webnovel

0988 ความกลัวที่ยังคงอยู่

ตอนที่ 988 ความกลัวที่ยังคงอยู่

กู่ฉิงซานไม่รีบดูหน้าต่างระบบเทพสงคราม

ในฐานะผู้ใช้วิชาดาบ ความรู้สึกทางวิญญาณของเขายอดเยี่ยมเสมอ

เขาสามารถสัมผัสได้ว่ามีตัวตนที่สามารถพรากชีวิตจากระยะไกลลิบได้กำลังจ้องเขม็งอยู่

การโจมตีเมื่อครู่มาจากตัวตนนั้น

“น่าจะ…มาทางนี้”

กู่ฉิงซานพึมพำ

เขาตาบอดชั่วคราว จึงเห็นเพียงความมืดตรงหน้า แต่เขายังหันศีรษะไปมองวังวนความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด

ด้วยการเดินทางผ่านโลกจำนวนมหาศาล ในสถานที่ไกลลิบที่สายตาของกู่ฉิงซานไม่อาจสอดส่องถึง วิญญาณกรีดร้องกำลังมองเขาอยู่

กระบวนการทั้งหมดของการต่อสู้ถูกวิญญาณกรีดร้องเห็นอย่างชัดเจน

“ไม่! ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ!”

มันแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมา

ความล้มเหลวในสมัยโบราณทำให้มันลืมไม่ลง

แต่ตอนนี้ หนึ่งหมื่นปีผ่านไป ยุคแห่งความโกลาหลได้มาถึง

มันกำลังจะได้ปกครองทุกสิ่ง!

แล้วทำไมมันถึงสังหารแมลงที่น่ารำคาญตัวนี้ไม่ได้

“ไอ้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์บัดซบนั่น ข้าจะต้องกินวิญญาณเจ้าเพื่อให้ได้รับความทรมานอยู่ในร่างของข้าอย่างสาสม!”

วิญญาณกรีดร้องสาปแช่ง

หมอกสีเทาไม่มีสิ้นสุดลอยเหนือวิญญาณกรีดร้องขณะแผดเสียงคำรามสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

ด้วยพละกำลังตอนนี้ มันทำได้เพียงอัญเชิญสัตว์ประหลาดในตำนานเหมือนตัวเมื่อครู่เท่านั้น

เพื่อเรียกพลังที่แข็งแกร่งกว่ามาสังหารกู่ฉิงซาน มันต้องแข็งแกร่งขึ้น!

วิญญาณกรีดร้องยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้ายว่า “ให้เจ้ามีชีวิตนานอีกหน่อยก็แล้วกัน เมื่อพละกำลังของข้าไปถึงขั้นต่อไป เจ้าจะไม่สามารถขัดขืนได้อีก”

“นั่นคือพลังที่เป็นของเทพอย่างแท้จริง!”

หลังจากพูดจบ วิญญาณกรีดร้องไม่มองไปทางกู่ฉิงซานอีกต่อไป

มันถอนสายตาก่อนเริ่มจดจ่อกับการเดินทาง

เมื่อมันถอนสายตา ท่ามกลางความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด การตอบสนองของกู่ฉิงซานก็ถูกขัดจังหวะ

เขายืนอยู่กับที่ นิ่งไปชั่วขณะ

“ความรู้สึกถูกสอดแนมหายไปแล้ว…”

“เป็นเพราะการลอบสังหารล้มเหลว มันก็เลยล่าถอยเพื่อไปสั่งสมพละกำลังเงียบๆ อย่างนั้นเหรอ”

เขาพึมพำเสียงต่ำ

“นายท่าน!”

ฉานนู่พลันปรากฏตัวตรงหน้ากู่ฉิงซานจากความว่างเปล่าไกลลิบขณะมองเขาด้วยความวิตก

“อย่าห่วงไปเลย ไม่เป็นไรหรอก” กู่ฉิงซานยิ้ม

ฉานนู่มองกู่ฉิงซานตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า “สิ่งนั้นทรงพลังเกินไป ข้าคิดว่า…”

“อืม ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้า ดังนั้นเลยไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามและพยายามอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นข้าจึงรอดมาได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“โชดดีจริงๆ โชคดีจริงๆ” ฉานนู่กุมหน้าอกแล้วกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “มันคืออะไร ตั้งแต่ข้าติดตามนายท่านมา ข้าไม่เคยเห็นการโจมตีแบบนั้นมาก่อน”

กู่ฉิงซานคร่ำครวญว่า “เจ้าสามารถโจมตีข้ามโลกได้สิบล้านชั้น…ศัตรูของข้าไม่ใช่ตัวตนที่ทรงพลังขนาดนั้นเว้นแต่ว่าวิญญาณกรีดร้องจะได้รับพลังเพราะวิวัฒนาการความโกลาหล”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอีกครั้ง ในที่สุดก็ยืนยันได้

ตอนอยู่ในซากปรักหักพังของโลกคู่ขนาน เขาก็เคยมีความรู้สึกคล้ายกับแบบนี้อยู่

ไม่ผิดแน่ นั่นคือความโกลาหล

“ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงจริงๆ”

เขาอดที่จะถอนหายใจไม่ได้

คาดไม่ถึง ภายใต้พรของความโกลาหล วิญญาณกรีดร้องจะแข็งแกร่งขนาดนี้

ถ้ามันยังแข็งแกร่งแบบนี้ต่อไป ศัตรูของมันจะมีโอกาสหลบหนีได้หรือ

ก็จริงที่เขาถูกลอบโจมตีข้ามโลกสิบล้านใบ แต่โชคดีที่ครั้งนี้รอดมาได้

แต่เมื่อยุคแห่งความโกลาหลเริ่มขึ้น วิญญาณกรีดร้องที่เป็นผู้ส่งสารย่อมได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน

มันจะแข็งแกร่งขึ้น!

เว้นแต่

จะมีใครบางคนสามารถหยุดความโกลาหลได้

แล้วใครล่ะจะสามารถทำได้

บัญญัติที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวอยู่กับตัว เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบหนีเอาชีวิตรอด

ถ้าแม้กระทั่งบัญญัติยังอยากหนี กู่ฉิงซานก็ไม่รู้จริงๆ แล้วว่าจะมีใครสามารถจัดการกับความโกลาหลได้

กู่ฉิงซานส่ายหน้า สายตาจับจ้องหน้าต่างระบบเทพสงครามทีละบรรทัด

“ท่านได้รับฉายา: ศัตรูของความโกลาหล (ขั้นต้น)”

“ศัตรูของความโกลาหล (ขั้นต้น): เมื่อท่านต่อสู้กับความโกลาหล ความเสียหายจากการโจมตีของท่านจะเพิ่มขึ้นยี่สิบส่วน”

“หมายเหตุ: โปรดใช้ฉายานี้อย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อท่านติดตั้งฉายานี้ ศัตรูที่เป็นความโกลาหลจะตรวจจับตัวตนของท่านได้ง่ายขึ้น”

กู่ฉิงซานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนี้ ฉายาของหน้าต่างระบบเทพสงครามประกอบไปด้วย ศัตรูของความโกลาหล,เทพสงครามดวงดาว,แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์,นักฆ่ามือพระกาฬ และอื่นๆ

พลังของฉายาเหล่านี้นับว่าดี

กู่ฉิงซานคุ้นชินกับการใช้ฉายา ‘แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์’ อยู่

อย่างไรเสีย ฉายานี้สามารถเพิ่มความเร็วการโจมตีได้ เป็นประโยชน์กับการต่อสู้ทั่วไปมากนัก

“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่” จางหยิงห่าวเหาะมาหาแล้วถาม

เย่เฟยหลีเหาะมาหาแล้วกล่าวอย่างยินดีเช่นกันว่า “สิ่งนั้นทรงพลังจริงๆ เมื่อครู่ข้าสิ้นหวังเล็กน้อยด้วย แต่โชคยังดีที่เจ้ารอดมาได้”

จางหยิงห่าวตกตะลึง จากนั้นถามเย่เฟยหลีว่า “เจ้าเห็นการต่อสู้เมื่อครู่หรือ”

“ข้าเห็นไม่ชัดหรอก แต่ตอนเห็นสิ่งนั้นพุ่งเข้ามาก็รู้ทันทีว่าหากตอบสนองไม่ทันได้ถูกมันกินแน่” เย่เฟยหลีกล่าวด้วยความหวาดกลัว

จางหยิงห่าวไม่พูด

เพราะเขาไม่แม้แต่จะมองเห็นมันด้วยซ้ำ

กู่ฉิงซานตบบ่าเขาแล้วปลอบว่า “อย่ากังวลไปเลย ทำตามความคิดของตัวเอง ค่อยๆ พัฒนาพละกำลัง”

“แน่นอน ข้ารู้เรื่องนี้ แต่มันก็น่าตกตะลึงนิดหน่อยน่ะ” จางหยิงห่าวเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา

“ความจริง ข้าโชคดีที่รอดมาได้ ต้องขอบคุณดาบในมือนั่นแหละนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาจ้องดาบพิภพในมือแล้วกล่าวว่า

“ดาบพิภพ ขอบคุณมากนะ”

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเมื่อครู่ เขาไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับดาบพิภพได้ ทำได้เพียงใช้ดาบฟันออกไปอย่างเต็มแรง

พลังวิเศษอย่าง “การตัดสินใจของพิภพ” คือวิชาของดาบพิภพ

นี่คือข้อดีของอาวุธชิ้นนี้

มันรู้ว่าผู้ใช้ต้องการอะไรก่อนจะกระตุ้นความสามารถเพื่อตอบสนองต่อเจ้าของ

เสียงของดาบพิภพดังก้องราวกับขุนเขาซึ่งนับว่าหาได้ยาก มันพูดอย่างจริงจังว่า

“ข้าแนะนำว่าให้ท่านคิดถึงเรื่องวิชาดาบเมื่อครู่ด้วย เพราะข้าไม่เคยเห็นท่านใช้วิชาดาบแบบนั้นมาก่อน”

กู่ฉิงซานนิ่งไป

ใช่แล้ว

เขาใช้วิชาดาบเมื่อครู่ได้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบลับแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลดาบอะไร เขาต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อรวมพลังวิญญาณในร่างกายก่อนจึงสามารถปล่อยวิชาออกมาได้

แล้วเมื่อครู่เขาใช้ในทันทีได้อย่างไร

ดังนั้น…

กู่ฉิงซานจมสู่ความคิด

เขายกดาบพิภพขึ้นเพื่ออยากฟาดฟัน

มีอาการปวดที่แขนของเขา

ดาบนั่นไม่เพียงแต่ผลาญพลังวิญญาณกับพลังจิตวิญญาณของเขาเท่านั้น แต่ยังผลาญพลังงานกายภาพของเขาอีกด้วย

ตอนนี้เขาอยากลองอีกครั้ง แต่กลับไม่สามารถทำได้

ไม่สงสัยเลยว่าหน้าต่างระบบเทพสงครามถึงเตือนว่า “ท่านเข้าสู่สภาพอ่อนแอ”

กู่ฉิงซานเก็บดาบก่อนกล่าวกับจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีว่า “ไปกันเถอะ กลับไปที่ยานกัน”

ทั้งสองพยักหน้าก่อนลงไปที่ยานอวกาศพร้อมกับเขา

กู่ฉิงซานนั่งลงบนชั้นดาดฟ้าก่อนลงไปกองกับพื้นจนไม่อยากลุกขึ้นมาอีก

“รู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่พลังหมด” เหล่าต้าถาม

พละกำลังของเขาหมดเช่นกันจึงลงมากองอยู่ข้างกู่ฉิงซาน

“แค่ไม่สบายนิดหน่อย ข้าต้องการพักผ่อนน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

“อืม เมื่อครู่เจ้าตอบสนองไวมาก วิชาดาบนั่นน่าสนใจเช่นกัน” เหล่าต้าชม

“หากไม่ใช่แบบเมื่อครู่นี้ เกรงว่าข้าจะตายไปแล้ว” กู่ฉิงซานเผยรอยยิ้มขมขื่น

เหล่าต้ากล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “หากสิ่งนั้นฆ่าเจ้าได้ แน่นอนว่าคนบนยานลำนี้ไม่มีทางหลบหนีได้”

“ไม่มีทางหลบหนีได้ แม้แต่เจ้าก็ไม่มีทางหลบหนีได้หรือ” กู่ฉิงซานถาม

เหล่าต้าตอบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย ทำให้เสียพละกำลังทั้งหมด แน่นอนว่าถ้าเผชิญกับสิ่งนั้นก็ต้องตาย”

“อันตรายจริงๆ นั่นแหละ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ใช่ ดังนั้นถ้าเจ้าสามารถใช้วิชาดาบนั่นได้ ข้าก็สามารถอยู่ต่อได้อย่างวางใจ” เหล่าต้ากล่าว

ทั้งเย่เฟยหลีและจางหยิงห่าวมองมาทางพวกเขา

ถึงแม้เหล่าต้าจะบอกว่าเสียพละกำลังทั้งหมด แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก

นั่นก็คือเหล่าต้ามองเห็นการต่อสู้เมื่อครู่ชัดเจน

นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังมีพละกำลังอยู่

จางหยิงห่าวเดินมาหาเหล่าต้าแล้วถามอย่างจริงจังว่า “สถานการณ์เมื่อครู่เป็นอย่างไรบ้าง? ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะเข้าใจได้ดีกว่าเย่เฟยหลี”

เหล่าต้าถามว่า “อยากรู้อย่างนั้นหรือ”

“อืม” จางหยิงห่าวพยักหน้าอย่างจริงจัง

เหล่าต้ากล่าวว่า “คนที่ยิงเมื่อครู่คือวิญญาณกรีดร้อง มันปล่อยพลังวิญญาณชั่วร้ายแห่งความโกลาหลในตำนานเพื่อกระจายไปทั่วโลก”

“วิญญาณชั่วร้ายนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากแต่ก็ความสามารถพิเศษเช่นกัน มันสามารถทะยานผ่านหลายพันโลกเพื่อเปิดฉากโจมตีได้”

“ด้วยพละกำลังของมัน ทำให้สามารถกินกู่ฉิงซานได้ แต่คาดไม่ถึงว่ากู่ฉิงซานจะสู้สุดใจจนฆ่าได้ในดาบเดียว”

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีได้ฟังดังนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบพร้อมกัน

วิญญาณชั่วร้ายถูกอัญเชิญมาเพื่อโจมตีกู่ฉิงซานจากสถานที่ไกลมากจนถึงขนาดต้องข้ามนับพันโลก

นี่มันพลังอะไรกัน

เทพสามารถทำแบบนี้ได้เหรอ

“วิญญาณชั่วร้าย…แห่งความโกลาหลหรือ” จางหยิงห่าวพึมพำ

“ใช่ ทรงพลังมาก อย่างน้อยพวกเราในตอนนี้ก็ไม่สามารถรับมือได้” เหล่าต้ากล่าว

จางหยิงห่าวครุ่นคิดสักพักก่อนจงใจถามว่า “ความโกลาหลทำงานให้กับวิญญาณกรีดร้องหรอ”

เหล่าต้าหัวเราะก่อนส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ตรงกันข้ามต่างหาก เป็นวิญญาณกรีดร้องต่างหากที่ทำงานให้กับความโกลาหล”

“พลังความโกลาหลทรงพลังหรือเปล่า”

“ทรงพลังกว่าที่เจ้าคิดก็แล้วกัน”

เหล่าต้าตอบ ส่งสัญญาณให้จางหยิงห่าวมองออกไปนอกยานอวกาศ

เขาเห็นกองยานโจรมารวมตัวกัน

โจรนับร้อยรวมตัวกันในอากาศธาตุขณะมองยานอวกาศราชินีหนาม

“ฆ่ามัน แล้วพวกเจ้าจะร่ำรวย…”

ใครบางคนมองแผงควบคุมตรงหน้าก่อนกระซิบออกมา

ไม่มีคนอื่นพูด

สายตาของพวกมันจับจ้องกู่ฉิงซาน

จางหยิงห่าวได้ยินเช่นกัน

เขายกขวดสุราแรงจากพื้นขึ้นดื่ม

............................