webnovel

1106 พวกยมโลกกำลังมา!

ตอนที่ 1106 พวกยมโลกกำลังมา!

นี่คือตำแหน่งหลักในยานอวกาศ

ไม่ว่ายานอวกาศจะกลายเป็นรถไฟเหล็กกล้าหรือเกราะศึกเคลื่อนที่ หรือแม้กระทั่งตอนยานอวกาศถูกยิงตก มันยังมีระบบป้องกันชีวิตพิเศษที่สามารถรับรองความปลอดภัยของผู้ขับในระดับสูงสุดได้

พื้นที่นี่ถึงกับแคบมาก

หลังจากวางกู่ฉิงซานลงแล้ว ซูเสวี่ยเอ้อร์ทำได้เพียงนั่งบนพื้นอยู่ด้านข้างเท่านั้น

“ทำไมเจ้ายังไม่กลับมา”

นางพึมพำอย่างวิตก

หลังจากรอสักพัก ซูเสวี่ยเอ้อร์ไม่สามารถอดทนได้ขณะมองกู่ฉิงซานอีกครั้ง

กู่ฉิงซานหลับตา ไม่มีการตอบรับ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจ ความวิตกในใจเพิ่มมากขึ้น

ทันใดนั้น แสงบนคอนโซลด้านนอกกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า สัญญาณเตือนดังขึ้น

“โปรดทราบ ตรวจจับความผันผวนชีวิตสามพันจุด ตรวจจับคลื่นสมองในจำนวนที่เท่ากัน อีกฝ่ายกำลังเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว!”

“เบื้องต้นตัดสินว่าเป็นศัตรู”

“ในห้านาที อีกฝ่ายจะมาถึงที่ป้อมปราการเหล็กกล้า”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยืนขึ้นทันทีขณะเดินไปยังคอนโซลด้านนอกเพื่อเปิดจอแสง

จุดจำนวนมากปรากฏบนจอขณะเคลื่อนไหวมาทางป้อมปราการอย่างรวดเร็ว

“ดำเนินการวิเคราะห์เป้าหมายที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้า”

“รับทราบ ทำการวิเคราะห์”

“หลังจากวิเคราะห์แล้ว อีกฝ่ายคือนักรบทางฝั่งฝึกฝน คลื่นสมองเต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะสู้ ความเป็นไปได้ที่จะซุ่มโจมตีฝั่งพวกเราคือแปดสิบเอ็ดจุดหกสามเก้าเปอร์เซ็นต์”

“แสดงชั้นนอกของป้อมปราการ” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

ภาพบนจอแสงเปลี่ยนไป

นางเห็นหลานซิ่ว กู่เหยียนและพวกฉ่าเฉียงกำลังนำคนมาจัดค่ายบนพื้นผิวเหล็กกล้าของป้อมปราการ

เหล่าภูตอยู่อีกด้าน

พวกเขาคือร่างวิญญาณ ซูเสวี่ยเอ้อร์มองเห็นเพียงไม้เท้าส่องแสงในมือพวกเขา ดังนั้นนางไม่รู้ว่าเหล่าภูตกำลังทำอะไรอยู่

ซูเสวี่ยเอ้อร์เปิดลำโพงยานอวกาศแล้วกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “โปรดทราบว่าเมื่อครู่ยานอวกาศตรวจพบศัตรู พวกมันกำลังใกล้เข้ามา จะมาถึงในอีกห้านาที”

ฉ่าเฉียงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “อีกฝั่งมีกี่คน”

“สามพันคน!”

หลานซิ่ว กู่เหยียนและฉ่าเฉียงมองหน้ากัน

“ดูท่าจะหมดหวังแล้วสินะ” หานซิ่วกล่าว

กู่เหยียนกล่าวว่า “โชคยังดี ข้ามีประสบการณ์กับเรื่องนี้มาก พลังเปลวเพลิงของพวกข้าถูกใช้เพื่อการทำลายล้างเสมอ”

ฉ่าเฉียงกล่าวว่า “หรือข้าจะขู่ให้พวกมันกลัวดี แต่สามพันคนหรือ เกรงว่าพวกมันคงไม่กลัวง่ายๆ แน่ ข้าคงต้องออมพละกำลังเอาไว้สู้บ้าง”

ตอนนี้ แสงไฟขนาดเล็กหลายร้อยกลุ่มลอยมาจากเหล่าภูตก่อนมาอยู่ตรงหน้าทุกคน

“พวกข้ากำลังใช้ไม้วิเศษที่กู่ฉิงซานทิ้งไว้ให้เพื่อหลอมเทวภัณฑ์วิเศษด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี”

หลังจากทุกคนอ่านจบ แถวเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“ดังนั้นพวกข้าจะช่วยไม่ได้สักพัก ต้องให้พวกเจ้าช่วยถ่วงเวลาหน่อย”

แสงไฟยังคงเปลี่ยนไป

“แต่อย่าเพิ่งท้อแท้ วัตถุดิบการหลอมที่พวกข้าสั่งสมมาหลายปีสามารถใช้ได้เป็นครั้งสุดท้าย นี่คือไพ่ก้นหีบของพวกข้า คราวนี้ถึงเวลางัดออกมาใช้แล้ว”

แสงไฟลอยกลับไป

ทว่าเปลวไฟทั้งหมดรวมตัวกันจนก่อเกิดเป็นรูปลักษณ์ของชายชราเครายาว

ชายชราเปิดปากขณะพ่นสายลมออกมา ดูเหมือนกับกำลังท่องคาถายาวเหยียด

“บาลาฉ่า! มาดื่มชายามบ่ายกับพวกข้าสิ!”

ความว่างเปล่าเปิดออก

ร่างสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนลงมาอย่างนุ่มนวล มันบินข้ามป้อมปราการอย่างเงียบงันก่อนลอยอยู่ด้านบน

ทุกคนประหลาดใจ

ชายชรากล่าวว่า “ข้าจะช่วยพวกเจ้าสู้และจะเร่งความเร็วในการหลอมเทวภัณฑ์ โปรดพยายามถ่วงเวลาให้พวกข้าด้วย”

เขาหรี่ตามองร่างขนาดใหญ่ จากนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจุดแสงสว่างนับไม่ถ้วนที่ง่วนอยู่กับการหลอมอีกครั้ง

“นี่มัน… จากตำนาน…” ฉ่าเฉียงมองสัตว์ประหลาดด้วยความไม่มั่นใจ

“ใช่ เจ้าสิ่งนั้นคือพาหนะของบรรพบุรุษภูต ไม่คิดเลยว่ามันจะปรากฏตัวขึ้น” กู่เหยียนกล่าว

หลานซิ่วมองอยู่นานก่อนพลันถอนหายใจออกมา “ปลาหมึกวิเศษ สิ่งมีชีวิตในตำนานลี้ลับ เทพสักการะของภูต กลายเป็นว่าที่ภูตเหล่านี้สามารถอยู่รอดในทางเดินลับได้เป็นเพราะสิ่งนั้น”

ในยานอวกาศ ซูเสวี่ยเอ้อร์มองจอแสงด้วยความเข้าใจ

“ทำการรวบรวมข้อมูล เริ่มวิเคราะห์พละกำลัง ทำการเปรียบเทียบกับศัตรูหลังจากวิเคราะห์ด้วย” นางสั่ง

“รับทราบ”

แถวตัวเลขปรากฏขึ้นบนจอแสงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเกือบหนึ่งนาที

“เพราะวัตถุดิบในการร่ายไม่เพียงพอ ปลาหมึกวิเศษจึงจุติลงมาไม่สมบูรณ์”

“ทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบตามข้อมูลประวัติศาสตร์”

“การจุติในครั้งนี้ พลังของปลาหมึกวิเศษเท่ากับเก้าจุดสามเปอร์เซ็นต์ของยุคทองเท่านั้น”

“ดังนั้น ผลลัพธ์จึงเป็นดังนี้”

“ศัตรูจะทำลายตำแหน่งของพวกเราได้ในเจ็ดนาทีเก้าวินาที”

“พวกเราทั้งหมดจะตายในการต่อสู้”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

กลายเป็นว่ามีจุดจบเช่นนั้น

“ใช่ นั่นแหละคือจุดจบ”

ทันใดนั้น เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น

“นั่นใคร!” ซูเสวี่ยเอ้อร์ตะโกน

นางหันไปเห็นว่าเสียงมาจากร่างของกู่ฉิงซาน

ซูเสวี่ยเอ้อร์วิตกขึ้นมาแล้วถามด้วยเสียงคมปลาบว่า “เจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงอยู่ในร่างของกู่ฉิงซานได้”

นางเห็นลูกบาศก์สีเงินไหลซึมออกจากแขนของกู่ฉิงซานอย่างช้าๆ

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าคืออุปกรณ์เทคโนโลยีเหนือกาลอวกาศที่ถูกเทพธิดาแห่งความยุติธรรมส่งมา ทำหน้าที่สนับสนุนการต่อสู้ให้ท่านกู่ฉิงซานเป็นพิเศษ”

ในที่สุดซูเสวี่ยเอ้อร์ก็ผ่อนคลายเล็กน้อย

กู่ฉิงซานเคยบอกนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้กระทั่งการทำศัลยกรรมพลาสติกเล็กน้อยของกู่ฉิงซานก็มาจากสิ่งนี้

แสงไฟจำนวนหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากลูกบาศก์สีเงิน มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น

เสียงอิเล็กทรอนิกส์กล่าวว่า “ซูเสวี่ยเอ้อร์ ข้าขอบอกท่านอย่างเป็นทางการว่าจุดจบสงครามคือหายนะ ท่านจะต้องหนี”

“หนีหรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามด้วยความสับสน

“ใช่ ท่านกู่ฉิงซานรับไม่ได้ที่จะทนดูท่านตายที่นี่ ดังนั้นข้าจึงทำหน้าที่ปกป้องท่านแทนเขา”

เสียงอิเล็กทรอนิกส์กล่าวต่อว่า “คำสาปที่ปกคลุมทั่วทางเดินลับหายไปสิ้นแล้ว ข้าจะใช้การก้าวพริบตาระยะไกลมากเพื่อส่งท่านให้พ้นจากจุดอันตราย”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามทันทีว่า “แล้วกู่ฉิงซานล่ะ”

หลังจากเงียบไป เสียงอิเล็กทรอนิกส์พลันดังขึ้นอีกครั้ง “น่าเสียดาย พลังที่อยู่ในอุปกรณ์นี้ทำการสุ่มเคลื่อนย้ายได้อีกครั้งเดียวเท่านั้น ท่านกู่ฉิงซานอยู่ในสภาพคนตาย การสุ่มเคลื่อนย้ายยังอันตราย ดังนั้นโอกาสที่เหลืออยู่จึงเป็นท่าน”

“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ท่านเพียงต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเอง ท่านกู่ฉิงซานจะยังคงหลับใหลอยู่ในระบบป้องกันชีวิตของยานอวกาศจนกว่าวิญญาณจะกลับมา”

ซูเสวี่ยเอ้อร์พลันส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ พวกเราไม่รู้ว่าศัตรูมีพลังแบบไหน ข้าจะต้องอยู่คุ้มกันเขา”

“แต่ท่านจะตายที่นี่นะ” เสียงอิเล็กทรอนิกส์กล่าว

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองจอแสงแล้วสั่งว่า “โปรดคำนวณดัชนีชัยชนะของทั้งสองฝั่งหลังจากข้าเข้าร่วมที”

มีการเคลื่อนไหวบางอย่างบนจอแสง เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น

“หลังจากคำนวณแล้ว หากผู้ใช้ไพ่ซูเสวี่ยเอ้อร์เข้าร่วมสงคราม ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้ยังเท่ากับสมาชิกทุกคนตายอยู่ดี แค่ระยะเวลาสงครามจะลากยาวออกไปอีกสี่สิบห้าวินาที”

ซูเสวี่ยเอ้อร์เงียบ

ลูกบาศก์สีเงินส่งเสียงอิเล็กทรอนิกส์อีกครั้ง “ซูเสวี่ยเอ้อร์ ท่านต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของท่านจะดับสูญที่นี่”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไม่มีวันทิ้งฉิงซานเอาไว้ที่นี่”

“ยิ่งกว่านั้น การคำนวณนี้อิงจากการวิเคราะห์พละกำลังความผันผวนของร่างกายจากร่างชีวิตแต่ละร่าง ที่จริง สำหรับสงครามนั้น นอกจากพละกำลังแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือกลยุทธ์”

นางเริ่มทำงานอย่างต่อเนื่องบนยานอวกาศ

“เริ่มติดตั้งแผนลอบโจมตี”

“แต่ละระบบเข้าสู่สภาพซ่อนเร้น เตรียมพร้อมลอบโจมตีด้วยพลังสูงสุด”

เสียงแจ้งเตือนดังมาจากจอแสง “คำเตือนการลอบโจมตีนี้จะถูกตั้งค่าให้ครอบคลุมจนถึงการโจมตีเต็มกำลัง หลังจากการลอบโจมตีสิ้นสุดลงแล้ว ระบบการยิงทั้งหมดจะเข้าสู่สภาพพักฟื้นชั่วคราว”

“ดำเนินการ!” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวอย่างหนักแน่น

“รับทราบ”

ตามคำสั่งของซูเสวี่ยเอ้อร์ ยานอวกาศทั้งลำค่อยๆ หายไปจากพื้นผิวป้อมปราการ ทำให้มองไม่เห็นอีก

นางตัดสินใจทำเหมือนกับปลาหมึกวิเศษ

ซ่อนตัวลอบโจมตี

หลังจากทำทั้งหมดนี้ ซูเสวี่ยเอ้อร์กลับไปห้องที่กู่ฉิงซานอยู่

นางก้าวอย่างแผ่วเบาก่อนแตะที่ใบหน้าของกู่ฉิงซาน

“ฉิงซาน วางใจได้ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

หลังจากพูดจบ นางนั่งลงข้างกู่ฉิงซาน หลับตาลงและอดที่จะกระซิบออกมาไม่ได้

นางกำลังอ่านวิชายุทธ์ที่กู่ฉิงซานมอบให้

กู่ฉิงซานบอกว่าวิชายุทธ์นี้อ่านตอนไหนก็ได้ สามารถสัมผัสได้ทุกเวลา

ซูเสวี่ยเอ้อร์เชื่อว่าเขาไม่ได้โกหกนาง

เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน

ในความมืดอันโดดเดี่ยว เสียงที่สั่นสะเทือนรอบข้างพลันดังขึ้น

“เจ้าหัวขโมย กล้ามาทำให้ราชาสวรรค์ขุ่นเคืองเช่นนี้ อย่าหวังว่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกได้อีกเลย”

“เข้าไป อย่าให้หนีไปได้ ฆ่าพวกมันให้หมด!”

ตูม!

มีเสียงดังอึกทึกสะเทือนปฐพี

สงครามเริ่มขึ้นแล้ว!

………………………………….