ตอนที่ 1062 ซุ่มซ่อน
วิหารแห่งชะตากรรม
ห้องของนายท่าน
ชายวัยกลางคนร่างกำยำนั่งอยู่บนโซฟาขณะจิบสุราช้าๆ
จ้าววิหารหญิงยืนอยู่ข้างเขาราวกับข้ารับใช้
ผู้ชายถูกห้อมล้อมโดยหมอกสีเทา
เมื่อดื่มสุรา เขายืนขึ้นแล้วเดินไปที่ขอบหน้าต่าง ทำให้มองเห็นเขาซีดหนึ่งคู่บนศีรษะ มันบิดงอจนมาถึงหลังศีรษะ
มังกรมาร
เขาฟื้นคืนชีพแล้ว
“ท่านเทพ ท่านเพิ่งฟื้นคืนชีพมา ฉะนั้นดื่มสุราให้หน่อยน่าจะดีกว่า” จ้าววิหารหญิงกระซิบอย่างแผ่วเบา
นางจ้องผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาคลั่งไคล้
นางรวบรวมซากศพของอีกฝ่ายและใช้วัตถุดิบล้ำค่ากับวิชาจำนวนมากเพื่อส่งเสริมชีวิตใหม่
คาดไม่ถึง อีกฝ่ายจะสามารถกลับมามีชีวิตได้จริงๆ
พลังนี้แข็งแกร่งเกินไป
มังกรมารสังเกตเห็นความกระตือรือร้นในดวงตาของอีกฝ่ายจนอดที่จะถอนหายใจไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง ข้าต้องการสุรานิดหน่อย ในช่วงวิกฤติเช่นนี้ มันทำให้ข้าสงบลงได้”
“ท่าน… คล้ายกับวิตกนิดหน่อยหรือเปล่า” จ้าววิหารหญิงลังเล
มังกรมารเดินมาหาจ้าววิหารหญิงขณะเอื้อมมือไปจับคางของอีกฝ่าย
“ถึงเวลาคุยเรื่องธุระแล้ว… สองสิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้าตอนที่ฟื้นขึ้นเป็นยังไงบ้าง”
“ท่านเทพ ข้าได้ดูดกลืนพลังของไพ่ทูตสวรรค์แห่งบาปตามที่สั่งแล้ว”
ผู้หญิงหยิบไพ่ออกมาก่อนส่งให้อีกฝ่าย
“ท่านเทพ” นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มประจบ “ข้าเกรงว่าคนเหล่านั้นที่ได้ไพ่ทูตสวรรค์แห่งบาปไปก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ยังไงเสีย พลังของไพ่ก็ถูกตัดขาดไปแล้ว”
มังกรมารหยิบไพ่มาจากมือของอีกฝ่าย
มันเห็นความเจิดจ้ากว้างใหญ่กำลังหลั่งไหลออกมาจากไพ่อย่างต่อเนื่อง
นี่คือไพ่พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อดูดกลืนพลัง
“พลังของทูตสวรรค์แห่งบาป…”
มังกรมารพึมพำอย่างแผ่วเบา
เขาพลิกมือก่อนนำสามเหรียญออกมา
น่าแปลกที่มันเป็นทูตสวรรค์แห่งบาป บัญญัติราชามารและต้นไม้หนามโบราณ
สีหน้าของมังกรมาขยับ
ในความว่างเปล่าตรงหน้ามัน กิ่งก้านแข็งแรงของต้นไม้หนามโบราณและซากศพผู้ชายที่แผ่กลิ่นอายสีดำนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
“ครบแล้ว… ทีนี้สงครามจะปั่นป่วนขึ้น ข้าว่าถึงเวลาต้องส่งแล้วล่ะ…”
มังกรมารกล่าวกับตัวเอง
เขาขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน จากนั้นพลันมองจ้าววิหารหญิง
“แล้วอีกสิ่งหนึ่งล่ะ” เขาถาม
จ้าววิหารหญิงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัวแล้วตอบว่า “ท่านเทพ ข้าให้ซูเสวี่ยเอ้อร์อยู่ข้างกายตามที่ท่านสั่งแล้ว คอยจับตาดูอยู่ตลอด คอยระวังไม่ให้นางมารบกวน แต่จู่ๆ เมื่อวานนางก็หายไป”
มังกรมารไม่พูด แต่หมอกสีเทาบนร่างปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ผ่านไปสักพัก เขาเดินกลับมาย่อตัวตรงหน้าจ้าววิหารหญิง
“ไม่เป็นไร ความเป็นความตายของผู้หญิงคนนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว… อย่างไรเสีย กู่ฉิงซานก็มีดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว”
มังกรมารพูดช้าลงเพื่อปลอบประโลม
หมอกบนร่างคงที่เช่นกัน
จ้าววิหารหญิงไม่กล้าแม้แต่หายใจเข้าไป นางยังก้มศีรษะแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพ ข้าเต็มใจรับใช้ท่านตลอดไป”
มังกรมารยิ้มอย่างเงียบงัน
เขาลืมตาแนวตั้งขึ้น จับจ้องไปที่อีกฝ่ายแล้วกล่าวว่า “ข้ายังสามารถอยู่ในสภาพตื่นได้อีกสามนาที จากนั้นข้าจะเข้าสู่สภาวะขยับไม่ได้ ที่สำคัญ ข้ากำลังจะเสียความเป็นอมตะ เสียพลังอันแก่กล้าไป”
“ทั้งหมดนี้คือความจริง เทพไม่มีวันโกหก”
“ข้าขอถามเจ้า ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่”
จ้าววิหารหญิงตกตะลึง
เขากำลังเสียพลัง!
ดูท่านางจะสังเกตเห็นว่าการตอบสนองของตัวเองดูไม่สุภาพเล็กน้อย จ้าววิหารหญิงจึงจะอ้าปากพูดแก้ต่าง
แต่ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
มังกรมารยื่นนิ้วออกไปแตะกลางหว่างคิ้วของจ้าววิหารหญิงอย่างแผ่วเบา
เล็บแหลมคมพลันยาวขึ้นขณะทะลวงศีรษะของจ้าววิหารหญิง
ร่างของจ้าววิหารหญิงกระตุกหลายครั้งก่อนหยุดเคลื่อนไหวทันที
เวลาผ่านไป
มังกรมารนั่งยองกับพื้นขณะท่องคาถาคลุมเครืออย่างต่อเนื่อง
ร่างของจ้าววิหารหญิงยังคงห้อยอยู่ที่นิ้วไม่ขยับไปไหน
ในท้ายที่สุด คาถาของมังกรมารเสร็จสิ้นในที่สุด
จากนั้นเขากระซิบว่า “จงมา!”
เงาสีดำพลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนตกลงบนร่างของจ้าววิหารหญิง
มังกรมารชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
จ้าววิหารหญิงยืนขึ้นช้าๆ
เมื่อนางยืนขึ้น มีหน้ากากปกคลุมบนใบหน้า
นั่นคือใบหน้าของผีผู้หญิง
จ้าววิหารหญิงยืนอยู่กับที่ขณะจับมือเอาไว้ กลิ่นอายพลันเปลี่ยนไป
หากก่อนหน้านี้นางคือข้ารับใช้ที่มีความเคารพและจริงใจ ตอนนี้นางคือบุคคลยิ่งใหญ่ผู้ดูหมิ่นสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
มังกรมารคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “นายท่าน”
เมื่อเขาพูดสองคำนี้ออกมา ความขับข้องใจทั้งหมดบนร่างพลันทะยานขึ้น
“อา!”
มังกรมารกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
คนที่สวมหน้ากากผีเพียงมองเขาอย่างเงียบงัน
มังกรมารกลิ้งอยู่บนพื้น ครวญครางด้วยความเจ็บปวด หอบหายใจหนักอยู่เนิ่นนาน เหงื่อไหลเป็นสาย ร่างแน่นิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับไปไหน
เขาหาทางลุกขึ้นมาได้ คุกเข่าลงอีกครั้งต่อหน้าคนสวมหน้ากากผีผู้หญิงก่อนกล่าวว่า
“นายท่าน หุบเหวทิ้งข้าแล้ว”
ผ่านไปสักพักใหญ่
เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากหลังหน้ากาก
“แน่นอนสิ เจ้าเห็นข้าแล้ว หุบเหวย่อมเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้า มันเลยรู้สึกโกรธก่อนทอดทิ้งเจ้า”
“ขอรับ” มังกรมารกล่าวด้วยความเคารพ
เสียงผู้หญิงยังคงกล่าวต่อว่า “โดยรวมแล้ว เจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก เจ้าลอบเข้าสู่สิ่งประดิษฐ์วิญญาณมังกรมารนี้เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนได้สำเร็จ คอยเรียกหาเทพอย่างพวกข้าให้มารุกราน ท้ายที่สุดก็ขับไล่กลุ่มผู้หลบหนีที่อยากมาปักหลักที่นี่… พละกำลังของพวกมันน่าปวดหัวจริงๆ ”
“ต่อมา เจ้าลอบเข้าสู่หุบเหวนิรันดร์ให้สำเร็จจนได้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเหวมามากมาย ทำให้วางรากฐานการต่อสู้ของพวกเรามาได้พักใหญ่แล้ว”
“น่าเสียดาย เจ้าพลาดเรื่องดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพ…”
มังกรมารกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “นายท่าน นี่คือความผิดของข้าเพียงผู้เดียว โปรดลงโทษด้วย”
ท่าทีของเขาคล้ายกับทำให้ผู้หญิงสวมหน้ากากผีพึงพอใจ
ผู้หญิงสวมหน้ากากผีกล่าวต่อว่า “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ที่จริงในตอนนั้น มีสี่เทพผู้ชอบธรรมแห่งความว่างเปล่าลอบจับตาดูอยู่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าเป็นใครก็เลยไม่กล้าปรากฏตัว ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การที่เจ้าทำได้ขนาดนี้ก็นับว่าดีแล้ว แต่เทพแห่งความว่างเปล่าคิดเยอะจริงๆ ความคิดของเจ้าก็หนักแน่นเช่นกัน…”
ผู้หญิงสวมหน้ากากผีคร่ำครวญออกมา
มังกรมารรู้ว่าครั้งนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
เขาก้มศีรษะขณะคุกเข่าเงียบๆ
ท่าทีแบบนี้ทำให้ผู้หญิงสวมหน้ากากผีพึงพอใจยิ่ง
ผู้หญิงสวมหน้ากากผีหยิบหน้ากากออกมา
นี่คือหน้ากากผีเช่นกัน มีเขายาวสีโลหิตอยู่ด้านหน้าที่เป็นรูปยิ้มและร้องไห้
“รับไป เจ้าได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว” ผู้หญิงสวมหน้ากากผี
มังกรมารยินดี
เขาเอาหน้าแนบพื้นจนอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “ขอบคุณ นายท่าน! ขอบคุณ นายท่าน!”
“ไม่ต้องขอบคุณข้า เจ้าพยายามอย่างหนักมาหนึ่งหมื่นปี นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ”
ผู้หญิงสวมหน้ากากผีกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “นอกจากนี้ หน้ากากผีอันนี้มีความสามารถซ่อมแซมจิตใจด้วย ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าบาดแผลในจิตใจของเจ้าจะได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ร่างของเขาพลันสั่นสะท้าน
“นายท่าน” มังกรมารถามด้วยความสับสน
“อืม มีใครบางคนเรียกข้า ต้องไปจัดการเรื่องสงครามแล้วล่ะ” ผู้หญิงสวมหน้ากากผีกล่าวอย่างจนใจ
“มังกรมาร ตอนนี้ข้าขอมอบหน้าที่สำคัญให้”
“นายท่าน เชิญบอกข้ามาเลย” มังกรมารกล่าวทันที
ผู้หญิงสวมหน้ากากผีกล่าวว่า “หุบเหวนิรันดร์ยังไม่ถูกพวกเราจัดการจนสิ้น… ในการต่อสู้ดุเดือด จู่ๆ มันก็ได้ร่างใหม่มา ทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง”
“ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียด ข้าต้องรีบแล้วเช่นกัน อีกเดี๋ยวจะรีบกลับ”
“ข้ารู้ว่าในโลกเก้าร้อยล้านชั้นแห่งนี้ที่สร้างขึ้นในความว่างเปล่า ยุคแห่งความโกลาหลกำลังจะมา”
“ข้าอยากให้เจ้าไปร่วมมือกับความโกลาหลในนามของพวกเรา”
“ส่วนรายละเอียดของสัญญา… เจ้าต้องช่วยเทพ จากนั้นปล่อยให้เทพจัดการกับความวุ่นวายทั้งหมดในโลกเก้าร้อยล้านชั้นแล้วทำลายหุบเหวนิรันดร์พร้อมกับพวกข้า!”
“ขอรับ! นายท่าน!”
……………………….