webnovel

1190 เกมที่สาม!

ตอนที่ 1190 เกมที่สาม!

ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

มีเพียงความเละเทะ

นอกจากพวกกู่ฉิงซานสามคนแล้ว มีเพียงซากศพเจ็ดถึงแปดร่างกองอยู่ที่นี่

พวกเขาสามคนมองดูสักพัก จากนั้นเบือนหน้าหนีขณะมองข้อความแจ้งเตือนที่ยังคงปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าอย่างละเอียด

“เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เข้าใจผิด ความโกลาหลจะใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อแทรกตัวตนของท่านเข้าไปในห้วงเวลาและชะตากรรมของโลกใบนี้”

“ท่านคือยอดฝีมือในเมืองนี้ เพิ่งถูกปลุกขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้”

“คนธรรมดาอาจจะไม่รู้จักท่าน แต่ข้อมูลของท่านถูกควบคุมโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ระดับสูง พวกเขาจึงไม่สงสัยในตัวท่าน”

“อย่าลืมรักษาตัวตนของท่านและดำเนินการอย่างระมัดระวัง”

พวกเขาสามคนมองหน้ากัน

“ความโกลาหลกินพลังงานมากขนาดนี้เลย ภารกิจนี้ดูท่าจะยากนิดหน่อยแหะ” จางหยิงห่าวกล่าว

ติ๊ง!

ข้อความสีเทาปรากฏขึ้นอีกครั้ง แถวข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตาม

“ยุคโกลาหลยังมาถึงไม่สมบูรณ์ แต่เทพความโกลาหลธรรมชาติได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว นี่คือสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง”

“เพราะเหตุการณ์นี้สำคัญมาก ยุคโกลาหลจึงไม่สามารถระดมผู้คนได้ ไม่สามารถสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงได้ ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงพึ่งพวกท่านสามคนในการลงมืออย่างเงียบงัน”

“เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจของตัวตนอื่น พละกำลังของท่านจึงยังถูกจัดให้อยู่ในระดับปัจจุบัน”

“ความโกลาหลกำลังเพิ่มพลังให้ท่าน โปรดรอสามวินาที”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

“พลังพิเศษของท่านถูกคลายออกและอยู่ในสภาพใช้ได้ทั้งหมด”

“นับจากนี้ไป ของของท่านทั้งหมดจะได้รับพลังที่เพียงพอจนสามารถใช้ได้อีกครั้ง”

วิ้ง

ดาบยาวพุ่งออกมาก่อนหมุนรอบกู่ฉิงซานหลายครั้ง

“อืม จู่ๆ ข้าก็ตื่นขึ้นมาเฉยเลย” เสียงของลั่วปิงหลีดังขึ้น

ดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพตาออกมาจากความว่างเปล่า

ฉานนู่กล่าวอย่างมีความสุขว่า “เยี่ยมเลย ถ้าเจ้าอยู่ด้วย แรงกดดันบนตัวนายท่านในอนาคตจะน้อยลง”

“เกิดอะไรขึ้น” ลั่วปิงหลีถาม

ดาบบินสองเล่มกระซิบ ไม่ช้าก็หายไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง

จางหยิงห่าวสงสัย “ทำไมวิญญาณดาบของเจ้าล้วนเป็นผู้หญิงกันนะ”

วิ้ง! วิ้ง!

ดาบพิภพและดาบเสียงคลื่นพุ่งออกขณะล้อมคอของจางหยิงห่าวเอาไว้ด้วยความไม่เป็นมิตร

“อา ข้าผิดไปแล้ว กลายเป็นว่าเป็นชายบริสุทธิ์สองคนนี้เอง! เป็นวีรชนขนานแท้!” จางหยิงห่าวรีบกล่าว

ดาบบินสองเล่มบินกลับมาช้าๆ ก่อนหายไปในความว่างเปล่า

กู่ฉิงซานหัวเราะก่อนส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไร

เย่เฟยหลีกล่าวว่า “มีเมืองหลวงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางความโกลาหลแบบนี้ ดูท่าพวกเราต้องทุ่มสุดตัวแล้วล่ะนะ”

“ใช่ ถ้าอยากจะช่วยชีวิตให้ได้ก็ต้องทำแบบนั้นล่ะนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

จางหยิงห่าวแสดงสีหน้าซึ่งตรง ยื่นมือออกไปแล้วจั่วไพ่ในความว่างเปล่า ไม่ช้าเขาก็ได้ไพ่มาเต็มมือ

เย่เฟยหลียื่นหูฟัง

“วิญญาณกำลังกรีดร้อง ศัตรูทรงพลังมาก ครั้งนี้พวกเราต้องสู้” เขากล่าว

“ศัตรูคืออะไรหรือ?” กู่ฉิงซานถาม

เย่เฟยหลีฟังอยู่สักพักแล้วตอบว่า “ดูท่าจะเป็นภัยพิบัติทำลายล้างโลก มันสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นได้รับพลังใหม่และพัฒนาจิตใจได้ คนในโลกนี้เรียกมันว่าภัยพิบัติห้าธาตุ”

“ภัยพิบัติห้าธาตุ” กู่ฉิงซานพึมพำ

ก่อนเขาจะมีเวลาได้คิดอะไร แถวตัวอักษรสีเทาพลันผุดขึ้นตรงหน้า

“โปรดทราบว่าผู้ท้าทายนามกู่ฉิงซานได้ช่วยโลกมากมายและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเอาไว้ แต่เหตุการณ์นี้คือภารกิจลับและข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายของท่านโดยตรง ดังนั้นท่านต้องตามหาเทพแห่งความโกลาหลที่ยังไม่ตื่นขึ้นมา เป้าหมายหลักไม่ใช่การช่วยโลก”

กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เขาหยิบช็อกโกแลตบาร์มาจากชั้นวางซูเปอร์มาร์เก็ต เขาพูดขณะกินว่า “หยิงห่าว มาเริ่มตามหาเป้าหมายกันเถอะ”

จางหยิงห่าวยัดกองไพ่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตก่อนเอื้อมมือไปเคาะพื้น

แมวสีดำกระโดดออกมาอีกครั้ง

“เจ้าหนูน้อย ครั้งนี้พวกเราตามหาคนน่ะ” จางหยิงห่าวกล่าวอย่างนุ่มนวล

แมวสีดำหดตัวด้วยท่าทีลังเลก่อนส่งเสียงร้องว่า “เหมียวๆๆ! เหมียวๆ! เหมียวๆๆ! (ข้าอยากกินอะไรง่ายๆ น่ะ! เดี๋ยวนะ! นี่มันซูเปอร์มาร์เก็ตนี่!)”

มันวิ่งตรงไปที่ชั้นวาง ฉีกถุงปลาแห้งห่อหนึ่งแล้วกินเข้าไปอย่างมีความสุข

ทั้งสามมองหน้ากัน

ครั้งนี้ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

จางหยิงห่าวถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ดูท่าพวกเราต้องรออยู่ที่นี่สักพักแล้วล่ะ”

เย่เฟยหลีคว้าช็อกโกแลตบาร์มาอีกห่อ เขากล่าวขณะกินว่า “ดูจากสถานการณ์บนชั้นวางนี้แล้ว อาหารถือว่าอุดมสมบูรณ์เลย”

“ใช่ มีช็อกโกแลตให้กินเพียบเลย” จางหยิงห่าวจุดปล่องไฟ

“น่าจะเป็นกองกำลังของบัญญัติ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นวันสิ้นโลก อาหารและทรัพยากรจำนวนมากน่าจะหายากมาก” กู่ฉิงซานกล่าว

ขณะพวกเขาสามคนกำลังสนทนา สายตาได้เหลือบไปเห็นผู้ชายในชุดเครื่องแบบต่อสู้กำลังพุ่งเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อหาสถานที่ซ่อนตัวด้วยความแตกตื่น

พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะยังมีคนอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้หยิบปืนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” ทหารคนหนึ่งตะโกน

ทั้งสามคนสูบบุหรี่ คนที่ยังกินช็อกโกแลตก็ยังคงกินต่อไป

แมวสีดำฝังตัวเองอยู่ในกองปลาแห้งขณะกินอย่างมีความสุข

ไม่มีใครตอบเขา

ปังๆๆ !

ทหารยิงปืนออกไปอย่างไม่ลังเล

แสงสีแดงกลายเป็นกำแพงขณะตั้งตระหง่านตรงหน้าทั้งสามคน

กระสุนกระทบกับกำแพงแสงก่อนสะท้อนออกไป

เย่เฟยหลีขยับลูกตามองเล็กน้อย จากนั้นก็เบือนหนีอีกครั้ง

คนเหล่านี้อ่อนแอเกินไป

“ยอดฝีมือนี่ หนีเร็ว!”

พวกทหารอุทานก่อนพุ่งออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยความหวาดกลัว

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ตอนนี้เฟยหลีสมาธิดีมาก ทั้งที่สามารถเพิ่มพละกำลังได้อย่างง่ายดายจากการฆ่าแท้ๆ แต่เจ้ากลับไม่ลงมือเสียอย่างนั้น”

เย่เฟยหลียิ้มกว้าง “ปกติข้าไม่ชอบฆ่าคนน่ะ”

กู่ฉิงซานตกตะลึง เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แสนคุ้นเคยยิ่ง

ตึง! ตึง! ตึง!

พื้นเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับบางสิ่งถูกดึงดูดโดยคนเหล่านั้นขณะกำลังไล่ตามอีกฝ่ายไป

ไม่สงสัยเลยว่าคนเหล่านี้ถึงกดดันให้พวกกู่ฉิงซานออกไป

จากนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น

เกิดความเงียบใกล้กับซูเปอร์มาร์เก็ต

ตึง! ตึง! ตึงๆ !

แรงสั่นไหวค่อยๆ จางหายไป

ผ่านไปสักพัก

เขาเห็นชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบเหาะผ่านมา

“พวกเจ้ามาจากหน่วยไหน” ชายคนนั้นมองพวกเขาขณะถาม

พวกเขาสามคนมองอีกฝ่ายเช่นกัน

มีความผันผวนพลังพิเศษอยู่ในตัวคนคนนี้เหมือนกับเป็นคนพิเศษก็ไม่ปาน

แถวตัวอักษรขนาดเล็กสองสามแถวปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบความโกลาหล

“ระวังด้วย นี่คือผู้โหลดบัญญัติ”

“หน้าต่างระบบความโกลาหลของท่านกำลังจะถูกซ่อนและจะทำงานอีกครั้งหลังจกาภารกิจช่วยเหลือนี้สำเร็จ”

“คำอธิบาย: ความโกลาหลไม่หวาดกลัวบัญญัติ แต่ครั้งนี้พวกเราต้องระวังตัวเป็นพิเศษ”

“หมายเหตุพิเศษ: นี่คือเกมที่สามซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้าย หลังจากชนะแล้ว ท่านสามารถกลับโลกยักษ์พร้อมเทพแห่งความโกลาหลได้ นางจะเข้าร่วมกับท่านเพื่อช่วยต่อสู้กับศัตรู!”

หลังจากข้อความแสดงขึ้นมา หน้าต่างระบบส่งเสียง ‘ฟุ่บ’ ก่อนปิดตัวลงแล้วหายไปจากสายตาของทั้งสาม

“ข้าคิดว่า… ความโกลาหลระแวดระวังเกินไปหน่อยนะ” เย่เฟยหลีกล่าวผ่านการส่งคลื่นเสียง

“หมายความว่าเทพที่ยังไม่ตื่นขึ้นมาสำคัญกับมันมาก” กู่ฉิงซานคาดเดา

“สวัสดี พวกข้าเป็นพลเรือนน่ะ” จางหยิงห่าวโบกมือให้กับชายในชุดเครื่องแบบ

ผู้ชายหรี่ตาขณะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาออกมาแล้วกวาดมองไปที่ทั้งสามคน

เขามองแถวตัวอักษรจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้วพลันกล่าวว่า “เป็นยอดฝีมือในเมืองนี้ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาสินะ ตอนนี้ข้าขอประกาศว่าพวกเจ้าได้รับการคัดเลือกแล้ว จงตามข้าเพื่อไปขัดขืนภัยพิบัติห้าธาตุ”

“ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

ผู้ชายเผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา

คาดไม่ถึง อีกฝ่ายจะคุยง่ายขนาดนี้

แต่นี่คือเมืองของพวกเขา คือบ้านเกิดของพวกเขา การตอบสนองแบบนี้นับว่าปกติ

“ตอนนี้ถึงเวลาไปดูแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้” กู่ฉิงซานกล่าวกับพวกเขาสองคน

ทั้งสองคนเข้าใจ

จางหยิงห่าวหยิบปลาแห้งมาบางส่วนก่อนอุ้มแมวสีดำขึ้นมา

ทั้งสามคนเดินตามอีกฝ่ายไปข้างนอก

ในท้องนภา เครื่องบินรบและจุดแสงบางอย่างกำลังเข้าปะทะกันขณะโจมตีเป็นครั้งคราว พวกมันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

กองทัพมนุษย์บนพื้นพ่ายแพ้

ทหารหลบหนีด้วยความแตกตื่น

อาวุธหนักกับรถถังที่ถูกทำลายทั้งหมดกองอยู่บนพื้น

ผู้ชายไม่สนใจสิ่งพวกนี้ขณะนำพวกเขาสามคนไปสถานที่ที่มีการต่อสู้ดุเดือดที่สุด

“เทคโนโลยีล้าหลัง ไม่มีจักรกล ไม่อย่างนั้นพวกเรายังพอแสดงฝีมือได้”

จางหยิงห่าวกล่าวกับกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานพยักหน้าขณะดูซากศพของผู้ชายที่อยู่ข้างถนน คันธนูยาวและกระบอกใส่ลูกธนูตกอยู่ด้านข้างซากศพ

เห็นได้ชัดว่ามันคือโลกเทคโนโลยี แต่ยังมีคนที่ใช้อาวุธแบบนี้อยู่อีก เกรงว่าพลังของอาวุธชิ้นนี้คงจะไม่ได้แย่อะไร

กู่ฉิงซานหยิบคันธนูยาวและลูกธนูขึ้นมา

ครั้งที่แล้วในโลกเทียนจู โลกที่ไม่สมบูรณ์เหล่านั้นมอบทักษะการใช้ธนูที่ดีมาให้เขา

แต่เขาไม่มีโอกาสได้ใช้มัน

“เจ้าสามารถใช้คันธนูได้งั้นหรือ” ผู้ชายถาม

“เคยเรียนมาบ้างน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

“นี่คืออุปกรณ์ของนายพลอาวุโสของกองทัพ หลังจากการต่อสู้นี้จบลง อุปกรณ์เหล่านี้จะถูกส่งกลับไป” ผู้ชายกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

ทั้งสี่คนพลันมองไปข้างหน้าพร้อมกัน

เสียงทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเงียบสงัด

เหมือนกับคนที่วิ่งหนีมาตายกันหมดแล้ว

ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้น

พวกเขาเห็นสิงโตสามหัวออกมาจากมุมหนึ่งของถนน

ที่ใดที่มันเดินผ่าน พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กก็กลายเป็นทรายเหลือง

ทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

สิงโตตัวนี้สามารถเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของโลกได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการควบคุมห้าธาตุ

“ระวังด้วย มันคือราชาสิงโตทรายเหลือง สัตว์ประหลาดธาตุดินแห่งห้าธาตุ แข็งแกร่งมากเลยล่ะ” ผู้ชายกล่าวอย่างเคร่งขรึม

พลังแผ่ออกมาจากตัวเขาขณะหลอมรวมเป็นวิญญาณลมสีน้ำเงิน

“คุ้มกันข้า!” เขาตะโกน

“ได้เลย!” กู่ฉิงซานกล่าวไปทางสองคน

สิงโตพลันเปิดปากแล้วแผดเสียงคำรามเสียดแทงหูออกมา

“มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้น

ในเวลาเดียวกัน แสงสีแดงดับวูบลง

จางหยิงห่าวยิงเสร็จจึงเก็บปืนทั้งสองกระบอกกลับไป; เย่เฟยหลียังยืนกินช็อกโกแลตต่อ

เมื่อได้ยินเสียงหนักอึ้งดัง “ตึง” สิงโตล้มลงกับพื้น

ผู้ชายในชุดเครื่องแบบตกตะลึงขณะมองทั้งสองคน จากนั้นมองสิงโต

สิงโตแน่นิ่งอยู่บนพื้น

ผู้ชายก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

ดวงตาของสิงโตถูกกระสุนฝังเข้าไป ทั่วร่างยังสมบูรณ์ มีบาดแผลเรียบที่คอ มีเพียงผิวหนังเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังเชื่อมอยู่กับคอ ทำให้ศีรษะไม่ตกลงมา

หลังศีรษะของสิงโตเผยจุดที่โดนลูกธนูเล็กน้อย

ผู้ชายในชุดเครื่องแบบนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนมองกู่ฉิงซานด้วยความไม่อยากเชื่อ

“เจ้า…”

เขารู้ว่าอีกสองคนลงมือ แต่ลูกธนูพุ่งออกไปเมื่อไหร่!

กู่ฉิงซานก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “มันเปิดปากกว้างไปตอนพูดน่ะ”

ผู้ชายในชุดเครื่องแบบเงียบสักพักขณะชี้คันธนูในมือแล้วกล่าวว่า “คันธนูนี้เป็นของเจ้าแล้ว”

มีเสียงกรีดร้องด้วยความแตกตื่นจากข้างหน้า

“ไปกันเถอะ”

พวกเขาสี่คนก้าวไปบนทรายเหลืองที่กระจายไปตามพื้นขณะยังคงพุ่งไปข้างหน้า

หลังจากเดินผ่านถนนสองสาย พวกเขาเห็นอีกฉากหนึ่งทันที

งูยักษ์ยาวหลายร้อยเมตรขดอยู่บนตึกระฟ้าขณะมองมาทางมนุษย์

มันพ่นไอหมอกเย็นเยือกขณะแช่แข็งคนจำนวนมาก ทำให้คนเหล่านี้ค่อยๆ เสียชีวิตท่ามกลางความสิ้นหวัง

“ข้าในตอนนี้อยู่ระดับก่อตั้ง ทำให้บินไม่ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“เช่นนั้นข้าจะไปเอง”

จางหยิงห่าวหยิบไสนเปอร์ไรเฟิลเบาออกมาแล้วกล่าวว่า

เขากำลังจะเล็ง ทันใดนั้น เสียงเหมียวมาจากบ่าของเขา

“เหมียว!”

หลายคนมองแมวสีดำ

เขาเห็นว่าแมวสีดำพุงกางหลังจากกินเข้าไปขณะลูบท้องด้วยอุ้งเท้าข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง

..............................