webnovel

1180 รอยแยก

ตอนที่ 1180 รอยแยก

อีกฝั่งของทะเล

มีเกาะอยู่เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของเกาะ ทราย หิน ประเภทต้นไม้ พวกมันไม่แตกต่างจากเกาะขนาดเล็กที่พวกกู่ฉิงซานอยู่

ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เกาะร้างแห่งนี้เช่นกัน

นกทะเลบินผ่านที่นี่เป็นครั้งคราว

ตอนนี้ คนนอกสามคนกำลังยืนอยู่บนชายหาดของเกาะ

วิญญาณกรีดร้องที่มีใบหน้าชายหญิง

เทพแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยหนวดสีดำ

และซากศพเปลวเพลิงที่ถูกปกคลุมด้วยโซ่…ผู้บำเพ็ญเพลิง

พวกมันจ้องเรือไม้ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกัน

“ตามคำอธิบายของความโกลาหล ‘ตู้ยวี’ ลำนี้สามารถนั่งได้แค่สองคน” เทพแห่งชีวิตกล่าว

วิญญาณกรีดร้องจ้องมันด้วยสายตาพิเคราะห์สักพัก จากนั้นมองผู้บำเพ็ญเพลิง

“ไม่มีทางอื่นเลยหรือ”

มันถามบริวารสองคน

เทพแห่งชีวิตไม่กล่าวอะไร หนวดหลายร้อยเส้นบนร่างกลายเป็นภาพติดตาก่อนพุ่งไปยังใจกลางเกาะ

ต้นไม้ใหญ่ถูกมันฟันก่อนประกอบเป็นแพอย่างรวดเร็ว

“มา”

เทพแห่งชีวิตกระซิบ

แพลอยจากอากาศก่อนลงสู่ทะเล

เปรี้ยะ!

กระแสน้ำไหลมาจากทะเลก่อนทำลายแพจนสิ้น

…ดูท่าวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผล

ผู้บำเพ็ญเพลิงครุ่นคิด “ในเมื่อเรือลำนี้บรรทุกได้แค่สิ่งมีชีวิตสองคน ข้าคิดว่าข้าอาจจะมีทางอยู่”

“มีวิธีอะไรหรือ”

ผู้บำเพ็ญเพลิงตอบว่า “ข้าคือซากศพเปลวเพลิง สามารถเข้าสู่สภาพคนตายได้”

“มีเหตุผล ถ้าแบบนั้นเจ้าก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต” วิญญาณกรีดร้องกล่าวด้วยเสียงผู้ชาย

ผู้บำเพ็ญเพลิงเดินขึ้นไปนั่งบนเรือ

ทันใดนั้น เปลวเพลิงบนตัวมันมอดดับก่อนร่างล้มลงบนเรือไม้

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” วิญญาณกรีดร้องกล่าว

มันส่งสัญญาณเรียกวิญญาณกรีดร้องก่อนมุ่งไปที่เรือ

เรือไม้ไม่ขยับ

มีแถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นที่ท้ายเรือ

“เรือลำนี้อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตสองคนนั่งเท่านั้น ซากศพห้ามอยู่บนเรือลำนี้”

“อีกอย่าง ท่านยังไม่ได้ซ่อมเรือลำนี้”

“เมื่อทำตามเงื่อนไขแล้ว ‘ตู้ยวี’ จึงจะขยับ”

การซ่อมเรือเป็นเรื่องเล็กน้อย วิญญาณกรีดร้องไม่คิดมาก มันเลือกต้นไม้แบบสุ่มก่อนสับให้มีขนาดเท่าเรือแล้วมาประกอบในบริเวณที่เรือเสียหาย

แถวตัวอักษรเหล่านั้นพลันหายไป เหลือเพียงแถวแรกเท่านั้น

“เรือลำนี้อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตสองคนนั่งเท่านั้น ซากศพห้ามอยู่บนเรือลำนี้”

เรือยังคงไม่ขยับ

วิญญาณกรีดร้องพึมพำว่า “ท่อนที่ว่าให้สิ่งมีชีวิตสองคนนั่งเท่านั้นมีความหมายว่าต้องมีเพียงสิ่งมีชีวิตสองคนที่สามารถนั่งได้ ห้ามมีตัวตนอื่นนั่งอยู่บนเรือเลยสินะ”

“ข้ามีวิธีในการควบคุมธาตุน้ำอยู่ ลองผลักเรือดูดีกว่า” เทพแห่งชีวิตกล่าวและเตรียมจะลงมือ

“อย่า!”

วิญญาณกรีดร้องรีบห้ามก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า

“ทะเลเต็มไปด้วยพลังแปลกประหลาด ห้ามสัมผัสเด็ดขาด”

เทพแห่งชีวิตกล่าวว่า “ลองคิดอีกที อาจจะมีทางอื่นก็ได้”

เทพแห่งความโกลาหลทั้งสามกลับไปที่เกาะ

ผู้บำเพ็ญเพลิงพยายามเหาะ แต่ไม่นานหลังจากเหาะออกจากระยะเกาะ มันกระแทกกับพลังที่มองไม่เห็นจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

เทพแห่งชีวิตพยายามกลายเป็นไพ่…มันเคยศึกษาไพ่ของแม่นางเฮยไห่มาก่อน ทำให้เข้าใจความสามารถบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้

ทว่า มันก็ยังไม่ได้ผล

เรือไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว มีอีกประโยคถูกแสดงที่ท้ายเรือ “เรือลำนี้อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตสองคนนั่งเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ทำการเปลี่ยนสภาพเรือลำนี้”

เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน

เหลืออีกสิบนาที

…หลังจากผ่านไปสิบนาที วันสิ้นโลกจะมาเยือนเกาะ

วิญญาณกรีดร้องค่อยๆ หงุดหงิด

เสียงผู้หญิงเริ่มพูดออกมา

“ดูท่าต้องมีหนึ่งในพวกเจ้าที่นั่งเรือไปกับข้าได้เท่านั้น”

“เอาล่ะ พิสูจน์ต่อหน้าข้าสิว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน”

“ข้าจะให้บริวารที่แข็งแกร่งกว่าติดตามข้า”

เทพแห่งชีวิตและผู้บำเพ็ญเพลิงมองหน้ากัน

ตอนความโกลาหลอัญเชิญพวกมันมา พวกมันล้วนได้ยินคำสาบานของวิญญาณกรีดร้อง

“…ข้าต้องการบริวารอีกสองคนและเต็มใจมอบคุณสมบัติในการเป็นเทพให้เพื่อแลกกับการให้มาช่วยสู้กับข้า!”

อีกฝ่ายเป็นแค่มนุษย์สามคน

หรือก็คือ มีหนึ่งคนที่พละกำลังไม่ได้แย่ ส่วนพละกำลังอีกสองคนก็ธรรมดา

นี่คือการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพอย่างยิ่งใหญ่

หากในนาทีสุดท้ายมีบางอย่างเกิดกับวิญญาณกรีดร้อง

แหวนของเทพแห่งความโกลาหลที่แท้จริง

ไม้เท้าราชามังกรโกลาหล

ตำแหน่งเทพที่แท้จริง

…มีโอกาสจะได้สามสิ่งนี้เพียงแค่ลงมือครั้งเดียว!

ถ้าอยู่บนเกาะร้างก็จะไม่ได้อะไรนอกจากเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของวันสิ้นโลก

เทพแห่งชีวิตพลันกล่าวว่า “ถอยไปเสีย ผู้บำเพ็ญเพลิง ถึงแม้พละกำลังของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่า แต่เจ้าก็ยังห่างชั้นจากข้านัก”

ผู้บำเพ็ญเพลิงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ข้าไร้เทียมทานมาตั้งแต่ยุคโบราณ เจ้านั่นแหละที่ห่างชั้น!”

เทพแห่งชีวิตผงะ

มันจ้องตรงไปที่อีกฝ่ายก่อนกล่าวเสียงต่ำว่า “ไร้เทียมทานหรือ แม้กระทั่งขยะที่โลกนั้นเจ้ายังไม่กล้ายั่วยุ แบบนี้ยังกล้าเรียกว่าไร้เทียมทานอีกหรือ”

เทพสององค์พลันหายไป

ตูม!

พวกมันกระแทกใส่กันอย่างรุนแรง

คลื่นอากาศที่มองไม่เห็นระเบิดในท้องนภา พัดพาหมู่เมฆทั้งหมดออกไป

ทั่วเกาะพังทลายทันทีภายใต้แรงปะทะของผู้บำเพ็ญเพลิงและเทพแห่งชีวิตก่อนค่อยๆ จมสู่ทะเล

วิญญาณกรีดร้องต้องกระโดดขึ้นตู้ยวี

“อย่าสู้กันอีก ข้ารู้ความแตกต่างของพละกำลังของพวกเจ้าทั้งสองแล้ว” มันกล่าวเสียงดัง

ผู้บำเพ็ญเพลิงและเทพแห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้น

พวกมันยืนอยู่บนหินสองสามก้อนที่ยังไม่จมลงไปขณะมองวิญญาณกรีดร้องพร้อมกัน

“เทพแห่งชีวิต พละกำลังของเจ้าไม่ธรรมดาก็จริง แต่ยังมีปัญหาใหญ่หลวงอยู่ข้อหนึ่ง”

วิญญาณกรีดร้องยืนอยู่บนเรืออย่างวางตัว

“เจ้ากลัวตายเกินไป”

“ต่อให้ในช่วงวิกฤติที่สุดอย่างการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ ทันทีที่เจ้าสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติจนคุกคามชีวิต เจ้าจะหาทางเอาตัวรอดก่อนแทนที่จะฆ่าศัตรู”

“ดังนั้นเจ้าต้องอยู่”

เทพแห่งชีวิตยืนนิ่ง

ผู้บำเพ็ญเพลิงหัวเราะใส่ท้องนภาก่อนกระโดดเล็กน้อยจนมาอยู่บนเรือ

มันหันมามองเทพแห่งชีวิตด้วยสายตาหยอกล้อแล้วกล่าวว่า “ลาก่อน เทพผู้กลัวความตาย ข้าเคยได้ยินมาว่าเทพที่แท้จริงหลบหนีตอนโลกภายในถูกทำลายก่อนไปซ่อนในความว่างเปล่า ในสถานที่ลับนี้ มันมีชีวิตด้วยการกินลูกหลานของตัวเองมานานหลายปี”

“…ขยะชิ้นนั้นเป็นเจ้าเองหรอกหรือ”

เมื่อเทพแห่งชีวิตได้ยินดังนั้น กลิ่นอายของมันพลันขยับ

มันหงุดหงิดก่อนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งว่า

“บัดซบ! เจ้ามันก็แค่ซากศพ ยังกล้ามาต่อปากต่อคำกับข้าอีก!”

หนวดสีดำหลายพันเส้นยื่นออกมาจากด้านหลังก่อนจะเตรียมแทงผู้บำเพ็ญเพลิงโดยไม่คำนึกถึงผลที่จะตามมา

“หยุด!” วิญญาณกรีดร้องตะโกนอย่างรุนแรง

เทพแห่งชีวิตตกตะลึงขณะมองวิญญาณกรีดร้อง

“เมื่อครู่ซากศพนี้มันดูถูกข้านะ” มันชี้ไปที่ผู้บำเพ็ญเพลิง

วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะมีปัญหาอะไรกับมันหรือไม่ ตอนนี้มันคือบริวารของข้า มันจะต้องไปกับข้าเพื่อพบกับการทดสอบครั้งต่อไป”

“ไม่ว่าเจ้าจะให้ความร่วมมือหรือไม่ ไม่ว่าเจ้าจะทำลายเรือจนพังหรือเปล่า แต่ข้าอยากให้เจ้าตาย”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ เทพแห่งชีวิตอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ใช่แล้ว วิญญาณกรีดร้องในตอนนี้ต้องการความสามารถของผู้บำเพ็ญเพลิง

พวกมันลงเรือลำเดียวกัน

ไม่สงสัยเลยว่าตราบที่มันกล้าลงมือ วิญญาณกรีดร้องจะร่วมมือกับผู้บำเพ็ญเพลิงเพื่อสังหารมันทันที

กลิ่นอายของเทพแห่งชีวิตเพิ่มขึ้นหลายเท่า ท้ายที่สุดก็สงบลงอย่างช้าๆ

มันไม่กล้าขยับอีก

แน่นอนว่าชีวิตของมันสำคัญกว่าการระบายโทสะ

…ผู้บำเพ็ญเพลิงอยู่ในระดับเดียวกับมัน อาจจะดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ

พละกำลังของวิญญาณกรีดร้องพัฒนาขึ้นทุกวัน

ยุคโกลาหลกำลังพัฒนาพละกำลังอย่างต่อเนื่อง

แบบนี้ หากสองตัวตนร่วมมือกัน มันก็มีแต่เจอกับความตาย

เทพแห่งชีวิตยืนนิ่ง ไม่ขยับ

มันมองเรือเร่งความเร็วช้าๆ แม้จะออกจากเกาะไประยะหนึ่งแล้ว มันยังไม่กล้าขยับ

ในที่สุดวิญญาณกรีดร้องหันมองกลับมาที่เทพแห่งชีวิตแล้วกล่าวว่า “เจ้าอยู่ที่นี่นั่นแหละ ตราบที่เจ้าสามารถต้านทานวันสิ้นโลกได้ เจ้าจะถูกเคลื่อนย้ายพริบตากลับความโกลาหล”

“…ยังไงก็ตาม เจ้าเอาตัวรอดเก่งที่สุดอยู่แล้วนี่”

ผู้บำเพ็ญเพลิงกล่าวว่า “ใช่ หน้าที่นี้นับว่าเหมาะกับเจ้าทีเดียว”

เรือค่อยๆ แล่นออกไปไกล

จนกระทั่งเรือหายไปไกลแล้ว เทพแห่งชีวิตจึงแผดเสียงคำรามดังลั่นออกมา

“สารเลว วิญญาณกรีดร้อง เจ้าจะต้องล้มเหลว!”

“หากไม่มีข้า ความโกลาหลจะทอดทิ้งเจ้าอย่างแน่นอน ผู้บำเพ็ญเพลิงจะแย่งชิงทุกสิ่งเกี่ยวกับเจ้าไป!”

“นับจากนี้ไป ข้าจะไม่ฟังคำสั่งของเจ้าแล้ว”

“ข้าคือผู้เดียวที่จงรักภักดีต่อความโกลาหล!”

หลังจากสบถหลายคำ เทพแห่งชีวิตพลันหยุดนิ่ง

มีสีหน้าหวาดกลัวอยู่บนหน้าของมัน

เวลาหมดลงแล้ว

ในท้องนภา มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนลงมาช้าๆ

…เจตจำนงความตายไม่มีสิ้นสุดกำลังกระจายตัว

วันสิ้นโลกกำลังมา!

..............................