webnovel

0311 การสื่อสารจากระยะไกล

ตอนที่ 311 การสื่อสารจากระยะไกล

 ณ สหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง

 ภายในวิลล่าบนภูเขา

 ทั้งซางหยิงฮ่าวและกู่ฉิงซานมิได้อยู่ที่นี่

 เย่เฟย์หยูเดินออกมาจากห้องของเขา และพบกับเหลียวฮังกำลังทิ้งตัวเอนกายอยู่บนโซฟา

 อีกฝ่ายกำลังดื่มขณะดูทีวีไปด้วย

 ในทีวี เป็นข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งของรัฐบาลกลาง และพิธีกรที่กำลังสัมภาษณ์สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่

 “ตำแหน่งประธานาธิบดีกำลังจะถึงวาระในไม่ช้า คุณมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่?” คนที่เป็นพิธีกรเอ่ยถาม

 “ผมจะพยายาม เพราะผมต้องการจะยืนหยัดขึ้นและทำเพื่อผู้คนให้มากยิ่งกว่าที่เคย” ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตอบด้วยรอยยิ้ม

 เย่เฟย์หยูเดินลงไปนั่งข้างๆ เหลียวฮัง

 “อะไรกัน? นี่คุณไม่ดูละครที่พึ่งฉายไปเมื่อเร็วๆ นี้แล้วเหรอ” เขาเอ่ยถาม

 “ไม่มีอารมณ์น่ะ” เหลียวฮังกล่าวพลางยกไวน์ขึ้นมาจิบ

 แล้วในตอนนั้นเอง สายตาของเย่เฟย์หยูก็สังเกตเห็นหนังสือในมือของเหลียวฮัง

 “ทฤษฎีพันธุศาสตร์?” เย่เฟย์หยูอ่านมันและเผลอพูดออกมา

 “ใช่ มันคืองานเขียนของเพื่อนเก่าฉันเอง บอกตามตรงเลยนะ เขาน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ไม่เป็นสองรองใคร และไม่มีใครสามารถเทียบชั้นกับเขาได้” เหลียวฮังเอ่ยยกย่อง

 เย่เฟย์หยูมองท่าทีหดหู่ที่อีกฝ่ายแสดงออกมาและกล่าว “พวกคุณคงจะสนิทกันมาก”

 “ก็ใช่น่ะสิ ตอนที่ฉันถูกไล่ล่าโดยคนจากเก้าตระกูลใหญ่ ในช่วงเวลาที่ฉันหลงทางและหมดหวัง ก็เป็นตาแก่ถังนี่แหละที่ช่วยฉันไว้”

 “ผมได้ยินมาจากฉิงซานว่าคุณใช้โคลนสร้างร่างโคลนใช้มันเป็นตัวตายตัวแทน จากนั้นก็หลบหนีไป คุณกับเพื่อนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่” เย่เฟย์หยูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 แปะๆ...เหลียวฮังตบลงเบาๆ บนหนังสือทฤษฎีพันธุศาสตร์ 

“อ๊ะ เข้าใจแล้ว ที่แท้คุณก็อนุญาตให้เขาใช้เซลล์ของตัวเองทำการศึกษาการโคลนนี่เอง!” เย่เฟย์หยูโพล่งออกมาด้วยความตกใจ

 ก่อนจะเริ่มเอ่ยต่อด้วยความสนใจ “แต่ผมได้รู้มาว่าอัตราความสำเร็จในการโคลนมนุษย์น่ะต่ำมาก และต่อให้สำเร็จ มันก็จะมีโรคมากมายแทรกซ้อน ไม่ก็พิการตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นในหลายๆ ประเทศจึงห้ามทำการวิจัยเรื่องที่ว่านั่น แล้วเขาไปหาวิธีมาจนทำได้สำเร็จได้อย่างไรกัน”

 “การโคลนรูปลักษณ์น่ะมันนับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุด” เหลียวฮังกล่าว “แต่มันจะเป็นเรื่องยากหากคิดจะโคลนความแข็งแกร่งทางกายภาพ สติปัญญา และยากที่สุดคือหน่วยความทรงจำ ไม่มีใครเคยแหกทฤษฎีที่ว่านี้ได้เลยนอกจากตาแก่ถัง”

 หากสามารถโคลนมนุษย์ โดยที่ยังมีความทรงจำจากเจ้าของเดิมอยู่ นั่นจึงนับว่าเป็นการโคลนที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

 หากไม่มีความทรงจำ โคลนได้แค่เพียงรูปลักษณ์ทางสรีรวิทยา ต่อให้เหมือนกันเป๊ะๆ แต่สุดท้ายก็ยังนับว่าเป็นคนอื่นอยู่ดี

 “แล้วอวัยวะล่ะ? อวัยวะมันไม่น่าจะโคลนกันได้ง่ายๆ นี่? ถึงแม้ว่าในส่วนนี้จะไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามทางการแพทย์ในปัจจุบันก็เถอะ” เย่เฟย์หยูกล่าว

 “สำหรับเรื่องอวัยวะแน่นอนว่าย่อมง่ายดาย ตาแก่ถังน่ะเป็นถึงผู้นำเกี่ยวกับด้านชีววิทยาและการแพทย์เชียวนะ” เหลียวฮังอธิบาย

 “เห...ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนที่เก่งด้านการแพทย์ขนาดนั้นจะมาตายเพราะโรคกำเริบเสียนี่” เย่เฟย์หยูกล่าวด้วยอารมณ์อันหลากหลาย

 เพล้ง!

 ขวดไวน์ร่วงตกลงบนพื้น

 เหลียวฮังผุดลุกขึ้น สีหน้าท่าทีของเขาหม่นทะมึนแลดูน่าหวาดกลัว

 ใช่แล้ว! คนอย่างตาแก่ถังจะตายลงโง่ๆ ด้วยโรคหัวใจวายได้อย่างไร!

 เหลียวฮังหยิบสมองควอนตัมส่วนบุคคลขึ้นมา เร่งเอ่ยปากกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง”

 ทว่าบนสมองควอนตัมกลับไร้ซึ่งเสียงตอบสนอง

 “เทพธิดากงเจิ้ง นี่เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ นะ ฉันขอสาบานด้วยเกียรติแห่งนักวิทยาศาสตร์ของตัวเอง”

 บนสมองควอนตัมส่องสว่างขึ้น

 “มิสเตอร์เหลียว เชิญกล่าว” ในที่สุดเทพธิดาก็ตอบรับเขา

 “ฉันต้องการที่จะตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่ดร.ถังทิ้งเอาไว้ รบกวนช่วยฉันด้วย” เหลียวฮังกล่าว 

“ดร.ถังได้เสียชีวิตลงแล้ว ดังนั้นไฟล์ที่ว่ามาจึงถูกล็อก และปฏิเสธการเข้าถึงทั้งหมด” เทพธิดาตอบ

 “แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนะ! คุณต้องช่วยฉัน!” เหลียวฮังเริ่มร้อนรน

 “ต้องขออภัยด้วย ไฟล์นี้ถูกล็อกโดยหน่วยข่าวกรองแห่งรัฐบาลกลาง และลำดับอำนาจพลเมืองของมิสเตอร์เหลียวก็ไม่เพียงพอที่จะทำการปลดล็อกไฟล์ที่ว่านั่น” เทพธิดากล่าว

 เหลียวฮังตะคอกสวน “เขาถูกฆ่าตายนะ แล้วทำไมแกถึงอย่างไรแกล้งทำเป็นตาบอดอยู่อีก!”

 เทพธิดากงเจิ้ง “มิสเตอร์เหลียว ฉันจะตอบคุณเพียงแค่สามข้อเท่านั้น หลังจากนี้ ที่เหลือคุณคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว”

 “ก่อนอื่นเลยข้อแรก มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ”

 “ข้อสอง ฉันไม่ใช่พระเจ้าที่จะสามารถรอบรู้เรื่องราวทั้งหมด และภายใต้สถานการณ์ปกติฉันจำต้องปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง”

 “ข้อสุดท้าย มิสเตอร์เหลียว โปรดทราบด้วยว่าอำนาจพลเมือง ‘แค่เฉพาะของคุณ’ ที่ไม่เพียงพอที่จะทำการปลดล็อกไฟล์ที่เกี่ยวข้อง”

 เหลียวฮังหุบปากลงในทันใด

 เขาค่อยๆพยายามเรียกสติกลับคืนมาอย่างช้าๆ จากนั้นก็โทรออกผ่านอุปกรณ์สื่อสารอย่างเงียบๆ

 ไม่นานนัก เสียงของกู่ฉิงซานก็ดังขึ้น

 “ว่าไง มีอะไรหรือเปล่า?” เขากระซิบถาม

 แม้จะเล็กน้อย แต่ก็สามารถได้ยินเสียงดนตรีงานเต้นรำลอดผ่านมาจากทางฝั่งกู่ฉิงซาน

 “ฉันต้องการให้แกช่วย” เหลียวฮังกล่าว

 “ช่วยเหรอ? จะให้ฉันทำอะไรล่ะ?”

 “เรื่องถังจุนที่ตายไปน่ะ แต่พอดีว่าฉันไม่มีอำนาจมากพอที่จะได้รับอนุญาตให้อ่านไฟล์ทั้งหมดของเขา เขาเปรียบดั่งพี่น้องแท้ๆ ของฉัน และฉันต้องการที่จะตามล่าตัวฆาตกรตัวจริง แล้วแก้แค้นแทนเขาให้จงได้!”

 “เทพธิดากงเจิ้งฉันอนุญาตให้เหลียวฮังสามารถอ่านไฟล์ข้อมูลทั้งหมดของถังจุนได้”

 “รับทราบแล้วใต้เท้า”

 แล้วการเชื่อมต่อก็ถูกตัดขาดลง

 เทพธิดากงเจิ้ง “มิสเตอร์เหลียว คุณสามารถเข้าถึงไฟล์ที่เกี่ยวข้องได้แล้ว เชิญตรวจสอบดูได้”

 สองมือของเหลียวฮังพรมลงอย่างรวดเร็วบนสมองควอนตัม เขากัดฟันกล่าว “ตาแก่ถัง ไม่ว่าคนที่ฆ่าแกมันจะเป็นใครก็ตาม ฉันจะต้องแก้แค้นให้แกอย่างแน่นอน”

ณ ฟูซี

 โอเอซิสกลางทะเลทราย

 ภายในพระราชวัง

 องค์จักรพรรดิยังคงอยู่ในฟลอร์เต้นรำ

 พระหัตถ์ของพระองค์ลื่นไหลเข้าไปในร่มผ้าอันงดงามของหญิงสูงศักดิ์ สัมผัสเข้ากับผิวกายของอีกฝ่าย

 หญิงสูงศักดิ์เผยรอยยิ้มหวานแห่งความปลื้มปีติ เปล่งวาจาหยดย้อย “ฝ่าบาท…”

 องค์จักรพรรดิเอ่ยเสียงกระซิบ “เราจะไม่พูดถึงมัน ตกลงไหม?”

 มือของเขายังคงเคลื่อนไหวไปตามจุดต่างๆ

 หญิงสูงศักดิ์เริ่มหน้าแดง และผงกหัวรับอย่างเงียบๆ

 งานเต้นรำยังคงดำเนินต่อไป

 อีกด้านหนึ่ง

 ภายในห้องหมากรุกอันเงียบสงบ

 จิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซานได้กวาดมาถึงที่นี่

 จักรพรรดินีกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับหญิงสูงศักดิ์อีกสามคน

 “วันนี้พวกเราก็จะมาเล่นกันทั้งคืนอีกแล้วเหรอเพคะ?” หญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งเอ่ยถาม

 “แน่นอน คราวนี้ล่ะ ข้าจะต้องชนะเจ้าให้ได้” จักรพรรดินีกล่าวเสียงเย็น

 “แต่หากท่านมิได้อยู่ข้างกายฝ่าบาทในยามค่ำคืน เขาจะไม่ตำหนิพวกเราหรอกหรือ?” หญิงสูงศักดิ์อีกคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างหวาดระแวง

 “พระองค์เป็นคนเอ่ยปากสนับสนุนให้ข้ามาแก้แค้นพวกเจ้าด้วยตัวเองเลย มิต้องกังวลหรอก” จักรพรรดินีกล่าว

 พอได้ฟัง ทั้งหมดจึงค่อยโล่งใจ

 “เช่นนั้นก็คอยดูฝีมือกระหม่อมได้เลย” หญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งหัวเราะ

 แล้วคนอื่นๆ ก็เริ่มจับไพ่ขึ้นมาเล่น 

ในช่วงเวลานี้ พวกเธอทุกคนถูกกักตัวไว้ในพระราชวังโดยจักรพรรดินี เพื่อร่วมกันเล่นไพ่ แต่ทั้งหมดกลับไม่คิดพร่ำบ่นใดๆ ตรงกันข้าม กลับรู้สึกเป็นเกียรติแทน

 กู่ฉิงซานสับสนไปชั่วครู่

 อย่างนี้นี่เอง

 ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกสาวใช้ในวังถึงบอกว่าจักรพรรดินีพึ่งลุกจากเตียง เดิมทีแล้วทุกค่ำคืนเธอมาก็มานั่งเล่นไพ่อยู่ที่นี่นี่เอง

 อาจเป็นเพราะเธอไม่ต้องการที่จะร่วมเตียงเดียวกันกับองค์จักรพรรดิที่บัดนี้ราวกับเป็นคนแปลกหน้า จึงลากหญิงสูงศักดิ์สองสามคนมาร่วมเล่นไพ่ด้วยแทน

 ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ

 กู่ฉิงซานไตร่ตรองอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงผ่านชั้นอากาศไปยังจักรพรรดินี

 “ฝ่าบาท กระหม่อมเอง กู่ฉิงซาน”

 เสียงกังวานดังขึ้น ร่างของจักรพรรดินีดีดผึง เหยียดตรงด้วยความตื่นตระหนก

 แต่เธอก็ถือโอกาสนั้นลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อคลุมของตนเอง เพื่อความเนียน

 “ข้ารู้สึกร้อนนิดหน่อยน่ะ คงต้องขอเปลี่ยนไปสวมเสื้อที่บางกว่านี้” จักรพรรดินีโบกมือไปยังเบื้องหลังและกล่าว

 สาวใช้ในวังเดินตรงมาข้างหน้า รับเอาเสื้อคลุมไป พร้อมกับนำตัวใหม่มาให้เธออย่างรวดเร็ว

 จักรพรรดินีสวมเสื้อคลุมตัวใหม่อย่างช้าๆ

 เมื่อถึงเวลานี้ เธอก็นั่งลงอีกครั้ง ห้วงอารมณ์และสติกลับคืนสู่ความสงบ

 ท่าทีของจักรพรรดินีดูสงบราวกับทุกอย่างเป็นปกติ เธอเอื้อมมือออกไปและจั่วไพ่นกกระจอก[footnoteRef:1] [1: เรื่องไพ่นกกระจอกนี่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ ใครรู้พิมพ์ทิ้งไว้ได้เลย]

 “ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ ผมจะไปพบท่านในคืนนี้” กู่ฉิงซานเริ่มกล่าวต่อ

 จักรพรรดินีแม้จะยังคงมึนงง แต่เธอก็ไม่แสดงท่าทีตระหนักถึงมัน “สาม!”

 กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ผมขอเสนอความคิดเห็นว่า ให้ท่านเชิญพวกเธอไปทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน จากนั้นระหว่างช่วงรับประทานก็หาข้ออ้างออกมา ไปยังสถานที่ลับตาคน แล้วพวกเราจะพูดถึงเรื่องราวต่างๆ ให้มันชัดเจนที่นั่น”

 จักรพรรดินีตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ รักษาอารมณ์ให้สงบ

 เมื่อถึงตาของเธอ เธอก็ยื่นมือไปจั่วไพ่ และหงายไพ่ที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าลงอีกครั้ง

 จักรพรรดินีรูดนิ้วเรียวงามไปตามไพ่ที่หงายลงและกล่าว “ แปดหมื่น”

 แม้ว่าไพ่นี้จะสามารถใช้จับคู่ได้ แต่เธอก็ไม่ต้องการจะใช้มัน

 เธอยื่นมือออกไป พร้อมกับเคาะลงบนมัน “แปดหมื่น”

 “ถ้าหากท่านเห็นด้วย ผมอยากจะให้ท่านทิ้งเก้า” กู่ฉิงซานกล่าว

 มือของจักรพรรดินีหยุดกึก

 เธอวางไพ่บนมือของตัวเองลง และยกถ้วยชาขึ้นมาจิบมันอย่างช้าๆ

 และเนื่องเพราะเธอเป็นถึงจักรพรรดินี หญิงสูงศักดิ์ทั้งหลายจึงไม่กล้าที่จะกระตุ้นเร่งเร้าเธอ

 สองตาของจักรพรรดินีหรี่แคบลงติดตรึงมันอยู่กับไพ่ “แปดหมื่น” ของตัวเอง ก่อนจะดึงไพ่อีกใบขึ้นมา

 “เก้า” เธอกล่าวคู่ดวงตาอันงดงามทรงเสน่ห์ของจักรพรรดินีติดตรึงอยู่กับ ไพ่แปดหมื่น ก่อนที่เธอจะเริ่มจั่วไพ่ขึ้นมาอีกใบ

 “ทิ้งเก้า” กล่าวพร้อมกับวางไพ่ลง

………………..………………..