webnovel

0310 จุมพิตทักทาย

ตอนที่ 310 จุมพิตทักทาย 

กู่ฉิงซานกวาดสายตามององค์จักรพรรดินี ในหัวใจของเขาบังเกิดความคิดบางอย่างขึ้น 

การที่องค์จักรพรรดินีมาออกงานเลี้ยงด้วยรอยคล้ำใต้ตาทั้งสองข้างนี่…มันค่อนข้างที่จะแปลกๆ นะ 

ที่สำคัญ เธอเป็นถึงมืออาชีพ นั่นหมายความว่าสภาวะแบบนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เธอแทบจะไม่ได้นอนมาหลายวัน จนร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปมิอาจรับไหวได้อีกต่อไป 

หรือว่าเธอไม่ได้หลับเลย? 

กู่ฉิงซานเผลอเพิ่มความระมัดระวังโดยไม่รู้ตัว 

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ 

ทว่าเขาเพียงคิด จักรพรรดินีก็เดินตัดหน้าเขาไปเสียก่อน 

เธอเดินขึ้นไปจับพระหัตถ์ขององค์จักรพรรดิอย่างใกล้ชิด เผยรอยยิ้มงดงามให้แก่เขา ก่อนจะหันกลับมามองกู่ฉิงซาน 

“ครั้งก่อนที่ข้าไปเยือนรัฐบาลกลาง ฝ่าบาทได้เชื้อเชิญเจ้ามา แต่ข้าก็ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาจริงๆ ฉะนั้น ข้าจึงไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลย หวังว่ากู่น้อยคงจะไม่เก็บมาใส่ใจ” องค์จักรพรรดินีกล่าว 

กู่ฉิงซานพอได้ฟัง เขาก็ผุดยิ้มขึ้นมาทันที และตอบรับอย่างรวดเร็ว “ผมไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจเลย แล้วอีกอย่าง ผมก็ชื่นชมฝ่าบาทเหมือนดั่งวีรบุรุษ ดังนั้นขอแค่เพียงเอ่ยปาก ผมย่อมต้องตอบรับ และแวะมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน” 

บนใบหน้าขององค์จักรพรรดินีเผยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง บ่งบอกว่าเธอกำลังเพ่งสมาธิเพื่อฟังและกลั่นกรองทุกคำพูดของเขาอย่างตั้งใจ 

กู่ฉิงซานยกแก้วขึ้นอีกครั้งและกล่าว “ผมขออวยพรแด่ฝ่าบาทให้ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน และอวยพรแด่องค์จักรพรรดินีให้งดงามดั่งบุปผาสะพรั่งตลอดไป” 

องค์จักรพรรดิหัวเราะและกล่าว “ผู้ใดกันจะไปสามารถมีอายุยืนยาวได้อย่างแท้จริง แต่ประโยคนี้ของเจ้า ข้าชอบใจนักที่ได้ฟัง!” 

เขารับแก้วไวน์มาจากมือภริยาตน แล้วยกกระดกมันจนหมดในครั้งเดียว 

ส่วนจักรพรรดินี ก็ชูแก้วขึ้นรับคำอวยพร และยกมันขึ้นจิบเบาๆ 

แก้วไวน์ที่ว่างเปล่าถูกส่งกลับคืนให้แก่องค์จักรพรรดินี จากนั้นองค์จักรพรรดิก็เอ่ยต่อว่า “ในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์กู่น้อยได้มาเยือน ทำไมเจ้าไม่ลองลงไปเต้นรำกับเขาดูหน่อยเล่า?” 

องค์จักรพรรดินีไม่ได้หันไปมองกู่ฉิงซาน แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องสวามีของตน แล้วกล่าวปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่อยากจะเต้นรำในวันนี้” 

“เช่นนั้น สิ่งใดเล่าที่เจ้าต้องการจะทำ?” 

จักรพรรดินีพูดกับองค์จักรพรรดิและตรัสกับผู้คนที่อยู่รอบกายเขาว่า “ข้าอยากจะเล่นไพ่” 

“เล่นไพ่อีกแล้ว? เจ้าก็เอาแต่เล่นมันทั้งวันทั้งคืน ดูซีรอยคล้ำใต้ตาโผล่ออกมาแล้วนะ” องค์จักรพรรดิเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม 

“เมื่อวานนี้ ข้าพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ แต่วันนี้จักต้องคว้าชัยชนะกลับมาให้ได้ ที่รัก ช่วยตามใจข้าหน่อยจะได้ไหม?” จักรพรรดินีร้องขอ 

“งั้นก็มาถ่ายรูปกับนักวิทยาศาสตร์กู่ของเรากันก่อน จากนั้นเจ้าก็ไปเถอะ” องค์จักรพรรดิรับคำอย่างมีความสุข 

เขาโบกมือทันที และเหล่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในด้านการเผยแพร่ข่าวก็ปรากฏตัวขึ้น 

“มิสเตอร์กู่ โปรดเข้าไปยืนใกล้ๆ ฝ่าบาทด้วย” เจ้าหน้าที่ข่าวคนหนึ่งกล่าว 

องค์จักรพรรดิยื่นมือออกไป 

กู่ฉิงซานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากคว้าจับมือของเขา 

จักรพรรดินียืนเคียงข้างๆ องค์จักรพรรดิ 

ทั้งสามยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าหน้าที่ข่าวเพื่อรอถ่ายภาพ 

“สาม สอง หนึ่ง ฝ่าบาททรงอายุมั่นขวัญยืน!” 

แชะ!  

แล้วภาพข่าวทางการทูตที่สมบูรณ์แบบก็ถือกำเนิดขึ้น 

“ในเมื่อจบเรื่องแล้ว ข้าขอตัวไปเล่นไพ่ก่อนนะ” 

จักรพรรดินีกล่าว และรีบจากไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองดูกู่ฉิงซาน 

องค์จักรพรรดิหันไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ข่าวและกล่าว “รับกระจายข่าวไปเลยนะ เข้าใจไหม” 

“ฝ่าบาท? แล้วเรื่องหัวข้อเล่า เอาเป็นอย่างไรดี?” เจ้าหน้าที่ข่าวเอ่ยทวนถาม 

องค์จักรพรรดิขบคิดเกี่ยวกับมันอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ย “เอาเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อการกุศลก็แล้วกัน...หลังจากทั้งหมดนี้ นักวิทยาศาสตร์กู่น้อยได้มีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียนให้กับพื้นที่บริเวณภูเขาอันห่างไกลในแถบชายแดนของพวกเรา” 

‘ลงมือแพร่กระจายข่าวได้รวดเร็วจริงๆ’ กู่ฉิงซานแอบพึมพำในใจ 

“ส่วนตัวข้า เอาเป็นจัดตั้งกองทุนการศึกษาเพื่อการกุศลก็แล้วกัน” องค์จักรพรรดิหันไปมองกู่ฉิงซานและกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเข้าใจแล้ว” เจ้าหน้าที่ข่าวตอบรับ เขาโค้งกายคำนับและค่อยๆ ถอยฉากออกไป 

ณ ขณะนี้ เสียงเพลงบรรเลงสำหรับงานเต้นรำได้เริ่มดังขึ้นแล้ว 

องค์จักรพรรดิหันว่าพูดกับกู่ฉิงซาน “เจ้าไปเล่นได้ตามใจชอบเลย ข้าหวังว่านี่จะเป็นค่ำคืนที่วิเศษสำหรับเจ้านะ” 

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” กู่ฉิงซานยิ้มรับ 

เขาก้าวเดินลงบันไดแต่ละขั้นอย่างเชื่องช้า แสดงท่วงท่าให้ตนดูสง่างามยิ่งขึ้น จากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่หน้าสาวงามคนหนึ่งแล้วโค้งกายเอ่ยเชิญเธออย่างสุภาพเพื่อขอเป็นคู่เต้นรำ 

สาวงามเผยท่าทีค่อนข้างลำบากใจ และแอบหันไปมององค์จักรพรรดิ

อีกฝ่ายพยักหน้า 

สาวงามจึงจำต้องยอมรับคำเชิญของกู่ฉิงซาน และก้าวเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำไปพร้อมกับเขา 

“ฉันทำแบบนี้เพราะแค่ไว้หน้าท่านพ่อหรอกนะ หลังจากการเต้นรำในครั้งนี้จบลง หวังว่าคุณคงจะรู้ด้วยตัวเอง ว่าไม่ควรที่จะมาเสนอหน้าให้ฉันรำคาญใจอีก” รอยยิ้มแขวนไว้บนใบหน้าของสาวงาม ทว่าวาจาที่เปล่งกลับรวดเร็วและช่างร้ายกาจ

ไม่มีใครได้ยินสิ่งที่เธอพูด พวกเขาเพียงแค่มองท่าทีการแสดงออกที่ดูเป็นทางการของเธอ และต่างพาลกันคิดไปว่านี่คือการแลกเปลี่ยนสนทนากันตามมารยาท 

“โอเค” กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างมีความสุข ในใจคิดไปว่าในที่สุดก็มีคนที่คิดเหมือนกับเขาเสียที 

เพลงเต้นรำเริ่มเข้าสู่ท่วงทำนองเป็นจังหวะ 

งานเต้นรำได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว 

กู่ฉิงซานดึงมือเจ้าหญิง และก้าวเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ 

ขณะนี้ เขายืนยันได้สิ่งหนึ่งแล้ว 

จักรพรรดินีเวโรน่าเป็นคนที่หลักแหลมมาก 

เพียงประโยคเดียวของเธอ กลับสามารถเปิดเผยถึงความจริงต่อหน้ากู่ฉิงซาน จากนั้นเธอก็แยกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว 

“ครั้งก่อนที่ข้าไปเยือนรัฐบาลกลาง ฝ่าบาทได้เชื้อเชิญเจ้ามา แต่ข้าก็ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาจริงๆ ฉะนั้น ข้าจึงไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลย หวังว่ากู่น้อยคงจะไม่เก็บมาใส่ใจ” 

แม้เธอจะพูดอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความหมายที่เธอจะสื่อออกมา มันไม่เหมือนกับที่พูดเลย 

กู่ฉิงซานจดจำได้ว่าเป็นเธอเองนั่นแหละพยายามชักชวนเขาและแอนนาให้มาพักผ่อน 

คำเดิมที่เธอกล่าวเขาจำได้ว่า 

‘สองสัปดาห์ต่อจากนี้ คือช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี เมื่อเจ้ามาถึง จงมุ่งไปทางตอนเหนือของพระราชวัง เพื่อใช้วันหยุดในช่วงฤดูร้อนด้วยกัน ที่นั่นมีภูมิอากาศที่ดี ยามเช้าสามารถออกไปล่าสัตว์ ยามเย็นสามารถจัดปาร์ตี้เต้นรำได้ และหากสภาพอากาศไม่เลวร้าย เจ้ายังจะสามารถใช้กล้องโทรทรรศน์เพื่อเฝ้าสังเกตมอนสเตอร์เอกภพได้อีกด้วย’ 

ดังนั้น ทุกอย่างที่เธอกล่าวออกมาเมื่อครู่มันจึงผิด มันผิดแผกไปหมดเลย! 

อย่างไรก็ตาม แม้องค์จักรพรรดิจะได้ยินคำนี้ แต่เขากลับไม่ตอบสนองสิ่งใด มีเพียงรอยยิ้มที่แขวนอยู่บนใบหน้าเท่านั้น 

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? 

หากเป็นในมุมมองของผู้อื่น อาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงที่มักจะมีอารมณ์แปรปรวน และพูดอะไรออกไปตามใจปาก ทว่า สำหรับอุปนิสัยของจักรพรรดินีเวโรน่า กู่ฉิงซานพอจะได้รู้ได้ฟังมันมาจากแอนนาพอสมควรแล้วเช่นกัน 

ในโอกาสที่เป็นทางการเช่นนี้ แถมเธอยังเป็นถึงจักรพรรดินี ย่อมต้องให้ความใส่ใจกับ ‘คำพูด’และมารยาทพฤติกรรมของตัวเองเป็นอย่างมากแท้ๆ แต่เธอกลับทำตรงกันข้าม

เกิดอะไรขึ้นระหว่างองค์จักรพรรดิกับจักรพรรดินีกันแน่? 

หากมันเป็นเพียงแค่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง หรือเรื่องราวเกี่ยวกับสมดุลทางการเมือง กู่ฉิงซานก็คงขี้เกียจเกินกว่าที่จะเก็บมันมาใส่ใจ 

แต่องค์จักรพรรดิมีบางอย่างที่ดูผิดปกติไปจริงๆ

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่ในจิตใจของเขา 

แต่สองขาของเขาก็ยังย่ำเดินลงตามจังหวะของเจ้าหญิง และเต้นรำไปพร้อมกับเธอ 

เดิมทีตอนแรกเขามาที่นี่เพื่อหมายจะเจรจาทำข้อตกลงแลกเปลี่ยน 

ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสิทธิบัตรการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือการฝึกฝนเทคนิคฝึกยุทธ เขาเชื่อว่าองค์จักรพรรดิแห่งฟูซีจะต้องรับมันไว้ในพิจารณาอย่างแน่นอน 

แต่ตอนนี้ มันราวกับว่าจะมีอะไรมากกว่าการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนซะแล้ว 

และทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็พลันระลึกย้อนได้ถึงบางสิ่ง 

ในชีวิตก่อนหน้า ภัยพิบัติเยือกแข็ง ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มต้นขึ้นจากสาธารณรัฐฟูซีนี่นา? 

และแล้วในเวลานี้ เพลงก็สิ้นสุดลง 

เจ้าหญิงสะบัดมือออกจากเขาอย่างเงียบๆ หันหลังกลับ และเดินออกจากฟลอร์เต้นรำไปยังนายทหารคนหนึ่งที่มีร่างกายสูงใหญ่และหล่อเหลา 

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ ก่อนจะพบกับมุมเงียบๆ แล้วเดินไปที่นั่น ระหว่างทางก็คคว้าหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ 

ช่วงเวลานี้ องค์จักรพรรดิได้ขึ้นไปบนฟลอเต้นรำพร้อมด้วยหญิงงามที่ทรงเสน่ห์ในอ้อมแขนของเขา บรรยากาศงานเลี้ยงได้มาถึงจุดที่เข้มข้นที่สุดแล้ว 

กู่ฉิงซานเรียกบริกรมา และเอ่ยถามถึงที่ตั้งของห้องน้ำอย่างสุภาพ จากนั้นก็แยกตัวออกไป 

เขาเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตู จากนั้นก็หยิบกระดาษที่ถูกขยำจนเป็นลูกกลมๆ ออกมา 

ในช่วงเวลาที่จุมพิตทักทาย จักรพรรดินีก็ได้ยัดกระดาษแผ่นนี้ลงในมือของเขาอย่างรวดเร็ว 

กู่ฉิงซานคลี่มันออก 

“ตราสัญลักษณ์แห่งความตายอยู่ในมือของแอนนา” 

ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ไม่กี่คำ 

กู่ฉิงซานมองมันอยู่สักพัก ก่อนจะขยำมันดังเดิม 

ประโยคนี้ ก็ยังหลักแหลมสมกับที่เป็นจักรพรรดินีเหมือนเดิม

ประการแรก แม้ว่าผู้อื่นจะเป็นคนค้นพบกระดาษแผ่นนี้และอ่านเนื้อหาของมัน เขาก็จะเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องราวภายในของราชวงศ์เมดิซี และไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ผู้อื่นจะยื่นมือเข้ามาแทรกแซงหรือสืบเสาะต่อ 

ประการที่สอง ก่อนที่แอนนาจะเข้าสู่การทดสอบ เธอก็ได้ร้องขอเอาสัญลักษณ์แห่งความตายมาจากกู่ฉิงซาน 

ความลับดังกล่าวนี้ มีเพียงแค่ซางหยิงฮ่าวและคนอื่นๆ เท่านั้นที่รู้ 

แต่ตอนนี้จักรพรรดินีก็รับรู้ด้วย เกรงว่าคงจะมีแต่แอนนาเท่านั้นที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แก่เธอ 

ตัวจักรพรรดินีคงต้องการที่จะเน้นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างเธอกับแอนนา 

...เพราะพวกเธอเป็นสองหญิงคนสุดท้ายของราชวงศ์เมดิซี 

ดังนั้น กระดาษที่ถูกขยำนี่ จึงถูกใช้เพื่อดึงดูดความไว้วางใจจากกู่ฉิงซาน

หลังจากนั้นจักรพรรดินีเวโรน่าก็ได้พูดกับกู่ฉิงซานต่อหน้าองค์จักรพรรดิ และชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติ 

เมื่อนำทุกอย่างมามัดรวมเข้าด้วยกัน มันจะกลายเป็นประโยคใหม่ที่สื่อใจความออกมาว่า ‘เจ้าต้องเชื่อข้า องค์จักรพรรดิมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล’ 

กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงความคิด 

เขาบ่นพึมพำ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าไม่ได้มาเห็นมันด้วยตาของตัวเอง” 

องค์จักรพรรดิแห่งฟูซีเป็นมืออาชีพที่ทรงพลัง และแน่นอนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ไม่ต่างกัน ดังนั้น มันจึงแทบจะไม่มีใครที่จะสามารถฝ่าแนวรักษาการมากมายที่คอยคุ้มครองเขาเข้ามา และลงมือกระทำการใดๆ ได้ 

หรือไม่บางที ก็อาจจะเป็นตัวองค์จักรพรรดิเองนั่นแหละที่ปกปิดอะไรบางอย่างจากทุกผู้คน และกำลังวางแผนจะทำอะไรบางอย่างอยู่? 

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย 

ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่ถูกต้อง ดูผิดเพี้ยนไปหมด 

จักรพรรดินีเวโรน่าเป็นป้าของแอนนา และในกรณีที่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเธอ เขาก็จำต้องเข้าช่วยเหลือ 

เนื่องจากสถานการณ์มันเป็นแบบนี้แล้ว… 

กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไป 

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธในขอบเขตก้าวสู่เทพ ดังนั้นระยะพิสัยของจิตเทวะจึงค่อนข้างกว้างพอสมควร 

และคนในโลกใบนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจิตสัมผัสเทวะนั้นคือสิ่งใด 

ฉะนั้นจึงไม่มีใครต่อต้านมัน 

กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะไปตลอดทั่วทั้งวังอย่างง่ายดาย จากนั้นก็เริ่มขยายออกไปภายนอกอย่างต่อเนื่อง 

และทันใดนั้นเอง เมื่อมันสัมผัสลงบนผิวโอเอซิส เขาก็ได้รับรู้ถึงสัญญาณของปัญหาทั้งหมด!

........................................