั้นเร็วมาก มันไม่ให้โอกาสข้าได้ใช้พลังเลย!”

“ข้าเชื่อว่าพลังจำนวนมากของข้าแข็งแกร่งกว่ามัน ข้าถึงขั้นสามารถฆ่ามันด้วยพลังพิเศษได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมัน ข้ากลับไม่มีโอกาสได้ใช้เลย!”

“มันคือเทพแห่งความตายตัวจริง!”

ผู้บำเพ็ญเพลิงคำรามด้วยความหวาดกลัวว่า “ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับคนแบบนั้น!”

ทั้งสองเงียบ

“คาดไม่ถึง แม้แต่เจ้าก็เป็นได้แค่ขยะ” วิญญาณกรีดร้องดูถูก

ในเวลาเดียวกัน ตัวอักษสีเทาของความโกลาหลปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสองคน

“ไม่ว่าท่านจะอยากถอนตัวจากการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพหรือไม่ ตอนนี้ ท่านจะต้องพบกับศัตรูก่อน”

“จำเอาไว้ นี่คือช่วงสำคัญของความโกลาหล”

“คนที่หลบเลี่ยงจะต้องตาย”

ผู้บำเพ็ญเพลิงไม่มีเวลาให้พูดอะไร สายตาเห็นแถวข้อความแจ้งเตือนสองแถวปรากฏขึ้นตรงหน้า

“ด้วยเหตุที่มีบัญญัติจำนวนมากมา สันนิษฐานได้ว่า”

“เหตุการณ์นี้ถูกเปิดโปงแล้ว”

“นับจากนี้ ท่านสามารถใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อขัดขืนบัญญัติได้”

ผู้บำเพ็ญเพลิงตกตะลึง

มันรู้สึกได้ว่าพลังที่ถูกจองจำไว้ถูกคลายออกอย่างสมบูรณ์

พลังทั้งหมดกลับคืนสู่ร่างของมัน

“แบบนี้ค่อยดีหน่อย ข้าอาจจะสามารถขัดขืนมันได้”

มันพึมพำขณะหันศีรษะไปมองวิญญาณกรีดร้อง

มันเห็นพลังแปลกปละหลาดแผ่ออกมาจากวิญญาณกรีดร้อง

เสียงเย็นเยือกที่ขมขื่นและลุ่มลึกดังมาจากวิญญาณกรีดร้อง ราวกับคลื่นที่มองไม่เห็นอันเงียบงัน มันค่อยๆ กระจายไปทั่วท้องนภา

“ผู้ใช้บัญญัติจากโลกอันไกลลิบเอ๋ย! สัตว์ร้ายน่าสงสารเช่นพวกเจ้าไม่ควรเห็นแก่ตัว จงรู้ไว้ว่าพวกเจ้าเป็นเพียงภาชนะไว้ใส่วิญญาณ”

“วิญญาณทั้งหมดคืออาหารของข้า”

วินาทีต่อมา

เสียงชายหญิงดังขึ้นพร้อมกัน “วิญญาณ! ส่งวิญญาณมาให้ข้า อา”

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องทั่วท้องนภา

อีกด้าน

กู่ฉิงซาน จางหยิงห่าว เย่เฟยหลีและเย่หรูซียืนอยู่ที่ก้นทะเล

น้ำทะเลทั้งหมดถูกกันออกไปหลายร้อยกิโลเมตร

ไม่มีสัตว์ประหลาดทะเลตัวไหนสามารถเข้าใกล้ที่นี่ได้

ขณะมองฉากอันน่าอัศจรรย์นี้ จางหยิงห่าวอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ข้าถามหน่อย เจ้าสามารถใช้พลังได้ด้วยการถือดาบอย่างนั้นหรือ”

“เปล่า” กู่ฉิงซานตอบ “มันใช้พลังวิญญาณ”

เย่หรูซีกล่าวว่า “นี่คือดาบที่พิเศษมาก กู่ฉิงซาน ข้าต้องการให้เจ้าใช้พลังของดาบเล่มนี้เพื่อคลายผนึกจนทำให้ข้าได้พละกำลังกลับคืนมา”

“สิ่งนั้นน่ะหรือ” เย่เฟยหลีถาม

“ใช่” เย่หรูซีตอบ

บนก้นทะเลที่ตรงข้ามกับทั้งสี่ บอลโลหะทองแดงทรงกลมวางอยู่บนพื้นเงียบๆ ไม่ขยับไปไหน

บอลโลหะนี้ไม่ได้พิเศษอะไร เว้นแต่ว่ามีรูตื้นอยู่ตรงกลางราวกับสามารถใส่บางสิ่งเข้าไปได้

ขณะมองบอลโลหะทองแดง กู่ฉิงซานเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ

ทองแดง…

มันคือเสาทองสัมฤทธิ์ที่พันธนาการซากศพขนาดใหญ่เอาไว้

หรือสองสิ่งนี้จะมีความเชื่อมโยงกัน

กู่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าขณะนำมือวางบนพื้นผิวของบอลทองแดง

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“สิ่งประดิษฐ์วิญญาณแห่งแดนฝัน: ผนึกแห่งทะเล”

“นี่คือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝันที่สร้างขึ้นเพื่อผนึกพลัง สามารถจำศีลพลังอันยิ่งใหญ่ไว้ในห้วงแห่งความฝันได้”

กู่ฉิงซานถามทันทีว่า “สิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝันคืออะไร”

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม พลังวิญญาณของเขาลดลงสองร้อยแต้มอย่างเงียบงัน

หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “สิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในประตูโลกคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝัน”

“หนึ่ง สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนี้คือสิ่งที่มนุษย์ใฝ่ฝันถึง แต่การที่มนุษย์อยากได้สิ่งประดิษฐ์วิญญาณเช่นนั้นมันเป็นได้เพียงความฝัน”

“สอง สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนี้ใช้เพื่อขัดขืนหรือปลดปล่อยพลังห้วงความฝันของของผู้ใช้ พลังนี้ถึงกับเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในประตูโลก”

กู่ฉิงซานอ้าปากค้าง

คาดไม่ถึง เขาถึงกับได้พบสิ่งที่ทรงพลังที่นี่

หลังจากครุ่นคิด กู่ฉิงซานถามอีกครั้งว่า “ข้าจะช่วยเย่หรูซีปลดปล่อยพลังได้ยังไง พลังของห้วงความฝันคืออะไร”

หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “สิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝันแต่ละชิ้นมีเป้าหมายในการใช้จำเพาะออกไป ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราจะรู้ความจริงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวตนของคนที่ถูกผนึก”

พลังวิญญาณสองร้อยแต้มลดลงทันที

“แม้กระทั่งเจ้าก็ต้องรู้ตัวตนของนางก่อนถึงจะรู้ความจริงได้งั้นหรือ” กู่ฉิงซานจงใจถาม

“ถูกต้อง ข้าคือหน้าต่างระบบเทพสงคราม ไม่ใช่สารานุกรม” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

ครั้งนี้ พลังวิญญาณหายไปสี่ร้อยแต้ม

กู่ฉิงซานไม่สนใจขณะยืนขึ้นแล้วมองเย่หรูซี

“ข้าควรทำยังไง” เขาถาม

เย่หรูซีมองดาบเสียงคลื่นในมือของเขาแล้วตอบว่า “ดาบของเจ้า… พูดง่ายๆ ก็คือมันสามารถกำหราบทะเลทั้งหมดในโลกจำนวนไม่มีสิ้นสุดได้ หรือก็คือ มันยังสามารถปลดปล่อยพลังของทะเลได้อีกด้วย”

“ดังนั้นเจ้าต้องสอดดาบเข้าไปในผนึก จากนั้นสื่อสารกับดาบยาวด้วยเจตจำนงแรงกล้าเพื่อให้มันช่วยคลายพลังผนึก”

กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนลอบสื่อสารกับดาบเสียงคลื่นว่า “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงร้องตอบกลับมาอย่างเฉยชา

กู่ฉิงซานผ่อนคลายเล็กน้อยก่อนสอดดาบเสียงคลื่นเข้าไปในบอลทองแดง

หนึ่งอึดใจ

สองอึดจ

สามอึดใจ

ดาบเสียงคลื่นแผ่แสงสีน้ำเงินเข้มเจิดจ้าออกมา

บอลทองแดงพลันแตกร้าว กลายเป็นส่วนประกอบจำนวนมากก่อนลอยไปหาเย่หรูซี

ผ้าปิดตาสีดำปิดตาซ้ายของนางเอาไว้

หน้ากากโลหะทองแดงปิดปากนางเอาไว้

โซ่ทองแดงเรียวมัดแขนขวานางเอาไว้

ขาของนางถูกยึดไว้ด้วยโซ่ตรวนอันหนักหน่วง

“ฟู่ ฮ่า”

เย่หรูซีถอนหายใจเข้าออกอยู่นาน

“เป็นอะไร ไม่ใช่ว่าคลายผนึกหรอกหรือ ทำไมกลายเป็นนางถูกจองจำเสียแทนล่ะ” จางหยิงห่าวถามด้วยความสับสน

“ไม่ต้องห่วง ผนึกถูกคลายแล้ว พละกำลังของข้าได้รับการปลดปล่อยมาสิบส่วนแล้ว” เสียงของเย่หรูซีดังมาจากหลังหน้ากาก

นางเผยของบางอย่างให้ทั้งสามดูขณะอธิบายว่า

“ดวงตาของข้าสามารถสื่อสารกับผู้รอคอยได้ ปากของข้าสามารถเรียกพวกเขาได้ มือขวาของข้าสามารถมอบทักษะให้พวกเขาได้ เท้าของข้าสามารถติดตั้งค่ายกลทรงพลังให้ได้ ดังนั้นข้าจึงต้องจำกัดตัวเองด้วยวิธีนี้”

กู่ฉิงซานถามว่า “ผู้รอคอยคืออะไรหรือ”

เย่หรูซีตอบว่า “ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ยังไงก็ตาม เพราะข้าสามารถสัมผัสพวกมันได้ตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็กข้าจึงรู้สึกตลอดว่าพวกเขากำลังรอ ดังนั้นข้าจึงเรียกพวกเขาว่าผู้รอคอย”

กู่ฉิงซานย่อยคำพูดพวกนั้นอย่างละเอียดก่อนรู้สึกว่าความหมายมันช่างกว้างยิ่งนัก

เขานึกถึงนิ้วทองแดงที่เคยเห็นในฝันของเย่หรูซี

มีเสียงเสียงหนึ่ง

“ยุควันสิ้นโลกยังไม่จบ ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงที่ข้าควรตื่นขึ้นมา ทำไมถึงเรียกข้า”

กู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิด แต่กลับถูกขัดด้วยฉากต่อมา

เขาเห็นเย่หรูซีถอดหน้ากากออกก่อนกระซิบว่า “ข้าต้องรีบออกจากโลกนี้ ไม่อย่างนั้น ทันทีที่พลังของข้าถูกปลดปล่อยออกมา โลกนี้จะถูกทำลายอย่างแน่นอน”

นางเริ่มร่ายวิชา

“เสียงมรณะแห่งวันสิ้นโลกดังก้องอยู่นอกประตูโลก”

“ผู้ที่ซ่อนอยู่ในความมืดกำลังรออย่างเงียบงันเอ๋ย”

“จงฟังข้า”

“ยุควันสิ้นโลกยังไม่ผ่านพ้นไป”

“แต่ข้า”

“ในฐานะผู้นำรุ่งอรุณ ตอนนี้พวกข้าอยากหาทางสู่วิหารลับ”

วิชาเสร็จสิ้น

เพียงพริบตา ทั่วโลกหายไปต่อหน้าทั้งสี่คน

รอบข้างมืดมิด

บันไดที่ประกอบขึ้นจากหมอกสีเทาปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันขณะแผ่ออกมาจากใต้เท้าพวกเขา

บันไดหมอกสีเทานำไปสู่ส่วนลึกของความว่างเปล่า เป็นสถานที่ไกลลิบสุดสายตา

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่หรูซีกล่าว

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีตามนางไปขณะก้าวขึ้นสู่หมอกพร้อมกัน

กู่ฉิงซานตามทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าไปทีละก้าว แต่ดวงตาของเขาจับจ้องในความว่างเปล่า

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กเพิ่งปรากฏขึ้นมา

“ตัวตนของอีกฝ่ายถูกระบุแล้ว”

“เย่หรูซี ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลก”

…………………………………….