webnovel

1096 งูแฝดขาวดำ

ตอนที่ 1096 งูแฝดขาวดำ

ในความมืดไร้พรมแดน กู่ฉิงซานยังคงเหาะต่อไป

บางครั้ง เพื่อเร่งความเร็ว เขาจะก้าวพริบตาเพื่อก้าวให้ได้ระยะไกลในคราวเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่กล้าใช้มากนัก

ก่อนใช้สกิลเทพของอสุราเพื่อฟันสามดาบรวด ทั้งร่างกายและจิตใจสูญเสียพลังไปอย่างหนักจนไม่สามารถฟื้นคืนได้ในทันที

ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เป็นที่รู้จัก ไม่รู้ได้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอะไร ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงออมพละกำลังเอาไว้อย่างระมัดระวัง

ในความมืด จิตเทพถูกปล่อยออกไป นอกจากกำแพงที่อยู่เหนือศีรษะแล้วก็มองไม่เห็นอะไรอีก

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเหาะขึ้นไปเพื่อข้ามกำแพงเหนือศีรษะ

บางครั้งเขาจะกวัดแกว่งดาบยาว ทิ้งเครื่องหมายและค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาเอาไว้บนกำแพง

นี่คือการทำเครื่องหมายเพื่อให้สามารถกลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ

หากทุกอย่างไปได้สวย การเตรียมการเหล่านี้ย่อมไม่ใช่สิ่งจำเป็น

แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาที่ติดตั้งเอาไว้ เขาสามารถรับมือได้อย่างสงบ

หลังจากเหาะมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง กู่ฉิงซานรู้สึกว่าหอกหลากสีสันอยู่ไม่ไกลนัก

เขาอัญเชิญดาบสองเล่มออกมา มันลอยอยู่ทั้งสองฝั่งของร่างกายเพื่อทำหน้าที่คุ้มกันอย่างระแวดระวัง

ทันใดนั้น จิตของเขาขยับ

มีบางสิ่งกำลังไล่ตามมาจากข้างหลัง

กู่ฉิงซานหยุดไปต่อ

เขายืนอยู่กับที่เพื่อรออยู่เงียบๆ

อีกฝ่ายเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าสู่ระยะจิตเทพในทันที

ผู้หญิงสองคน

คนหนึ่งชุดดำ อีกคนชุดขาว ทั้งสองสวมหน้ากาก

ผ่านไปหลายอึดใจ

พวกนางล้วนมายืนอยู่หน้ากู่ฉิงซานแล้ว

“งูแฝดขาวดำ…” กู่ฉิงซานกล่าวกับตัวเอง

ผู้หญิงสวมหน้ากากชุดดำเผยจิตสังหารออกมาขณะถามว่า “น่าแปลก เจ้าไม่ใช่คนในโลกของพวกข้า แล้วรู้ชื่อของข้าได้ยังไง”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออกสักพัก

เขาเคยเห็นสองสาวในสถานที่แห่งความตายมาก่อน

ในตอนนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างคำนับให้กัน

ตอนนี้อีกฝ่ายกลับกล่าวว่าพวกนางไม่รู้จักเขา

ทว่า หนึ่งในพวกนางถือคันเบ็ดสีเขียวมรกต อีกคนถือตะเกียงเคลือบสีคราม เป็นลักษณะที่เด่นชัด

ตอนนี้ เขาเห็นผู้หญิงชุดขาวหยิบชิ้นหยกสีดำสภาพดีออกมาขณะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนคนนี้คือเป้าหมายที่ต้องกำจัดใช่หรือไม่”

เสียงชราดังมาจากแผ่นหยกสีดำ “ถูกต้อง เจ้านี่อาจจะเป็นอสุราที่ครอบครองวิชาดาบเทพ สองเทพโปรดระวังด้วย”

ผู้หญิงสวมหน้ากากชุดขาวกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ไม่ต้องห่วง เจ้าดูการล่อลวงของเทพผู้นี้ได้เลย”

หลังจากพูดจบ นางโยนแผ่นหยกสีดำในอากาศจนมันลอยอยู่อย่างนั้น

ผู้หญิงสวมหน้ากากชุดขาวกระตุ้นตะเกียงเคลือบสีครามในมือแล้วตะโกนว่า “วิชายมโลก ดึงวิญญาณ!”

ตะเกียงเคลือบพลันส่องแสงเจิดจ้า เส้นด้ายสีน้ำเงินหลายร้อยเส้นปรากฏขึ้นขณะกระจายไปทุกทิศทาง มันคดเคี้ยวไปทั่วความว่างเปล่าราวกับงูนับหมื่น

เส้นด้ายสีน้ำเงินนี้ไวมาก เพียงพริบตา พวกมันมาหากู่ฉิงซานก่อนพันรอบเขาเอาไว้

กู่ฉิงซานตวัดดาบสองเล่มก่อนร่ายรำไม่หยุดยั้ง ชั้นประกายดาบเบ่งบานราวดอกบัวขณะฟันเส้นด้ายสีน้ำเงินทั้งหมดที่บุกเข้ามา

ทันใดนั้น ผู้หญิงชุดดำยกมือขึ้น ตะขอสีดำบนคันเบ็ดพลันหายไป

ตะขอเกี่ยวเข้าที่ไหล่ซ้ายของกู่ฉิงซานโดยตรง!

หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ

คาดไม่ถึงว่าจะมีลูกเล่นแบบนี้

มันกลายเป็นหายนะที่คาดไม่ถึงมาก่อน

เพียงชั่วพริบตา เขาถือดาบพิภพไว้ที่หลังมือแล้วแทงเข้าใส่ที่ไหล่ทันที

ตัง!

เมื่อผู้หญิงชุดดำดึงคันเบ็ดสีเขียว ตะขอสีดำถูกฟันโดยดาบพิภพ

กู่ฉิงซานกุมไหล่ ร่างวูบไหว เขาถอยห่างออกจากสองสาว

สองสาวไล่ตาม

ผู้หญิงสวมหน้ากากชุดดำกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อสุราหรือ ขนาดสกิลเทพยังใช้ไม่ได้ เป็นตัวปลอมสินะ”

“จะเสียเวลาพูดไปทำไม พาเขาไปยมโลกสักพักเดี๋ยวก็รู้แล้ว” เสียงไร้อารมณ์ของผู้หญิงสวมหน้ากากชุดขาวดังขึ้น

นางกระตุ้นตะเกียงเคลือบอีกครั้ง

วินาทีต่อมา

เส้นด้ายสีน้ำเงินนับพันพลันถูกปล่อยออกไป มันปกคลุมความว่างเปล่าก่อนตรงเข้าหากู่ฉิงซาน

ท่ามกลางเส้นด้ายสีน้ำเงินนับไม่ถ้วน ตะขอสีดำหายไปอย่างเงียบงัน

สองสาวร่วมมือกันโจมตี!

จากมุมมองการต่อสู้ นี่คือช่วงเวลาอันตรายที่สุดในชีวิตของกู่ฉิงซาน!

เขาครุ่นคิดก่อนพลันชูดาบขึ้น

ประกายดาบบางนับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำบนดาบพิภพ พวกมันต่อสู้กับอีกฝ่ายนับสิบล้านครั้งในทันที

ตูม!

เปลวไฟไร้พรมแดน!

วิชาดาบทำลายเปลวไฟ แยกไฟ!

สกิลเทพประเภทนี้ไม่ได้ฟันผู้คน แต่มีไว้ฟันวิชาโดยเฉพาะ

เส้นด้ายสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนหายไป แม้กระทั่งตะขอสีดำก็ยังปลิวไปอย่างรุนแรง

การโจมตีแบบนั้นคล้ายกับทำให้สองสาวหงุดหงิด กลิ่นอายของพวกนางดุดันยิ่งกว่าดิม

ทว่า วินาทีต่อมา ชั้นน้ำค้างแข็งปรากฏขึ้นบนนิ้วหยกเรียบของพวกนางก่อรลามไปทั่วร่างกาย

วิชาดาบทำลายพลังเยือกแข็ง ประกายเยือกแข็ง!

สองสาวค่อยๆ ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งจนไม่สามารถขยับได้

น่าแปลก กู่ฉิงซานถือดาบพิภพเอาไว้แท้ๆ แต่กลับไม่ใช้บดบังตะวันจันทราเพื่อปิดฉาก

ทันทีที่ใช้วิชาดาบทำลายเปลวไฟ ดาบเสียงคลื่นจมสู่ความมืดก่อนหายไป

เมื่อวิชาดาบทำลายพลังเยือกแข็งจับร่างของสองสาวเอาไว้ได้ ดาบเสียงคลื่นก้าวข้ามไปไกลก่อนปรากฏขึ้นที่ด้านหลังแผ่นหยกสีดำ

เขาเพียงได้ยินเสียงชรากล่าวจากแผ่นหยกอย่างใจจดใจจ่อว่า “สองเทพ ระวังท่าที่สามด้วย”

ดาบยาวระเบิดประกายดาบเย็นเยือกออกมาขณะฟันลงไปอย่างรุนแรง

เปรี้ยะ!

แผ่นหยกสีดำถูกฟันเป็นชิ้นๆ !

เสียงชราหยุดทันที

ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงหึ่งขณะกลับมาอยู่ข้างกู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขามองฝั่งตรงข้าม

ผู้หญิงชุดขาวและดำยังแข็งทื่อก่อนค่อยๆ ก่อตัวเป็นก้อนน้ำแข็งสองก้อน

ร่างของพวกนางถูกแช่แข็ง ขยับไปไหนไม่ได้

กู่ฉิงซานเก็บดาบในมือขณะประสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันแล้วกล่าวว่า “ระบายโทสะกันพอแล้ว ทีนี้คุยกันได้หรือยัง”

ตูม!

ตูม!

หลังสิ้นเสียงอึกทึกสองเสียง สองสาวปรากฏตัวขึ้นจากน้ำแข็งและหิมะ

พวกนางยืนอยู่กับที่

หลังจากโงนเงนเล็กน้อย สองสาวที่ไร้หน้ากากบดบังพุ่งออกมา

เป็นผู้หญิงชุดขาวและดำที่กู่ฉิงซานเคยเห็นมาก่อน

ผู้หญิงชุดขาวบิดเอวแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเราสามารถคุยกันได้แล้ว วิญญาณของพวกข้าถูกสองคนนี้ผนึกเอาไว้ ทำให้ตอนนี้ไม่รู้อะไรเลย”

ผู้หญิงชุดดำมองกู่ฉิงซาน นางหัวเราะคิกคักแล้วถามว่า “เจ้ารู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้ารู้ตอนที่พวกเจ้าโยนผ่านหยกสีดำนั่นแหละ จากนั้นก็เตือนให้ข้าใช้สกิลเทพของอสุรา แถมยังบอกอีกว่าอยากพาข้าไปยมโลกด้วย ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าไม่มีทางลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้น”

ผู้หญิงชุดขาวถามด้วยความรู้สึกผิดว่า “นี่พวกข้าโจ่งแจ้งขนาดนั้นเลยหรือ”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ไม่ใช่แค่นั้น ผู้จับตายังเตือนพวกเจ้าอีกว่าให้ระวังในตอนท้าย”

ผู้หญิงชุดดำกล่าวอย่างจริงจังว่า “ตอนโจมตีเจ้า เป็นความจริงที่พวกข้าไม่ได้เอาจริงมากนัก เป็นความจริงที่มีกิลเทพอสุราสามารถขัดขืนพวกข้าได้เพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น ชายชรานั่นมองเห็นปัญหาได้ยังไงกันนะ”

กู่ฉิงซาประสานมืออีกครั้งแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ทั้งสองท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าสถานการณ์เป็นยังไง พวกท่านช่วยบอกให้ข้าทราบได้หรือไม่”

สองสาวมองหน้ากัน

ผู้หญิงชุดขาวถอนหายใจแผ่วเบาแล้วกล่าวว่า “อย่างน้อยครั้งนี้ก็ไม่มีใครมาสอดแนมล่ะนะ”

ผู้หญิงชุดดำก้าวมาข้างหน้าขณะคว้ามือซ้ายของกู่ฉิงซานเอาไว้

ผู้หญิงชุดขาวเหาะลงมาเช่นกันขณะคว้ามือขวาของกู่ฉิงซานเอาไว้เช่นกัน

ผู้หญิงชุดดำกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ราชาภูตผี เจ้าเพิ่งใช้สามวิชาดาบอสุราไป หากปล่อยเพียงท่าที่หนึ่งและสอง แต่ยั้งวิชาดาบสุดท้ายเอาไว้ วิชาจะย้อนกลับมาทำลายวิญญาณของเจ้า”

ผู้หญิงชุดขาวกล่าวอย่างเคร่งขรึมเช่นกันว่า “ใช่ เจ้าไม่สามารถต้านทานได้แน่ ปล่อยท่าสุดท้ายออกมาเถอะ เมื่อเจ้าสบายตัวแล้ว พวกเราถึงค่อยคุยกัน”

กู่ฉิงซานรู้สึกได้ว่าดาบเริ่มสั่งสมในวิญญาณจนมีศักยภาพเต็มเปี่ยม

เขาครวญครางออกมาก่อนกล่าวตามตรงว่า “…แต่ข้าเคยใช้ดาบนี้ไปก่อนแล้ว หากใช้อีก ข้าจะเหนื่อยล้าจนไม่สามารถรับมือกับการต่อสู้อื่นได้อีก”

ผู้หญิงชุดดำกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง พวกข้าอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจัดหาพลังวิญญาณให้เจ้าไม่ใช่หรือไง”

น้ำเสียงของผู้หญิงชุดขาวเจือความกระวนกระวายขณะกล่าวว่า “ใช่ เจ้าไม่สามารถทำร้ายพวกข้าด้วยดาบนั้นได้อยู่แล้ว พวกข้าสามารถช่วยชดเชยพลังให้กับเจ้าได้”

เมื่อเห็นพวกนางกล่าวเช่นนี้ กู่ฉิงซานจึงสัมผัสกับดาบเล่มสุดท้ายอย่างตั้งใจ

ฉัวะ

ความว่างเปล่าตรงหน้ากู่ฉิงซานถูกฟันจนแยกออก เผยให้เห็นดวงดาวที่ตายแล้วนับไม่ถ้วน

ความว่างเปล่าปิดลงอย่างรวดเร็ว

สองสาวคว้ามือของกู่ฉิงซานเอาไว้มั่น ขณะตะโกนเสียงต่ำ พวกนางถ่ายพละกำลังเข้าสู่วิญญาณของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานสั่นสะท้านทันที รู้สึกเพียงแค่ว่าความอ่อนล้าทั้งหมดได้หายไปแล้ว

เขารู้สึกว่าตัวเองไม่เคยกระตือรือร้นอย่างตอนนี้มาก่อน

“นี่คือพลังอะไรหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ

ผู้หญิงชุดขาวตอบว่า “นี่คือแก่นแท้ของพลังที่ผสานด้วยพลังของจุดกำเนิดโลกกับจุดกำเนิดวิญญาณ สามารถชดเชยการสูญเสียทั้งหมดได้ ปกติพวกข้าไม่ใช้ง่ายๆ หรอกนะ”

สองสาวปล่อยมือออก

ผู้หญิงชุดดำกล่าวว่า “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราสามารถคุยได้แล้ว”

เด็กผู้หญิงชุดขาวเม้มปากแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “นางคือผู้ล่อลวง ข้าคือนักฆ่า พวกข้าคือสองเทพตัวน้อยแห่งยมโลก เผ่าพันธุ์มนุษย์เรียกพวกข้าว่างูแฝดขาวดำ”

กู่ฉิงซานลังเลแล้วถามว่า “พวกท่านคือเทพที่แท้จริงหรือ”

สองสาวพยักหน้าพร้อมกัน

ผู้หญิงชุดดำกล่าวว่า “พวกข้าและเจ้าถึงกับใกล้เคียงเทพมากที่สุด เพราะคนตายที่พวกข้าคบหาได้ผ่านการประเมินคุณงามความดีแล้ว ส่วนผู้ไปนรกก็กลายเป็นลูกน้องของเจ้าและเจ้าก็เป็นประโยชน์แก่พวกข้า”

ผู้หญิงชุดขาวกล่าวว่า “ดังนั้นพวกเราคือคู่หูแสนดีที่สามารถเรียกว่าพี่น้องได้”

กู่ฉิงซานเงียบ

เขายังไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยก็มีคู่หูที่คุ้นเคยสองคนแล้ว

กู่ฉิงซานถามอีกครั้งว่า “วิญญาณของไม้เท้าราชาภูตผีจองจำตายแล้ว มันใช้สัญชาตญาณในการเลือกราชาภูตผีจากสิบแปดขุมนรก ข้าผ่านการทดสอบในตอนท้ายจนกลายเป็นราชาภูตผีหลังจากก้าวข้ามความตายทั้งหมดมาได้ แล้วพวกท่านกลายเป็นเทพได้ยังไงล่ะ”

ผู้หญิงชุดดำชูคันเบ็ดสีเขียวขึ้น

ผู้หญิงชุดขาวถือตะเกียงเคลือบสีครามเอาไว้ในมือ

“แสดงว่าเทวภัณฑ์เลือกพวกท่านหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ที่จริง จะเรียกว่าเทวภัณฑ์ก็ยังไงอยู่ พวกมันคือการกลับชาติมาเกิดของเจตจำนงยมโลก ยมโลกต่างหากที่น่าจะเลือกพวกข้า” ผู้หญิงชุดดำตอบ

กู่ฉิงซานนึกบางสิ่งออกก่อนกล่าวว่า “แต่หวนคืนชาติภพหกวิถีที่ข้าอยู่เป็นหวนคืนชาติภพหกวิถีของปลอม มันอาจจะแตกต่างจากโลกของพวกท่าน”

เมื่อสองสาวได้ยินดังนี้ พวกนางเผยความเข้าใจขึ้นมา

“ราชาภูตผี จำเอาไว้ ไม่มีสิ่งใดสามารถปลอมแปลงเทวภัณฑ์อย่างหวนคืนชาติภพหกวิถีของยมโลกได้” ผู้หญิงชุดดำกล่าว

“ต่อให้เป็นของปลอมก็ต้องอาศัยชิ้นส่วนของหวนคืนชาติภพหกวิถีเพื่อปลอมหวนคืนชาติภพหกวิถีขึ้นมา” ผู้หญิงชุดขาวกล่าว

ผู้หญิงชุดดำเสริมอีกว่า “ดังนั้นหกภพที่เจ้าอยู่จะต้องสร้างจากชิ้นส่วนยมโลกแน่ๆ เพราะแบบนั้นหกภพจึงจะสามารถถูกสร้างขึ้นมาได้”

ผู้หญิงชุดขาวเสริมเพิ่มว่า “ในที่อื่น มีหกภพที่เติบโตมาจากชิ้นส่วนของสวรรค์ แน่นอนว่ายังมีวิญญาณชั่วร้าย โลกและหกภพอีกมากมายที่เติบโตมาจากชิ้นส่วนของอสุรา”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ดูท่าจะจริงสินะ

เขาล้อมเหล็กใหญ่เป็นของจริง แม้กระทั่งผู้ทำลายทุกสิ่งยังไม่สามารถส่งผลกับมันได้

ในอดีตวิญญาณกรีดร้องอยากเคลื่อนย้ายพริบตาไปยมโลกจากระยะไกล แต่มันถูกเขาหยุดเอาไว้ด้วยไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ

ด้วยพลังระดับนั้น มันจะเป็นของปลอมได้อย่างไร

เขาอดที่จะถามอีกครั้งไม่ได้ว่า “แบบนี้ ในบรรดาชิ้นส่วนอื่นๆ ของยมโลก มันก็ต้องมีราชาภูตผีแห่งยมโลกรวมอยู่ด้วยใช่หรือเปล่า”

“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ผู้หญิงชุดดำหัวเราะขณะกล่าวว่า “เทพในแต่ละชิ้นส่วนของยมโลกต่างกันออกไป เมื่อนำมารวมกันก็จะกลายเป็นยมโลกที่สมบูรณ์”

ผู้หญิงชุดขาวเสริมว่า “ในชิ้นส่วนยมโลกของพวกข้า มีเพียงวิชาสืบทอดของราชาภูตผีเท่านั้น ไม่มีตัวเจ้าจริงๆ ในทำนองเดียวกัน ในยมโลกของเจ้า เชื่อได้เลยว่าก็ไม่มีสองเทพอย่างพวกข้าเช่นกัน”

………………………………….