webnovel

1119 สุดขอบพรมแดนนภายามค่ำ

ตอนที่ 1119 สุดขอบพรมแดนนภายามค่ำ

ผู้ชายล้มลงกับพื้น โลหิตไหลอาบจากคอ หน้ากากภูตผีชั่วร้ายบนใบหน้ากลายเป็นจุดแสงสว่างนับไม่ถ้วนทันทีก่อนสลายไปกับสายลม

หน้าตาของเขาธรรมดามาก มีรอยแผลอยู่ที่ใบหน้า

ถ้าไม่ใช่เพราะรอยแผลเป็นเด่นชัดก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับคนคนนี้

กู่ฉิงซานส่ายหน้า หยิบดาบพิภพและไม้เท้าราชาภูตผีจองจำออกมา

ไม้เท้าแทงหน้าอกของผู้ชายโดยตรง

สลายวิญญาณ ทำงาน!

ขณะที่ไม่มีอะไรมาขัด เสียงเคี้ยวเล็กน้อยดังมาจากไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ

กู่ฉิงซานรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย

ของที่อีกฝ่ายมีแข็งแกร่งเกินไป เขาจึงต้องระแวดระวังให้มาก อย่างแรกคือเปิดโลกคู่ขนานด้วยวิชาความฝันเสมือนคู่ขนานก่อนลากอีกฝ่ายเข้าไป

สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกคู่ขนานไม่ถึงกับเกิดขึ้นในโลกจริง

กู่ฉิงซานใช้พลังอสนีบาตเหนือธรรมชาติ “สะเทือนฝัน” กับ “ทางเลือกสวรรค์” จากดาบศักดิ์สิทธิ์

“สะเทือนฝัน” แช่แข็งอีกฝ่าย ส่วน “ทางเลือกสวรรค์”

“ทางเลือกสวรรค์: เมื่อโจมตีใส่ตัวตนหนึ่ง ท่านสามารถเพิ่มการโจมตีเดียวกันได้สาม หกหรือเก้าครั้งได้ในทันที”

ตะเกียบทองคำสามารถต้านทานการโจมตีได้เพียงสามครั้ง เป็นธรรมดาที่มันจะถูกทะลวง

ตอนนี้แม้กระทั่งวิญญาณที่ต้องจัดการก็ถูกทำลาย กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาได้รับชัยชนะจริง ๆ

…ไม่สิ ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง

กู่ฉิงซานพลันหันศีรษะขณะมองตะเกียบทองคำหนึ่งคู่

ตะเกียบทองคำลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาแต่โดยดีโดยไม่ขยับไปไหน

กู่ฉิงซานขมวดคิ้วด้วยความคาดไม่ถึง

“เจ้าอยากยอมรับให้ข้าเป็นเจ้านายหรือ” เขาถาม

ตะเกียบทองคำลอยขึ้นลง เป็นสัญญาณเชิงพยักหน้า

กู่ฉิงซานครุ่นคิด

“เอาเถอะ เจ้าทรงพลัง เป็นอาวุธเหตุและผล แน่นอนว่าข้าเต็มใจยอมรับเจ้า”

ขณะกู่ฉิงซานกล่าว เขาพลันฟาดดาบใส่อย่างไม่ลังเล

ตะเกียบทองคำลอยขึ้นก่อนพุ่งใส่ด้านหน้าเขา

ตัง!

เสียงปะทะคมชัดกระจายไปทั่ว

หลังสิ้นเสียงนี้ก็ไม่มีเสียงอะไรอีก

เกิดความเงียบ

กู่ฉิงซานมองตะเกียบทองคำ

ตะเกียบทองคำรับดาบยาวเอาไว้มั่น

ตะเกียบหนึ่งคู่ธรรมดาถึงกับทรงพลังกว่าที่ชายคนนั้นใช้เมื่อครู่ มันสามารถเทียบเท่ากับกับผู้ใช้ดาบอย่างกู่ฉิงซานได้

ช่างเป็นสมบัติที่ดีนัก!

กู่ฉิงซานหันสายตาไปมองข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ปรากฏบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ต้องใช้พลังวิญญาณสามล้านแต้มเพื่อฆ่าสิ่งนี้ด้วยการตัดสินใจของพิภพ”

…ไม่สามารถสังหารได้

พลังวิญญาณสามล้านแต้ม ไม่สามารถสังหารได้ ฟุ่มเฟือยเกินไป

กู่ฉิงซานถือดาบด้วยมือข้างหนึ่งและถือตะเกียบทองคำไว้ด้วยมืออีกข้างก่อนตำหนิว่า “เจ้ามีทัศนคติต่อการยอมรับเทพแบบนี้หรือ”

ตะเกียบทองคำตอบอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฟ่อ ๆๆ ฟ่อ ๆๆๆ !”

กู่ฉิงซานจนใจเล็กน้อย

ตะเกียบตอบว่าเขาลงมือก่อน ที่ตะเกียบทำลงไปเป็นเพียงการป้องกันตัวเท่านั้น

ที่จริง หนึ่งคนกับหนึ่งตะเกียบลงมือแทบจะพร้อมกัน

แต่อีกฝ่ายทำตัวหน้าไม่อายเช่นกัน ไม่อย่างนั้น กู่ฉิงซานไม่มีทางลงมือแน่นอน

เขาไม่เคยนำอุปกรณ์บันทึกภาพออกมาตอนที่สู้มาก่อน

ในอนาคต…คงต้องมีติดไว้สักชิ้นแล้วล่ะ

กู่ฉิงซานทบทวนความคิดก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตะเกียบ เจ้าอยากเป็นอาวุธของข้าจริง ๆ ไม่ว่าจะมั่งคั่งหรือยาจก ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยามที่ข้าต้องการเจ้ามากที่สุด เจ้าสามารถอยู่เคียงข้างโดยไม่ทอดทิ้งตราบชั่วชีวิตได้หรือไม่”

ตะเกียบสั่นไหวราวกับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

ในที่สุด มันเอาปลายตะเกียบเคาะแล้วกล่าวว่า “ฟ่อ!”

นี่หมายถึงตกลง

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ หลับตาลงแล้วสาบานว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกัน”

ตัง!

ดาบยาวปะทะกับตะเกียบอีกครั้ง

การโจมตีของตะเกียบรุนแรงยิ่ง กู่ฉิงซานถือดาบพิภพไว้เพื่อขัดขืนมันด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

“ฟ่อ ๆๆๆ !” ตะเกียบกล่าวเสียงดั

“เหลวไหล ครั้งนี้เจ้าเริ่มก่อนนะ” กู่ฉิงซานกล่าวเสียงดังเช่นกัน “ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถหยุดได้ แต่ถ้าอยากเป็นอาวุธของข้าก็ให้ข้าฟันวิชาเจ็ดถึงแปดวิชานั่นออกจากร่างของเจ้าก่อนสิ”

ตะเกียบทองคำนิ่ง คล้ายกับลังเล

กู่ฉิงซานจ้องมันอย่างขุ่นเคือง

ที่จริง ตามที่ชายคนนั้นว่า ตะเกียบทองคำคือสมบัตินายท่านของเขามอบให้

จะต้องมีวิชาจำนวนไม่มีสิ้นสุดอยู่บนอาวุธภูตผีชั่วร้ายนี้แน่ มันถึงขั้นครอบครองพลังที่กู่ฉิงซานไม่เข้าใจ

กู่ฉิงซานไม่กล้าที่จะรับมาสุ่มสี่สุ่มห้า

ด้วยการขยับจิต ดาบศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกจากความว่างเปล่า

ขณะถือตะเกียบเอาไว้ กู่ฉิงซานกล่าวว่า “พวกเราต้องผ่านพิธีนี้หากอยากให้ยอมรับในฐานะเจ้านายของอาวุธ มา ยอมให้ข้าใช้ดาบยาวฟัน จะได้มั่นใจว่าไม่เกิดอันตรายอะไรกับเจ้า”

ทันทีที่กล่าวจบ ดาบศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นประกายดาบเย็นเยือกฟาดฟันจากด้านหลังของตะเกียบด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี!

ตอนนี้ตะเกียบทองคำไม่สามารถรับมือได้อีกแล้ว

ยังไงเสีย มันก็ไม่มีเจ้าของอยู่แล้ว จะหาทางรับมือหนึ่งคนกับสองดาบได้อย่างไร

เพียงชั่วพริบตา ตะเกียบทองคำกระแทกเข้าไปในความว่างเปล่าดัง “ฟิ่ว” ก่อนหายไป

กู่ฉิงซานโล่งอก

เขากล่าวกับตัวเองว่า “ตะเกียบคู่นั้นช่างร้ายกาจจริง ๆ … พลังของโลกภูตผีชั่วร้ายนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ข้าไม่อยากแตะต้องมันเลยจริง ๆ ”

เพียงหนึ่งอึดใจ

กู่ฉิงซานเหาะออกจากศาลาที่ยังเหลืออยู่ขณะยืนอยู่เหนือทะเลหมู่เมฆ

ตอนนี้ อาณาจักรนภายามค่ำถูกทำลายจนเกือบทั้งหมดแล้ว เขาจะรอดจากภัยพิบัตินี้ได้อย่างไร

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก ดวงตาของเขาจับจ้องศาลาที่ยังเหลืออยู่

นี่คือสิ่งปลูกสร้างสุดท้ายที่เหลืออยู่ในอาณาจักรนภายามค่ำ

หรือว่าการพังทลายกับภัยพิบัติจะจบสิ้นแล้ว

กู่ฉิงซานกำลังจะฟันใส่ศาลาที่เหลืออยู่ด้วยดาบ ทันใดนั้นก็หยุดนิ่งอีกครั้ง

มีเสียงวิงวอนดังขึ้นในหูของเขา

กู่ฉิงซานฟังสักพักก่อนเข้าใจ

ศาลาที่เหลืออยู่คือสิ่งปลูกสร้างสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ในอาณาจักรนภายามค่ำ

เจตจำนงที่ยังคงอยู่ของโลกนภายามค่ำยังคงอยู่ที่นี่

สิ่งที่พูดกับเขาคือเจตจำนงที่ยังคงอยู่ของอาณาจักรนภายามค่ำ

หากกู่ฉิงซานทำลายศาลาที่เหลืออยู่ โลกใบนี้จะถูกทำลายจนสิ้น เจตจำนงเดิมที่ยังคงอยู่จะหายไป

ดังนั้นมันจึงออกมาขอร้อง

กู่ฉิงซานสัมผัสถึงมันเงียบ ๆ

หลังจากผ่านพ้นการสังเวยโลกอย่างเป็นทางการ เขาได้รับความสามารถมา

นั่นคือความสามารถธรรมชาติในการสื่อสารกับโลกทั้งหมดจนเกิดความใกล้ชิด

สิ่งนี้ทำให้เขาตัดสินได้ว่าอีกฝ่ายคือเจตจำนงที่ยังคงอยู่ของโลก

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้วางแผนจะทิ้งโลกใบนี้ให้วิญญาณชั่วร้ายอยู่แล้ว เจ้าต้องติดตามข้าหรือไม่ก็หาทางออกไปด้วยวิธีอื่น”

เสียงในหูของเขาดูวิตก

กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดีมาก มีอาณาจักรหนึ่งอยู่ในเนตรของข้า รวมถึงเจตจำนงของโลกที่ยังหลงเหลืออยู่อีกแห่ง เจ้าจะมาเป็นสหายร่วมทางก็ได้”

เขาจับจ้องไปยังศาลาที่ยังเหลืออยู่ก่อนใช้งานวิชาเนตร

ทันใดนั้น ศาลาที่ยังเหลืออยู่หายไป

ในฐานะผู้แบกรับเจตจำนงที่คงอยู่ของโลก มันถูกรวมด้วยวิชาเนตรของกู่ฉิงซาน

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“วิชาโลกของท่านประกอบด้วยกฎเกณฑ์ของโลกภายใน พลังแห่งความโกลาหล ดิน น้ำ ไฟ ลม ดาบ และ วิชาเนตร รวมถึงพรจากแหล่งกำเนิดพลังโลก ตอนนี้ แหล่งกำเนิดโลกของท่านได้เพิ่มขึ้น”

“โลกที่ถูกสร้างโดยวิชาเนตรของท่านจะสมจริงและมั่นคงมากยิ่งขึ้น”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ถ้าสมจริงและมั่นคงมากยิ่งขึ้นมันจะดียังไงหรือ”

“เท่าที่ดู ตอนนี้ข้ายังไม่รู้เหมือนกัน” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

กู่ฉิงซานเห็นว่าค่าพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของเขาขยับ เขาถูกหักไปสองร้อยแต้ม

แถวหิ่งห้อยจำนวนมากปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“เนื่องจากท่านได้รับอาณาจักรนภายามค่ำที่เหลืออยู่ ภัยพิบัตินภายามค่ำของท่านจึงสิ้นสุดลง”

“ท่านสามารถเสร็จสิ้นภัยพิบัตินี้ได้ทุกเมื่อ”

“หน้าต่างระบบนี้จะช่วยให้ท่านกลับสู่โลกดั้งเดิมเอง”

“เมื่อกลับสู่โลกดั้งเดิม ท่านจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำอย่างเป็นทางการ”

กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยผ่านพลังวิญญาณที่ลดไปเมื่อครู่แล้วยอมตัดใจทั้งที่โกรธอยู่

เป็นเรื่องธรรมดาที่จะกลับไปหลังจากผ่านภัยพิบัติแล้วไม่ใช่หรือ

โดยปกติแล้ว กฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีจะส่งผู้ฝึกยุทธ์กลับเองนี่

แต่กู่ฉิงซานไม่กล้าถาม

หนึ่งคำถามจะทำให้พลังวิญญาณหายไป

ช่างเถอะ กลับไปก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องอื่นดีกว่า

กู่ฉิงซานตัดสินใจและกำลังจะกลับ แต่ทันใดนั้น เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้

เขาก้มมองทะเลหมู่เมฆ

ในทะเลหมู่เมฆ ผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนถูกเถาวัลย์พันขณะหลับอยู่ในความฝันอันแสนสุข

ตามที่ชายคนนั้นพูดเมื่อครู่ นี่คือดินแดนที่เป็นของนายท่านเพื่อกอบโกยผลประโยชน์

หรือก็คือ ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้คือ “พืชผล” ของนายท่านของเขา

ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่

กู่ฉิงซานเงียบสักพักก่อนพลันถอนหายใจออกมา “พวกเจ้าล้วนเห็นแก่ได้ น่าเวทนาและน่ารังเกียจ”

“อีกอย่าง การทำลายแหล่งเงินก็เหมือนกับการฆ่าครอบครัว ข้าไม่ควรให้การช่วยเหลือ”

“แต่สำหรับสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าบาปที่พวกเจ้าก่อจะเป็นยังไง ต่อให้ต้องตกขุมนรกที่สิบแปดก็ต้องมีสักวันที่กลับมา แต่ยังไงก็ไม่สามารถรักษาวิญญาณเอาไว้ได้”

“เอาเถอะ ข้าจะช่วยพวกเจ้าสักครั้ง หวังว่าในอนาคตจะพยายามทำดีบ้าง”

สายลมยาวพัดผ่าน ทะเลหมู่เมฆแยกออก

เถาวัลย์ทั้งหมดกลายเป็นธุลีก่อนลอยไปตามสายลม

โดยไม่รอให้ผู้ฝึกยุทธ์ได้สติ กู่ฉิงซานหายไปจากความว่างเปล่าเพียงอึดใจเดียว

..............................