ตอนที่ 1107 การต่อสู้ของเทพกำลังมา!
นี่คือสถานที่รกร้างในมุมหนึ่งของทางเดินลับ
ป้อมปราการสงครามสุดท้ายของจักรวรรดิดาราตั้งอยู่ในความมืดอย่างเงียบงัน
เป็นเวลาหลายร้อยล้านปีที่พื้นผิวถูกปกคลุมด้วยฝุ่นจนกลมกลืนไปกับพื้นหินรอบข้างอย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้คนนับพันกำลังลอยอยู่ในท้องนภา
พวกเขาก้มมองลงมา
หลานซิ่ว กู่เหยียนและฉ่าเฉียงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของป้อมปราการ
มีผู้ฝึกยุทธ์สามพันคนอยู่บนท้องนภา
ในด้านจำนวน นี่คือการต่อสู้ระหว่างสามพันต่อหนึ่งร้อย
ภูตเหล่านั้นกำลังอยู่ในระหว่างการหลอมเทวภัณฑ์ ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมสงครามอยู่แล้ว
“รายงาน…นายท่านซุย ไม่พบการซุ่มโจมตีรอบข้าง”
“นายท่าน ไม่มีสัญญาณการทำงานของป้อมปราการฝั่งเทคโนโลยี ตามบันทึกก่อนหน้านี้และการสังเกตการณ์ล่าสุด ยังไม่มีหนทางในการเข้าสู่สถานที่นี้”
ผู้ฝึกยุทธ์สองคนเหาะขึ้นมาขณะรายงานผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำ
นายท่านซุยสวมเกราะฝั่งฝึกยุทธ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย
เขามองยานอวกาศ
ยานอวกาศเคลื่อนออกมาห่างจากป้อมปราการเป็นระยะไกล มันอยู่ในสภาพเสียหายหนัก
…ดูท่าคนเหล่านี้จะไม่สามารถหลบหนีได้
“ไป ฆ่าพวกมันให้หมด จากนั้นพวกเราจะจับวิญญาณของภูต”
นายท่านซุยกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ขอรับ นายท่าน”
ผู้ฝึกยุทธ์พุ่งออกจากความมืด พวกเขาสวมเกราะก่อนดิ่งลงไปหาป้อมปราการขนาดใหญ่
ท่ามกลางความเงียบสงัด ความมืดก่อตัวมากยิ่งขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ดิ่งลงไปในความมืดไม่ได้ผ่านมันจนเข้าใกล้ป้อมปราการ แต่ทุกคนกลับหลงทางอยู่ในความมืด
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องหลายสิบเสียงก็ดังขึ้น
“ไม่ มีบางสิ่งเกินกว่าที่พวกเราคาดคิด!”
นายท่านซุยตะโกนด้วยเสียงคมปลาบ
ด้วยการสะบัดมือของเขา ผู้ฝึกยุทธ์ยี่สิบคนที่อยู่ด้านหลังล้วนยื่นมือออกมา
วิชาผสาน: ขยายจิตวิญญาณ!
นี่คือการรวมวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดเพื่อตรวจจับบางสิ่งที่มองไม่เห็น
“นายท่าน ข้าเห็นแล้ว มันคือปลาหมึกยักษ์!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งรายงานเสียงดัง
“จริงด้วย ไม่สงสัยเลยว่าพวกเราถูกฆ่าไปหลายสิบคนในคราวเดียว!”
นายท่านซุยกัดฟันก่อนหยิบม้วนยันต์ออกมาแล้วโยนออกไป
เขาผสานมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
การหยิบยืมกฎเกณฑ์ของยมโลก อธิษฐานให้เทพจุติ!
ฟู่…
ยันต์พลันติดไฟ เผาไหม้ความว่างเปล่าตรงหน้าเขา
ตัวอักษรลึกลับบนยันต์ห้อมล้อมความว่างเปล่าที่แตกสลาย พวกมันรวมตัวในความว่างเปล่าก่อนสั่นไหวในฉับพลัน
วิชาอัญเชิญเทพเสร็จสิ้น!
อีกด้าน
เศษเสี้ยวโลกของยมโลก
ผู้หญิงชุดดำโยนขวดสุราออกไป มันตกลงพื้นจนเกิดเสียงแตกร้าว
“ข้าจะใส่คำพูดที่นี่และวันนี้ เทพของฝั่งพวกเราห้ามตอบรับคำอธิษฐาน ห้ามไปที่ทางเดินลับนั่น”
ผู้หญิงชุดขาวกล่าวด้วยเสียงดังก้องว่า “ใช่ ๆ ถ้ากล้าไปล่ะก็ อย่าหาว่าพี่สาวอย่างพวกข้าไม่สนใจไยดีต่อความรักในอดีตซะล่ะ”
ตรงข้ามสองสาว ภูตผีและเทพเจ็ดถึงแปดตนที่มีรูปร่างแตกต่างกันนั่งอยู่ทั้งสองฝั่งของโต๊ะ พวกเขาต่างมองหน้ากัน
“สองพี่น้อง ต่อให้พวกข้าไม่ไป ภูตผีและเทพตนอื่นก็ต้องไปอยู่ดี” ภูตผีตนหนึ่งกล่าวอย่างจนใจ
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาไป ยังไงฝั่งพวกเราจะไม่เข้าร่วม”
ผู้หญิงชุดดำยักคิ้ว
“แต่พวกข้าต้องรู้เหตุผล” ภูตผีอีกตนกล่าว
ผู้หญิงชุดดำก้าวมาข้างหน้าแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายก่อนกล่าวว่า “เจ้ามันไม่ได้รู้อะไรเลย ดีแต่พูดไปเรื่อย สงบปากสงบคำไม่เป็นหรือไง”
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปพร้อมกัน
“เอ่อ…มีใครบางคนตอบรับคำอธิษฐานไปแล้ว”
“เป็นเทพฝั่งประตูนรก ดูท่าสองตนนั้นที่รีบไปต่อสู้จะฝีมือดีทีเดียว”
“สองตนนั้นเป็นพวกที่โหดเหี้ยม เกรงว่าพวกเขาจะกระหายเลือดมากด้วย”
ภูตผีและเทพต่างพากันพูดพล่าม
ผู้หญิงชุดดำและผู้หญิงชุดขาวมองหน้ากันก่อนเห็นความกังวลในแววตาของอีกฝ่าย
ราชาภูตผี…พวกข้าช่วยได้แค่นี้จริง ๆ …
…
เหนือป้อมปราการเหล็กกล้า
ความว่างเปล่าพลันแยกออกไปทั้งสองฝั่ง
ในแสงหมองหม่น สองร่างปรากฏขึ้น
เป็นชายร่างผอม
กับชายร่างกำยำที่มีสองเขา
“มีเครื่องสังเวยอะไรเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกข้าหรือไม่” ชายร่างกำยำถามอย่างเกียจคร้าน
นายท่านซุยตอบด้วยความเคารพว่า “พวกท่านโปรดวางใจได้ พวกข้าจะต้องจัดตามมาตรฐานสูงสุดอย่างแน่นอน”
ชายร่างผอมและชายร่างกำยำเผยความพึงพอใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้ นายท่านซุยรีบชี้ไปยังความมืดที่อยู่ด้านล่างก่อนอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
ทั้งสองมองความมืดที่อยู่ด้านล่าง
พวกเขาตรวจสอบอย่างละเอียด…ราวกับมองเห็นสิ่งนั้นผ่านความมืด
“ดูเหมือนจะเป็นสัตว์ประหลาดในตำนาน แต่พลังกลับอ่อนแอเกินไป คงเป็นแค่ลูกหลานนั่นแหละ” ชายร่างกำยำกล่าว
“อืม ดูท่าจะเป็นสัตว์ประหลาดท้องทะเลจากฝั่งเวทมนตร์ ข้าฝากเจ้าจัดการด้วยแล้วกัน” ชายร่างกำยำกล่าวพร้อมกับกอดอก
“แล้วเจ้าล่ะ”
ชายร่างผอมหยิบมีดหัวม้าออกมาก่อนถามอย่างไม่ใส่ใจ
ชายร่างกำยำยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “เพื่อประหยัดเวลาน่ะ พวกฝูงสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยที่อยู่ข้างล่างนั่นข้าจะเป็นคนส่งพวกมันไปประตูภูตผีเอง”
“แล้ววิญญาณของพวกมัน…” ชายร่างผอมกล่าว
“เจ้าต้องการวิญญาณที่สมบูรณ์หรืออยากให้ข้าฉีกครึ่งวิญญาณพวกมันแล้วค่อยเอามาแบ่งล่ะ” ชายร่างกำยำถามอย่างจริงจัง
“ยังไงก็ได้ เอาที่เจ้าสบายก็แล้วกัน”
ชายร่างผอมกล่าวจบก็ถือมีดยาวขึ้นมา จากนั้นพุ่งไปข้างล่างแล้วพลันหายไป
ในวินาทีต่อมา แสงหมองหม่นพุ่งเข้าไปในความมืด เผยให้เห็นปลาหมึกยักษ์ที่ซ่อนอยู่
“อู…”
ปลาหมึกยักษ์ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดยิ่งออกมา
ดูท่ามันจะบาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อครู่
มันยื่นหนวดเจ็ดถึงแปดเส้นออกไปเพื่อร่ายรำอย่างบ้าคลั่งในความว่างเปล่า พวกมันส่งเวทมนตร์ธาตุจำนวนมากโจมตีเข้าใส่ชายร่างผอม
ขณะหลบ ชายร่างผอมกวัดแกว่งมีดในอากาศขณะขว้างมีดสีเหลืองอ่อนออกไป
ชายร่างกำยำมองดูก่อนหยุดให้ความสนใจ
ร่างของเขาวาดเป็นเส้นโค้ง ข้ามหนึ่งคนหนึ่งสัตว์ประหลาดที่กำลังต่อสู้กันอยู่ก่อนตกลงไปราวกระสุนปืนใหญ่บนชั้นนอกของป้อมปราการเหล็กกล้า
เมื่อเขายืนขึ้น ทั่วร่างของเขากลายเป็นยักษ์สูงหลายสิบเมตร
เขายาวหนึ่งคู่บนศีรษะพลันส่งเสียง
อีกด้าน ถึงแม้พวกหลานซิ่วเตรียมพร้อมที่จะสู้อยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเจอการต่อสู้เช่นนี้
“บัดซบ! ข้าขยับไม่ได้!” กู่เหยียนกล่าวเสียงดัง
“ข้าก็ไม่ได้เหมือนกัน!” หลานซิ่วกล่าว
ฉ่าเฉียงหมดสติไปแล้ว
“พวกฝูงแมลงสินะ ข้าขอนับหน่อยซิ”
หลังจากชายร่างกำยำนับกลุ่มคนแล้ว เขาหันไปมองซากยานอวกาศแล้วกล่าวว่า “ยังมีอีกสองคนอยู่ในนั้น แล้วก็หนึ่งศพ…”
“เอาเถอะ เมื่อข้าค่อย ๆ ดึงวิญญาณออกมา พวกเจ้าจะประทับใจกับความน่ากลัวของความเป็นความตาย” ชายร่างกำยำพึมพำ
ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงจากเขายาวบนศีรษะยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ช้าก็ปกคลุมทั่วพื้นผิวของป้อมปราการ
ภูตเหล่านั้นไม่สามารถขยับได้เช่นกัน
ชายร่างกำยำก้าวไปข้างหน้าก้าวแล้วก้าวเล่า มือคว้าศีรษะตนหนึ่งไว้ ปากกัดศีรษะ กระชากมันออกมาก่อนเทซากศพไร้ศีรษะเข้าปาก
โลหิตกระเซ็น
ร่างโปร่งแสงหลุดออกจากซากศพก่อนตกลงไปในปากของเขา
ชายร่างกำยำเคี้ยวช้า ๆ
“เอาเถอะ…วิญญาณสิ้นหวังที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด ทุกครั้งที่ดิ้นรน มันก็จะกระตุ้นต่อมรับรสของข้า”
ผ่านไปหลายอึดใจ
ชายร่างกำยำหยุดเคี้ยวก่อนลำคอขยับ
ตรงข้ามเขา ทุกคนยังไม่สามารถขยับได้
ทุกคนตกอยู่ในความกลัวยิ่ง
…นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้ ทำได้เพียงถูกอีกฝ่ายกินเท่านั้น!
ในท้องนภา ผู้ฝึกยุทธ์แซ่ซุยครุ่นคิดสักพักก่อนโบกมือ
“นายท่าน” ลูกน้องถามด้วยความสงสัย
“เจ้าโง่ เจ้าไม่เคยเห็นเทพกำลังกินหรือไง เทพไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว หากคนของพวกเราลงไป มีหวังได้ถูกกินไปสองสามคนแน่” ผู้ฝึกยุทธ์แซ่ซุยพึมพำ
ที่ป้อมปราการ ชายร่างกำยำคว้าชายคนที่สองก่อนส่งเข้าปาก
ชายคนนั้นหวาดกลัว แต่เขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้น ลำแสงร้อนแรงส่องผ่านความมืด
ชายร่างกำยำถูกซัดจนกลิ้งไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ลึกเข้าไปในท้องนภาทันที
“รอดแล้ว!”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนรีบหันมองรอบข้าง
แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือยานอวกาศดารา
ชิ้นส่วนที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดถูกประกอบขึ้นใหม่ การปลอมแปลงสิ้นสุดลง มันกลายเป็นยานอวกาศลำใหม่เอี่ยม
ซูเสวี่ยเอ้อร์คลิกตัวควบคุมยานอวกาศด้วยมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นข้างหลังนาง
“ซูเสวี่ยเอ้อร์ อีกฝ่ายสังเกตเห็นศพของกู่ฉิงซานแล้ว เรื่องนี้รับมือยาก ท่านต้องขัดขืนมัน ส่วนอุปกรณ์ต้านทานเสียงดังกล่าว ข้าจะสร้างขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย”
ลูกบาศก์เงินเชื่อมต่อกับดาบปลายปืนของตัวประมวลผลยานอวกาศ มันใช้ตัวประมวลผลเพื่อควบคุมแขนหุ่นยนต์ซ่อมบำรุงสองข้างมาแปลงชิ้นส่วนชุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้” ซูเสวี่ยเอ้อร์รีบตอบ
สีแดงเจิดจ้าพลันปรากฏบนจอแสง
ซูเสวี่ยเอ้อร์ตะโกนว่า “ยิงเต็มกำลัง!”
ช่องโจมตีทั้งหมดบนยานอวกาศเปิดออก อุปกรณ์โจมตีนานาชนิดถูกยิงออกไปอย่างเต็มกำลัง
ตัง ๆๆๆๆ !
ตูม!
ชายร่างกำยำเพิ่งล้มลงไป แต่เขากลับกระเด็นเพราะการยิงจากยานอวกาศ
“ไอ้ของขยะจากฝั่งเทคโนโลยี…ทำให้ข้าเจ็บปวดไม่ได้ด้วยซ้ำ” ชายร่างกำยำยิ้มกว้าง
ในยานอวกาศ ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวเสียงดังว่า “ข้าทำได้เพียงถ่วงเวลาเท่านั้น เจ้าสามารถสร้างสิ่งที่ต้านทานเสียงนั่นได้จริงหรือ”
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังมาจากลูกบาศก์เงิน “แน่นอนว่าทำได้ แต่ต้องมีชิ้นส่วนภายนอกสองสามชิ้น ขอเวลาข้าอีกสองนาที!”
ความเร็วของแขนหุ่นยนต์สองข้างเร่งจนถึงขีดสุดจนซูเสวี่ยเอ้อร์ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของพวกมันได้อย่างชัดเจน
ครั้งนี้แสงสีแดงบนจอพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
…ชายร่างกำยำเคลื่อนลงมาอีกครั้ง!
ซูเสวี่ยเอ้อร์กัดฟัน เปิดเบรกมือที่ซ่อนอยู่ในคอนโซลแล้วดึงอย่างรุนแรง
“เอาเถอะ เจ้ามาจากเทพธิดาแห่งความยุติธรรม ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง!”
คำเตือนพลันปรากฏบนจอแสงของยานอวกาศ
“อุปกรณ์ทั้งหมดเข้าสู่สถานะโจมตีเกินพิกัด มันจะถูกทำลายหลังจากผ่านไปเจ็ดวินาที”
“ยิงอีก!” ซูเสวี่ยเอ้อร์ตะโกน
เปลวไฟลามไปทั่วท้องนภา
ท่ามกลางเสียงการยิงที่โหยหวน ชายร่างกำยำพุ่งลงมาหลายครั้งขณะปัดป้องออกไป
หนึ่ง
สอง
สาม
…
เจ็ดวินาที
ชายร่างกำยำพุ่งลงมาอีกครั้ง!
ซูเสวี่ยเอ้อร์สะบัดมือเพื่อขว้างไพ่สีโลหิตออกไป
ในความว่างเปล่านอกยานอวกาศ ค้อนยักษ์สีโลหิตพลันปรากฏขึ้นก่อนกระแทกใส่ชายร่างกำยำ
ใบหน้าของชายร่างกำยำเปลี่ยนไป
“อะ…”
ตูม!
เขาถูกกระแทกจากค้อนโดยไม่ทันตั้งตัวจนกระเด็นออกมา
“ฮ่า ๆๆ เจ้าหัววัว ทำไมวันนี้เจ้าสู้แมลงไม่ได้เลยล่ะ” ชายร่างผอมหัวเราะเสียงดัง
เขาไม่คล้ายกับกังวลแม้แต่นิดเดียว
ชายร่างกำยำประคองร่างให้มันคงในอากาศ
เขาสัมผัสจมูก
เลือด
นี่ข้าเลือดไหลหรือ
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าจะต้องตายที่นี่ด้วยวิธีที่น่าเวทนาที่สุด” ชายร่างกำยำคำรามก่อนพุ่งลงมา
เขาเผชิญหน้ากับดาบโลหิตที่เพิ่งเปลี่ยนรูปลักษณ์ก่อนโดนฟาดจนฝังลึกเข้าไปในกำแพงท้องนภา
ดาบโลหิตวูบไหว ทันใดนั้น มันกลายเป็นไพ่ก่อนหายไป
“โอ๊ะ!” ซูเสวี่ยเอ้อร์อุทานเสียงหลง
จุดอ่อนเดียวของไพ่ใบนี้คือระยะห่าง มันไม่สามารถแยกจากนางได้เกินห้าร้อยเมตร ไม่อย่างนั้นมันจะใช้งานไม่ได้
ชายร่างกำยำยืนขึ้นในอากาศก่อนเคลื่อนลงมาช้า ๆ
ตูม!
ชั้นนอกของป้อมปราการเหล็กกล้าสั่นไหวเล็กน้อย
ร่างสูงหลายสิบเมตรของเขายืนอยู่บนป้อมปราการราวกับเทพไม่ก็ปีศาจ
ชายร่างกำยำคำรามออกมา “เอาสิ จะทำอะไรก็ทำ ไอ้ขยะ!”
วิ้ง…
เขาสั่นไหวอีกครั้ง
“เหอะ ขยับไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ”
เขายิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“ข้าคิดไว้หลายสิบวิธีเพื่อให้แน่ใจว่าท้ายที่สุดแล้ววิญญาณของเจ้าจะไม่หลงเหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว”
ชายร่างกำยำเดินเข้าหายานอวกาศก้าวแล้วก้าวเล่า
ซูเสวี่ยเอ้อร์ยืนอยู่ในห้องควบคุมยานอวกาศ ไม่สามารถขยับได้
แถวตัวอักษรขนาดเล็กแสดงบนจอแสง
“ระบบการยิงทั้งหมดได้รับความเสียหาย”
“ขอแนะนำให้คนขับหนีทันที!”
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองมือตัวเอง
…ไพ่ไม่ปรากฏขึ้นมา
ตอนนี้ นางเสียทุกสิ่งที่คอยสนับสนุนแล้ว
“อีกนานเท่าไหร่” นางถามลูกบาศก์เงิน
ลูกบาศก์เงินพลันระเบิดเสียงผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้นออกมา “เอาล่ะ! ข้าสามารถต้านทานมันได้แล้ว ตอนนี้ท่านสามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน ก็แหงล่ะ ระดับข้าซะอย่าง…”
ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง
เสียงผู้หญิงตอบสนองทันทีก่อนกลายเป็นเสียงอิเล็กทรอนิกส์หมองหม่น
“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ท่านคือความหวังสุดท้ายของกู่ฉิงซาน ท่านต้องยื้อสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้เพื่อรอให้กู่ฉิงซานกลับมา!”
นางเห็นว่าลูกบาศก์เงินรวบรวมชิ้นส่วนขนาดเล็กจำนวนมากบนแท่นวิจัยและพัฒนา จากนั้นลอยขึ้นในอากาศจนกลายเป็นที่คาดผมสีเงิน
ที่คาดผมตกลงมาอยู่ในมือของซูเสวี่ยเอ้อร์
นางสามารถขยับได้ทันที
“แค่สวมมันไว้หรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม
“ใช่ ข้าสามารถปกป้องสมองของท่านไม่ให้ถูกควบคุมโดยด้วยแรงสั่นไหวได้… แต่ว่าท่านมีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งต่อไปหรือเปล่า” เสียงอิเล็กทรอนิกส์ถาม
“ไม่ แต่ข้าสามารถรับปากอย่างหนึ่งได้”
“อะไร”
ซูเสวี่ยเอ้อร์นิ่งก่อนกระซิบแผ่วเบาว่า “ตราบที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาแตะต้องฉิงซานเด็ดขาด”
นางมัดที่คาดผมไว้หลังศีรษะจนเป็นผมหางม้า จากนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ
“ข้าไปล่ะ!”
นางตะโกนเสียงดัง
นอกยานอวกาศ
ชายร่างกำยำรู้สึกได้เล็กน้อยก่อนพลันหยุดนิ่ง
ยานอวกาศดาราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นยักษ์เหล็กกล้าสูงหลายสิบเมตรก่อนลุกขึ้นยืนจากพื้น
เทียบกับยักษ์เหล็กกล้าตัวนี้ ความสูงของมันนับว่าไม่เลว
ทันทีที่ยักษ์เหล็กกล้ายืนขึ้น มันแผดเสียงคำรามยาวหนักออกมา
“มา… สู้กัน…!”
ยักษ์ก้าวยาวเข้าหาชายร่างกำยำ!
..............................