webnovel

1203 คุณค่าที่แท้จริงของนาง

ตอนที่ 1203 คุณค่าที่แท้จริงของนาง

บนภาพดาวเทียม วิญญาณกรีดร้องและผู้บำเพ็ญเพลิงกำลังเหาะมาอย่างรวดเร็ว

ครั้งนี้ พวกมันยังคงให้ความสนใจรอบข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานของจัมเปอร์หลายครั้ง

ในที่สุด พวกมันก็เข้ามาในเมือง

บนแท่นสูงของสถาบัน จางหยิงห่าวยกสไนเปอร์ไรเฟิลขึ้น

“โอกาส มีแค่ครั้งเดียว”

เขากระซิบอย่างแผ่วเบาก่อนค่อยๆ เข้าสู่สภาพตั้งอกตั้งใจ

ในทัศนวิสัย วิญญาณกรีดร้องและผู้บำเพ็ญเพลิงค่อยๆ เข้าใกล้สถาบันวิจัย

พวกมันพลันหยุด

ตรงข้ามพวกมัน กู่ฉิงซาน เย่เฟยหลีและเย่หรูซียืนอยู่ที่ทางเข้าสถาบัน

วิญญาณกรีดร้องจ้องเย่หรูซี

“เทพแห่งความโกลาหลผู้ยังไม่ตื่นขึ้นเอ๋ย ข้ามาอย่างเป็นมิตร เจ้าควรติดตามข้ามากกว่า” วิญญาณกรีดร้องกล่าว

เย่หรูซีอดที่จะมองมันไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้

ครึ่งหนึ่งเป็นชายท่าทางดูร้ายกาจ อีกครึ่งเป็นหญิงที่ดูขมขื่น

มีหกแขน

ร่างท่อนบนไม่สวมเสื้อผ้า

เหมือนกับ…

เย่หรูซีขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แบบนี้น่ะหรือที่เจ้าเรียกว่า… มาอย่างเป็นมิตร”

“ใช่” วิญญาณกรีดร้องสลัดร่างกายในหมอกสีเทา เผยให้เย่หรูซีเห็นกฎเกณฑ์โกลาหลบนร่าง

มันกล่าวต่อว่า “ข้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์ของยุคโกลาหลอยู่นับไม่ถ้วน ข้าสามารถช่วยเจ้าให้ได้พละกำลังจนตื่นขึ้นมาก่อนกำหนดได้”

เย่เฟยหลีก้าวถอยหลังก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าอ่อนแอเกินไป อย่ามาพูดแบบนั้นต่อหน้าข้า”

เมื่อเห็นสีหน้าที่แน่วแน่ของนาง วิญญาณกรีดร้องจึงตัดใจจากแผนโน้มน้าวนางชั่วคราว

…อีกฝ่ายมั่นใจขนาดนี้ กู่ฉิงซานจะต้องมีวิธีพิชิตความเชื่อใจนางเป็นแน่

มันเสียเวลานานเกินไปจนพลาดโอกาส

จิตสังหารของวิญญาณกรีดร้องที่มีต่อกู่ฉิงซานกำลังเดือดพล่าน

“กู่ฉิงซาน”

“นานมากแล้วตั้งแต่ยุคโบราณจนกระทั่งตอนนี้” วิญญาณกรีดร้องกล่าวด้วยเสียงผู้หญิง จากนั้นกลายเป็นเสียงผู้ชาย “ในที่สุดพวกเราก็มาถึงช่วงเวลาที่จะได้ตัดสินกันเสียที”

“ใช่แล้ว ข้ารอเวลานี้มานานมาก” กู่ฉิงซานกล่าว

วิญญาณกรีดร้องถามด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “รอหรือ ไม่ใช่ว่าหนีหรอกหรือ”

“เพราะตอนนั้นข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ยังไงล่ะ” กู่ฉิงซานตอบตามตรง

วิญญาณกรีดร้องก้าวมาข้างหน้าแล้วคำรามออกมา “เจ้าคิดว่าตอนนี้จะสามารถเอาชนะข้าได้งั้นหรือ”

กู่ฉิงซานตอบอย่างหนักแน่นว่า “เจ้าโดนผนึกพลังเอาไว้นะ”

เขาคว้ามือไปในความว่างเปล่าขณะถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพเอาไว้

จิตดาบพุ่งพล่าน

วิญญาณกรีดร้องถูกดึงดูดโดยดาบสองเล่มก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “กู่ฉิงซาน เจ้าไม่คู่ควรกับสิ่งประดิษฐ์วิญญาณสองเล่มนี้ เดิมพวกมันเป็นภารกิจของพวกข้า”

ตอนนี้จิตของกู่ฉิงซานขยับ จากนั้นเขากล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเดิมทีการหลอมดาบสองเล่มนี้เป็นแผนของเจ้า… เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกับดาบสองเล่มนี้”

วิญญาณกรีดร้องไม่ตอบ

กู่ฉิงซานกล่าวอีกครั้งว่า “คนแรกที่ได้อยู่บนมงกุฎแห่งดวงดาวเคยบอกข้าว่าดาบสองเล่มนี้คือดาบยาวที่ถูกหลอมขึ้นมาเพื่อจัดการสัตว์ประหลาดที่คุ้มกันก้นหุบเหว แต่ข้าไม่คิดว่าหลังจากเจ้าจะได้ดาบสองเล่มไปแล้วจะเอาไปจัดการกับหุบเหวเพียงอย่างเดียวหรอกนะ”

วิญญาณกรีดร้องพลันหัวเราะออกมา

“พูดมากแบบนี้ แสดงว่าคงวางแผนชั่วเอาไว้อีกแน่ๆ … แต่คนตายน่ะไม่จำเป็นต้องพูดมากหรอกนะ!”

มันพุ่งเข้าหากู่ฉิงซาน

เพียงพริบตา

กู่ฉิงซานทักทายอีกฝ่ายด้วยดาบ

ทุกสิ่งยังไม่ทันเริ่มขึ้น

ทั่วโลกก็พลันนิ่งสงัด

แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

“เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น”

“จงหยุดการต่อสู้เสีย ภารกิจหลักคือผ่านพ้นการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพให้เสร็จสิ้น”

“ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถละเมิดเจตจำนงของความโกลาหลหรือฆ่าคู่ต่อสู้ที่มีคุณสมบัติกลายเป็นเทพได้ เพราะพวกเจ้าจะต้องทำภารกิจหลักของความโกลาหลให้เสร็จสิ้น”

“ถ้าละเมิดกฎดังกล่าว พวกท่านจะขาดคุณสมบัติในการกลายเป็นเทพทันที”

ตัง!

ดาบสองเล่มปะทะเข้ากับหอก

คลื่นอากาศกระจายไปทุกทิศทาง

กู่ฉิงซานและวิญญาณกรีดร้องยืนนิ่ง

เย่เฟยหลีถือตะขอลืมเลือนวิญญาณเอาไว้ขณะส่งเสียวผิวปากโอ่อ่าออกมา ทำให้สัตว์ประหลาดสองตัวแข็งทื่อสักพัก

ปัง!

เสียงปืนดังมาจากไกลๆ

ผู้บำเพ็ญเพลิงถูกเล่นงานในเวลาเดียวกัน

แค่เพียงชั่วพริบตา ดาบยาวฟาดไปที่คอของมันจนทำให้เกิดแผลลึก

…กู่ฉิงซาน

นี่คือกู่ฉิงซาน!

เขายืนอยู่หลังผู้บำเพ็ญเพลิงพร้อมกับดาบเสียงคลื่นในมือ อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะสามารถตัดศีรษะของอีกฝ่ายได้แล้ว

ตัวอักษรสีเทาทั้งหมดแสดงขึ้นมา

กู่ฉิงซานหยุดนิ่ง

“ชิ ไม่ให้ฆ่างั้นหรือ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก” เขาถามอย่างเสียดาย

กู่ฉิงซานผู้ใช้ดาบสองเล่มปะทะกับวิญญาณกรีดร้องพลันกลายเป็นฉานนู่

ฉานนู่และวิญญาณกรีดร้องต่างก้าวถอยออกมา

ทุกคนไม่สู้กันอีก

ทุกคนมองข้อความสีเทาตรงหน้า

กู่ฉิงซาน จาหงยิงห่าวและเย่เฟยหลีเห็นภารกิจเดียวกันอยู่ตรงหน้า

“ท่านได้รับการยอมรับจากเย่หรูซีแล้ว”

“นางจะออกจากโลกนี้ไปพร้อมกับท่าน ตามหาเส้นทางพิเศษสำหรับความโกลาหลแล้วมุ่งสู่วิหารลับ”

“หากท่านอยากชนะการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ ท่านต้องพานางไปตามหาเส้นทางพิเศษนั่น”

“ท่านมีเวลาเพียงสามสิบนาที!”

“โปรดทราบว่านี่คือสามสิบนาทีที่จะตัดสินชัยชนะกับความพ่ายแพ้และยังเป็นช่วงเวลาสำคัญในยุคโกลาหล โปรดหยุดพัวพันกับคู่ต่อสู้ได้แล้ว”

ทั้งสามมองหน้ากัน

จู่ๆ ความโกลาหลปล่อยภารกิจที่คาดไม่ถึงออกมา

ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ

กู่ฉิงซานถามว่า “แล้วถ้าคู่ต่อสู้เข้ามาพัวพันกับพวกข้าล่ะ”

แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กชุดใหม่ปรากฏขึ้นมา

“ในการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ คู่ต่อสู้ของท่านก็ได้รับการทดสอบใหม่เช่นกัน พวกเขาจะไม่มาก้าวก่ายท่าน”

“จำให้ดี นี่คือการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ ความโกลาหลคือผู้มีอำนาจตัดสินมากที่สุด”

เย่เฟยหลีมองประโยคสุดท้ายจนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “นี่มันหมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าพวกเราต้องไม่สู้กับพวกมันที่นี่ พวกเราต้องทำตามกฎของการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ” จางหยิงห่าวตอบ

ความโกลาหลบอกว่าใครก็ตามที่สามารถทำได้ก็สามารถกลายเป็นเทพได้

ตอนนี้ ถ้าความโกลาหลโกรธขึ้นมา วิญญาณกรีดร้องจะยังเป็นเทพของยุคโกลาหลอยู่ดี

ถ้าเช่นนั้น มันก็ยังไม่สามารถถูกสังหารได้

“ช่างมันก่อน ไปกันเถอะ ถึงแม้มันจะกะทันหันไปหน่อย แต่ถ้าพวกเจ้าอยากฆ่าวิญญาณกรีดร้องก็ต้องถูกเตะออกจากการมีสิทธิ์กลายเป็นเทพก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว

ทั้งสี่คนมองวิญญาณกรีดร้องและผู้บำเพ็ญเพลิง

สัตว์ประหลาดสองตัวนี้ยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายกับกำลังรับภารกิจใหม่อยู่

วิญญาณกรีดร้องเบือนศีรษะหนี ไม่มองทั้งสี่คนอีก

จิตของกู่ฉิงซานขยับก่อนถามว่า “ความโกลาหล ภารกิจของพวกเขาคืออะไร”

“ช่วยท่านขัดขืนทุกการโจมตีที่เป็นไปได้” ความโกลาหลตอบ

กู่ฉิงซานประหลาดใจ

ไม่สงสัยเลยว่าตอนนี้วิญญาณกรีดร้องถึงไม่พูดอะไรสักคำ

วินาทีแรกจะสังหารศัตรูตรงหน้า แต่วินาทีต่อมากลับต้องช่วยเหลือ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับเลย

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ

ความผันผวนของจัมเปอร์ลดลงอย่างช้าๆ

ทั้งสี่คนยืนริมบนทะเล

กู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีมองเย่หรูซี

“ข้าเห็นคำอธิบายแล้ว นี่คือพลังของความโกลาหลหรือ”

เย่หรูซีจ้องความว่างเปล่าราวกับกำลังมองแถวตัวอักษร

นางครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นสถานี่ที่หน้าต่างระบบนี้พูดถึง เช่นนั้นพวกเราต้องทำสิ่งหนึ่งก่อนถึงจะสามารถไปได้”

“ทำอะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เย่หรูซีมองความว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลังแล้วตอบว่า “ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ มีเพียงดาบของเจ้าที่สามารถช่วยพวกเราได้”

กู่ฉิงซานถามว่า “ตอนเจ้ามองดาบก่อนหน้านี้ เจ้าสัมผัสพลังจากมันได้งั้นหรือ”

“ใช่ ข้ามีความสามารถมองเห็นพลังพิเศษของเทวภัณฑ์จากอากาศบาง ดาบของเจ้าสามารถแหวกทะเลได้ มันยังสามารถคลายผนึกของเทวภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องทะเลได้อีกด้วย” เย่หรูซีตอบ

“ผนึกหรือ” กู่ฉิงซานถาม

ความว่างเปล่าขยับ

ดาบเสียงคลื่นพุ่งออกมาอยู่ในมือของเขา

“ข้าควรทำยังไงบ้าง” กู่ฉิงซานถาม

“ไปทะเลกับข้า เปิดผนึกทะเลเพื่อปลดปล่อยพละกำลังของข้า” เย่หรูซีตอบ

ทั้งสามตกตะลึง

“เจ้าถูกผนึกไว้งั้นหรือ” จางหยิงห่าวถามด้วยความไม่อยากเชื่อ

เย่หรูซีเผยสีหน้ารำลึกถึงความทรงจำแล้วตอบว่า “ตอนข้าอายุห้าขวบ ข้าสามารถเรียกหาสิ่งเหล่านั้นที่เกินกว่าความเข้าใจมาได้”

“ยิ่งอายุมากขึ้น ความสามารถนี้ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งขึ้น”

“ตามการคำนวณของข้า เมื่อข้าอายุสิบปี สิ่งที่อัญเชิญมาจะทรงพลังยิ่งและทำลายโลกได้เมื่อมันเคลื่อนลงมา”

“ดังนั้นข้าจึงอธิษฐานเป็นเวลาสามวันสามคืน ในที่สุดก็อัญเชิญตัวตนพิเศษที่เวทนาในตัวข้าเป็นอย่างยิ่งได้”

“มันใช้วิชาผนึกพิเศษเพื่อผนึกพลังในร่างข้าไว้ในเทวภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องทะเล”

“มีเพียงวิธีนี้ที่สามารถทำให้ข้าใช้ชีวิตอย่างปกติได้ รวมถึงใช้พลังได้จำนวนหนึ่งจนไม่ทำให้โลกถูกทำลาย”

ทั้งสามฟังเงียบๆ

จางหยิงห่าวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วพึมพำว่า “หรือก็คือ พละกำลังในตอนนี้ของเจ้าเป็นเพียงพละกำลังหลังจากถูกผนึกเอาไว้อย่างนั้นสินะ”

“ใช่” เย่หรูซีตอบ

กู่ฉิงซานนึกถึงความทรงจำของอีกฝ่ายที่ได้เห็นมาอย่างละเอียด

ในตอนนั้น…

ตอนที่นางเรียกนิ้วทองแดงออกมาจนเมืองถูกถล่ม

ดูท่าจะเป็นช่วงหลังจากผ่านอายุสิบปีไปแล้ว

หรือก็คือ หลังจากถูกผนึกไป นางเคยอัญเชิญพลังแก่กล้าขนาดนั้นได้

ดังนั้น ถ้าผนึกคลายออก พลังที่นางครอบครองจะทรงพลังขนาดไหนกัน!

เย่หรูซีกล่าวต่อว่า “ทันทีที่พลังของข้าถูกคลายออก ข้าสามารถเปิดเส้นทางพิเศษไปสู่โลกแห่งหนึ่งจากอากาศบางได้ ดังนั้นพวกเราในตอนนี้จะต้องหาทางคลายมันให้ได้”

นางชี้ไปที่ทะเล

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ไปกันเถอะ ลงมือตอนนี้เลย”

เขาตวัดดาบเสียงคลื่น

ทะเลลดระดับลง

น้ำทะเลทั้งหมดไหลไปยังส่วนลึกของทะเล เผยให้เห็นก้นทะเลเปลือยเปล่าตรงหน้าสี่คน

สัตว์ประหลาดเหล่านั้นในทะเล เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเหนือธรรมชาติของดาบเสียงคลื่น พวกมันไม่สามารถออกจากขอบเขตของน้ำทะเลได้เลย ทำได้เพียงถูกปกคลุมอยู่ในคลื่นน้ำขณะถอยห่างออกไปไกลเรื่อยๆ

“ทางตะวันออก สามร้อยไมล์” เย่หรูซีกล่าว

……………………………………