webnovel

1024 หิ่งห้อยดารา

ตอนที่ 1024 หิ่งห้อยดารา

ย้อนเวลากลับไปสักนิด

นางเงือกกวัดแกว่งตรีศูลสีดำเพื่อแทงราชา กลืนกินวิญญาณและเลือดเนื้อของเขาจนสิ้น

กู่ฉิงซานหาจังหวะก่อนฟันศีรษะของนางเงือกด้วยดาบจนไม่เหลือซาก

หลังจากนั้น เขาถามเหล่าต้าเกี่ยวกับจุดกำเนิดของสัตว์ประหลาดทันที

เหล่าต้าอธิบายว่า “นี่คือวิญญาณประเภทหนึ่งในวังวนความว่างเปล่า มันมาจากทางฝั่งแปลกประหลาด ไม่สามารถป้องกันมันจากการใช้ชีวิตในร่างของตัวตนอื่นได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการกินวิญญาณและเลือดเนื้อของอีกฝ่าย ร่างของมันจะเปลี่ยนเป็นอาวุธและเกราะ!”

“มีกฎในการใช้ความสามารถของมันหรือเปล่า หรือเจ้าจะบอกว่ามันสามารถใช้ชีวิตในร่างอื่นได้ตามที่ต้องการ” กู่ฉิงซานถาม

เหล่าต้าตอบว่า “ข้าไม่รู้เหมือนกัน!”

หัวใจของทุกคนดิ่งวูบ

ถ้าเป็นไปตามนี้ สัตว์ประหลาดตัวนี้จึงน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเทพแห่งความว่างเปล่าที่เขาเคยพบในป่าซากศพมาก่อน

ในตอนนั้นเอง

กู่ฉิงซานคล้ายกับสังเกตเห็นบางสิ่ง

เขาปลดผ้าสีดำที่บดบังดวงตาออก ลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองสัตว์ประหลาด

สัตว์ประหลาดหายไปจากที่นั่นทันที

ในเวลาเดียวกัน พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นสายลมในดวงตาของกู่ฉิงซาน

ดูเหมือนเขากำลังกระตุ้นอะไรบางอย่าง

“ทำไมสัตว์ประหลาดนั่นถึงหายไปล่ะ”

เย่เฟยหลีถามด้วยความไม่เข้าใจ

ลอร่ามองดวงตาของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวอย่างวิตกว่า “กู่ฉิงซานอาจจะทำบางอย่างกับนางก็ได้”

จางหยิงห่าวควบคุมอาการสั่นของร่างกายขณะพยายามรักษาความสงบเสงี่ยมเอาไว้

เย่เฟยหลีและลอร่าผ่านการต่อสู้มาน้อย ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับเขาที่สามารถสัมผัสถึงอันตรายได้ด้วยการใช้แค่สัญชาตญาณ

จางหยิงห่าวถอนหายใจยาวแล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกที่สัตว์ประหลาดนั่นส่งมาให้ข้าไม่อาจขัดขืนได้อย่างสมบูรณ์ กู่ฉิงซานไม่น่าจะมีพละกำลังรับมือกับมันได้”

ลอร่าส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดผิดแล้ว บางครั้ง การต่อสู้ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับพละกำลังหรอกนะ”

“การต่อสู้ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับพละกำลังหรือ ทำไมข้าถึงไม่เข้าใจประโยคนี้กันนะ” เย่เฟยหลีสับสนมากยิ่งขึ้น

เขาเพิ่งเข้าโลกเก้าร้อยล้านชั้น ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าใจหลายสิ่งค่อนข้างมาก

เหล่าต้าโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดพูด

ใบหน้าของเขาหนักอึ้งยิ่ง เป็นสีหน้าจริงจังที่หาได้ยาก

“ลอร่า เอาสมบัติผนึกที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อผนึกตรีศูลสีดำนี้ไว้” เหล่าต้ากล่าว

ลอร่ามองตรีศูลสีดำ

นางเห็นตรีศูลนี้กำลังคร่ำครวญอย่างคลุมเครือหลังออกห่างจากเจ้าของ

“ได้” ลอร่ากล่าว

นางหยิบสมบัติผนึกออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า นางไม่สนใจกระบวนการขั้นตอนมากนักขณะโยนพวกมันใส่ตรีศูลสีดำ

‘ซู่’

ไม่ช้า สมบัติผนึกทั้งหมดถาโถมใส่ตรีศูลสีดำอย่างสมบูรณ์

กลายเป็นกองสมบัติ

ตรีศูลถูกกดไว้ด้านล่างอย่างแน่นหนา ไม่มีเสียงดังขึ้นอีกต่อไป

เหล่าต้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า “เฟยหลี ขอเครื่องดื่มให้ข้าหน่อย”

เย่เฟยหลีส่งกระป๋องเครื่องดื่มพลังวิญญาณมาให้

เหล่าต้าดื่มหมดในอึดใจเดียว

เขาโยนกระป๋องทิ้ง เปิดหนังสือแห่งชะตากรรมด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างแนบกับแผ่นหลังของกู่ฉิงซาน

“ทำแบบนี้เพื่ออะไร” จางหยิงห่าวถาม

เหล่าต้าตอบอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าอาจจะรู้สึกแย่กว่าเดิมก็ได้ ดังนั้นไม่ต้องรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเลยจะดีกว่า”

เขาสบตากับจางหยิงห่าวก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

ใช่แล้ว ในสถานการณ์เมื่อครู่ พวกเขาสองคนถึงกับรู้สึกแบบเดียวกับกู่ฉิงซาน

เหล่าต้าอธิบายว่า “เมื่อครู่นี้ ความตายเกือบจะมาเยือนพวกเรา ในช่วงวินาทีสุดท้าย กู่ฉิงซานปลดผ้าสีดำตรงหน้าออกเพื่อฝืนใช้งานวิชาตัวเอง”

ทุกคนมองกู่ฉิงซาน เห็นเพียงเขายังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ดวงตากำลังจ้องมองความว่างเปล่าอย่างเงียบงัน

สายลมที่มองไม่เห็นพัดพาอยู่รอบข้างเขา

เหล่าต้ากล่าวต่อว่า “ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าวิชาของกู่ฉิงซานยังไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเขาจึงยังยืนอยู่ที่นี่ซึ่งมันคือจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด ความจริง หากวิชานี้สมบูรณ์ เขาจะหายไปพร้อมกับสัตว์ประหลาดนั่น”

“หรือก็คือ ตอนนี้พวกเราต้องปกป้องเขางั้นหรือ” ลอร่าถาม

“โชคยังดีที่ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวอื่นอยู่ที่นี่ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องปกป้องเขา”

ขณะเหล่าต้ากล่าว หนังสือแห่งชะตากรรมในมือเปิดออกเอง เผยให้เห็นภาพภาพหนึ่ง

ร่างของกู่ฉิงซานและสัตว์ประหลาดอยู่บนแผ่นกระดาษ

เมื่อทุกคนมองดู กู่ฉิงซานเพิ่งซัดตรีศูลสีดำออกไป

“นี่มันไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าตรีศูลสีดำอยู่ที่นี่ ทำไมเขาถึงยังซัดมันได้อีกล่ะ” จางหยิงห่าวอดที่จะถามไม่ได้

ลอร่าชำเลืองมองกองสมบัติก่อนกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “ตรีศูลสีดำนั่นยังอยู่ที่นี่จริงๆ”

เหล่าต้าสูดหายใจเข้าแล้วพึมพำออกมาว่า “เขาอาจจะใช้วิชาเพื่อขัดขวางจุดแห่งชะตากรรม ทำให้วิญญาณของสัตว์ประหลาดกับของเขาก่อเกิดร่างในความฝันมายาที่คล้ายกับโลกคู่ขนาน… นี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย…”

ทุกคนยังคงมองหนังสือแห่งชะตากรรม

บนแผ่นกระดาษ สัตว์ประหลาดปล่อยหมอกสีดำออกมาเพื่อสังหารทุกคน

ทุกคนไม่อาจขัดขืนได้!

ในสวน มีเพียงกู่ฉิงซานที่ยังยืนอยู่ที่นั่น

เมื่อทุกฉากปรากฏขึ้นตรงนี้ พวกเขาหายไปอย่างสมบูรณ์

ลอร่าเร่ง “เร็วเข้า ให้พวกข้าดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ”

“ไม่ได้” เหล่าต้าส่ายหน้า “นั่นคือความฝันที่เหมือนกับโลกคู่ขนาน ด้วยพละกำลังของข้าในตอนนี้ ข้ามองเห็นได้มากสุดเพียงเท่านี้”

“กู่ฉิงซานตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า” ลอร่าถามอย่างวิตก

“อย่าห่วงไปเลย นี่คือวิชาของเขา หากตายขึ้นมา วิชานี้จะพังทลาย เขากับสัตว์ประหลาดจะกลับมาหาพวกเราอีกครั้ง” เหล่าต้าตอบ

ทุกคนมองหน้ากัน

เย่เฟยหลีหยิบตะขอลืมเลือนวิญญาณออกมา

จางหยิงห่าวเริ่มจั่วไพ่

ลอร่าพลิกดูกระเป๋าของตัวเอง

พวกเขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้า!

เหล่าต้าส่ายหน้าก่อนกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เปล่าประโยชน์ สัตว์ประหลาดนั่นแข็งแกร่งเกินไป ในบรรดาพวกเจ้าสามคน มีเพียงลอร่าที่พอจะเป็นทางเลือกในการต่อสู้ได้นิดหน่อย น่าเสียดายที่ลอร่าไม่รู้การต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพ”

“ถ้าอย่างนั้นโปรดบอกพวกเราว่าการต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพมันเป็นอย่างไรหน่อยได้หรือไม่” เย่เฟยหลีกล่าวอย่างจริงจัง

เหล่าต้าโน้มตัวลงไปก่อนเอามือแนบกับพื้น

“การต่อสู้ของมนุษย์วัดกันที่พละกำลังเพื่อตัดสินว่าใครจะแพ้หรือชนะ”

ถึงปากจะพูด แต่สีหน้าของเขาเผยให้เห็นว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนักราวกับกำลังสัมผัสถึงบางสิ่ง

“แต่ในวังวนความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุด หากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่เหมือนกับเทพ เป็นไปไม่ได้ที่จะค้นพบพลังของมันในทันที”

“ทันทีที่พบ อาจจะต้องสู้เพราะมันอยากกินเจ้า ส่วนเจ้าก็อยากรอดชีวิต”

“ดังนั้น มีเพียงมาตรฐานเดียวในการวัดพละกำลังและความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ระดับเทพ”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เหล่าต้าเปลี่ยนสีหน้าราวกับสังเกตเห็นบางสิ่ง ใบหน้าของเขาเผยความลังเลเล็กน้อย

หลังจากรอสักพัก เหล่าต้าไม่ได้พูดอะไรต่อ จางหยิงห่าวจึงอดที่จะถามไม่ได้ว่า

“การต่อสู้ควรวัดกันยังไงล่ะ”

เหล่าต้าชำเลืองมองเขาแล้วตอบว่า “อย่าตัดสินที่พละกำลังว่าใครจะอยู่รอด”

หลังจากพูดจบ เขาหลับตาลงก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ตอนนี้ข้าต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ”

“โชคยังดี ที่นี่คือส่วนหนึ่งของหุบเหว ถึงแม้จะถูกเจ็ดเทพแยกออกมา แต่มันยังเป็นของหุบเหวอยู่ดี”

“…กู่ฉิงซานทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ไม่มีสัตว์ประหลาดมารบกวนข้า ดังนั้นข้าจึงสามารถทำได้…”

เหล่าต้าพูดไม่หยุดก่อนพลันตะโกนออกมา

“เจตจำนงจงมา!”

‘ตูม!’

ทั่วสวนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

หลังจากผ่านไปสิบวินาที ความว่างเปล่าพลันแยกออก

หญ้า น้ำพุ ต้นไม้เขียวขจีและแม้กระทั่งสวนที่อยู่ใต้เท้าทุกคนหายไปทันที ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน

ทุกคนยืนอยู่ในความว่างเปล่า

“เกิดอะไรขึ้น” ลอร่าถามด้วยความประหลาดใจ

“ไม่มีอะไร ข้าปล่อยให้หุบเหวสัมผัสส่วนนี้ที่เป็นร่างของมันเพื่อให้หุบเหวอัญเชิญมันกลับไปได้”

เหล่าต้ายื่นมือไปในความว่างเปล่าก่อนหยิบดวงดาวสีน้ำเงินเจิดจ้ามาถือไว้ในมือ

“หุบเหวถูกกัดกร่อนโดยวันสิ้นโลกของโลกคู่ขนาน สำหรับตอนนี้ การที่สามารถดึงร่างบางส่วนกลับไปได้นั้นก็นับว่ามากเกินพอแล้ว”

“ดังนั้น หุบเหวจึงมอบรางวัลนี้ให้กับข้า…”

ทุกคนมองมือของเขา

ดวงดาวสีน้ำเงินคล้ายกับมีความลึกลับไม่มีสิ้นสุด ทุกคนอดที่จะดื่มด่ำเมื่อแรกเห็นไม่ได้ เป็นการยากที่จะละสายตาออกไป

ขณะมองใกล้ๆ พวกเขาถึงเห็นว่าดวงดาวสีน้ำเงินคือแมลงเรืองแสงที่มีปีกโปร่งแสงหนึ่งคู่ที่บางราวกับปีกจักจั่น ร่างของมันอ้วนจนดูน่ารักนิดหน่อย

ร่างของแมลงปล่อยแสงสีน้ำเงินที่เจิดจ้ายิ่งกว่าตัวของมัน

“ช่างงดงาม นี่มันคือตัวอะไรหรือ” ลอร่าถาม

“หิ่งห้อยดารา สิ่งมีชีวิตทั่วไปชนิดหนึ่ง ไม่มีพละกำลังใดๆ ไม่สามารถต่อสู้ได้”

“ถ้าอย่างนั้นก็มีดีแค่รูปร่างน่ะเหรอ” เย่เฟยหลีถาม

เหล่าต้าอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“อย่าดูถูกหิ่งห้อยตัวนี้จะดีกว่า ด้วยความตายของมันจะทำให้สามารถบังคับให้สิ่งมีชีวิตอื่นตายตามไปด้วยได้”

“แต่การจะให้มันใช้งานความสามารถนี้ได้ก็ต้องมีเหตุให้ใช้ นั่นก็คือความตายของข้า”

เหล่าต้าพลิกมือก่อนเก็บหิ่งห้อยดารา

“นี่เจ้าตั้งใจจะตายในการต่อสู้อย่างนั้นเหรอ” จางหยิงห่าวถามเสียงต่ำ

“แน่นอน ด้วยพละกำลังของพวกเราตอนนี้ ย่อมไม่สามารถจัดการสัตว์ประหลาดได้” เหล่าต้ากล่าวอย่างสบายอารมณ์ “คงดีกว่าที่จะตายคนเดียวแทนที่จะมาตายทุกคน”

ทุกคนมองเขาอย่างเหม่อลอย รู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ

“ฮือ เหล่าต้า อย่าตายนะ”

ลอร่าอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีพูดไม่ออกเช่นกัน

ดวงตาของเย่เฟยหลีแดงเล็กน้อย

จางหยิงห่าวกำหมัดแน่น

เหล่าต้ารู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เห็นทุกคนตอบสนองแบบนี้

เป็นความจริงที่ช่วงนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและใช้พละกำลังไปจนหมด ดังนั้นจึงมีหลายสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้

แต่ครั้งนี้ สัตว์ประหลาดถูกกู่ฉิงซานพาตัวไป แถมเขาต้องใช้เวลามากกว่าสิบวินาทีเพื่ออัญเชิญเจตจำนงแห่งหุบเหวมาก่อนได้รับหิ่งห้อยดาราไป

ด้วยสิ่งนี้ เขาจึงมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

ดังนั้นเขาต้องพูดอะไรออกมาบ้าง

เหล่าอดที่จะไอก่อนอธิบายทั้งสามไม่ได้ว่า “ความตายของข้าแตกต่างจากที่พวกเจ้าคิดนะ ถ้าข้าตาย พวกเจ้าก็เก็บซากศพข้าเอาไว้ ผ่านไปสักพัก ข้าจะกลับมามีชีวิตเพราะพลังหุบเหว”

“ว่าไงนะ!”

ลอร่า จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีอุทานพร้อมกัน

พวกเขาคิดอย่างรวดเร็ว

จริงด้วย

มีเพียงตัวตนเดียวที่สามารถฟื้นคืนชีพอีกครั้งผ่านการหลับลึกหลังจากตายไปแล้วได้

สัตว์ประหลาดหุบเหว

เหล่าต้าคือสัตว์ประหลาดหุบเหวงั้นหรือ

ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา พวกเขาสามคนประหลาดใจเล็กน้อย

พวกเขาเริ่มแตกตื่น

“ขะ...ข้าไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาโอ้อวดหรือเปล่า” ลอร่าพูดติดอ่างอย่างหาญกล้า “ละ...เหล่าต้า ภูมิหลังของเขาเป็นเช่นไรกันแน่”

“เดี๋ยวนะ ลอร่า เจ้ากับกู่ฉิงซานช่วยเขาไว้ด้วยกันไม่ใช่หรือ เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือ” จางหยิงห่าวถามด้วยความสับสน

“มันก็ใช่ แต่ว่า ขะ...ข้าคิดเสมอเขาเป็นคนที่น่าสงสาร” ลอร่ากล่าวอย่างเห็นใจ

เย่เฟยหลีโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยืนอยู่ข้างพวกเรา ดังนั้นไม่ต้องไปสนเรื่องตัวตนของเขาหรอก”

“เจ้าโง่ พวกเราแค่อยากรู้ความจริงเฉยๆ เอง!”

ลอร่าและจางหยิงห่าวพูดพร้อมกัน

เหล่าต้ามองการตอบสนองของทั้งสามก่อนถอนหายใจออกมา “ข้าคิดว่านอกจากกู่ฉิงซานแล้ว พวกเจ้าก็น่าจะทราบกันหมด ตอนนี้ดูท่าข้าจะคิดมากเกินไปสินะ”

“ก็ได้ จะบอกความจริงให้ฟังก็แล้วกัน”

“ข้าคือราชาหุบเหว”

……………………….