webnovel

0206 ซูเซี่ยเอ๋อร์

ตอนที่ 206 ซูเซี่ยเอ๋อร์

ภาพของแอนนาพร้อมข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของเธอปรากฏขึ้นบนสมองควอนตัม

ซูเซี่ยเอ๋อร์จ้องมองมันอยู่เป็นเวลานาน ปากเอ่ยงึมงำ “เป็นผู้ใช้ธาตุทั้งห้าระดับสี่ขั้นสูง ครอบครองเทคนิคเทียนซวนประเภทที่มีพลังอันลึกล้ำ สถานะก็ยังสูงส่ง…”

“แถมยังเป็นผู้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกต่างหาก”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ส่ายหัวด้วยความปวดร้าว เอ่ยกล่าวคำคิดที่คิดอยู่ในจิตใจออกมา “ตัวฉันคงจะไม่มีทางจะสู้เธอได้จริงๆ”

สองตาหลั่งน้ำตาไหลริน ปากเอ่ยถ้อยคำอันแสนเศร้าสร้อย

“หากเปรียบเทียบกับฉัน เธอไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่า แต่ยังสามารถคอยยืนหยัดอยู่เคียงข้างพี่ใหญ่ฉิงซานได้ แถมจากนิสัยและการกระทำ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นฝ่ายกล้ารุกเข้าหาเขาโดยตรงซะด้วย…”

“แล้วดูฉันสิ แม้กระทั่งออกจากอาณาเขตคฤหาสน์ของตระกูลยังไม่สามารถทำได้เลย”

“มองยังไงนี่มันก็เป็นความพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์...”

ในตอนนั้นเอง เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูเร่งรีบก็ดังมาจากจุดที่ไกลออกไป

“รุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลหลักคนอื่นๆ กำลังรอลูกอยู่นะ ทำไมถึงมัวแต่มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”

มาดามซูในชุดกระโปรงยาว สองมือจีบยกชายกระโปรงขึ้น สองเท้าก้าวเดินมุ่งตรงเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน

“เซี่ยเอ๋อร์ ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ อย่าทำอะไรตามอารมณ์ของตัวเองเหมือนเด็กๆ จะได้ไหม”

เซี่ยเอ๋อร์ปาดน้ำตาและกล่าว “หนูไม่ได้ทำอะไรตามอารมณ์ตัวเองซะหน่อยนะแม่”

มาดามซูไล่ถามจี้ “ก็แล้วถ้าอย่างนั้น ทำไมลูกถึงบอกว่าไม่ต้องการที่จะออกไปร่วมงาน เพื่อที่จะได้พบปะทุกคนกันล่ะ?”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ทำหูทวนลม สองตายังคงจ้องภาพในสมองควอนตัม จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้มือเลื่อนไปสลับภาพข่าวบนจออย่างไม่รู้ตัว

สายตาของเธอตกลงบนร่างของแอนนากับกู่ฉิงซาน จ้องนิ่งค้างอยู่เนิ่นนานไม่อาจละไปจากมันได้

มาดามซูยืนรออยู่สักพัก แต่ลูกสาวกลับยังคงมิได้ให้คำตอบ ความอดทนของเธอจึงเริ่มมาถึงขีดสุด

“เซี่ยเอ๋อร์ ถ้าลูกยังไม่ยอมออกไป แม่จะระงับบัตรเครดิตทั้งหมดของลูก แล้วทีนี้ลูกก็จะไม่สามารถโอนเงินไปช่วยเหลือเจ้าคนยากจนตัวเหม็นนั่นได้อีกต่อไปแล้วนะ”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ที่เห็นว่าถูกอีกฝ่ายแอบมอง จึงปิดสมองควอนตัมส่วนบุคคลลง หันหน้าเบนสายตามาสบตากับมาดามซูเป็นครั้งแรก

“ท่านแม่ คิดเห็นว่ายังไง?” เธอถาม

“ถามแม่ว่าคิดเห็นยังไงอย่างนั้นหรือ? แม่ต่างหากที่ต้องถามว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่!” มาดามซูถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม “รุ่นเยาว์ของเก้าตระกูลที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงล้วนมารวมตัวกันที่นี่ ไม่ว่าใครเจ้าก็สามารถเลือกสรรได้ แต่เจ้า ลูกแม่ เจ้ากลับไม่ยอมออกไปเจอพวกเขา!”

“ท่านแม่จะไปรู้อะไร พวกเขามาที่นี่เพื่อเพลิงนางฟ้าต่างหาก เพลิงนางที่เป็นผลงานชิ้นเอกของพี่ใหญ่ฉิงซาน! แต่แม่กลับเกลียดชังและเอาแต่ดูถูกพี่ใหญ่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้” ซูเซี่ยเอ๋อร์ถามด้วยความเสียใจระคนสงสัย

“โถ่…แม่ไม่ได้ดูถูกเขา แต่เจ้าถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องแต่งงานกับเฉพาะคนของเก้าตระกูลใหญ่”

“ทำไมกัน?”

พอถูกเอ่ยถาม มาดามซูก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบหัวข้อนี้โดยไม่รู้ตัว เบี่ยงประเด็นไปกล่าวอีกเรื่อง “ผู้ปกครองของพวกรุ่นเยาว์ที่แม่เชิญมา ต่างยินดีที่จะช่วยสนับสนุนครอบครัวของพวกเรา! หากเรื่องการตกลงแต่งงานประสบความสำเร็จ พวกเขาจะช่วยผลักดันพ่อของเจ้าให้เป็นผู้นำตระกูลซูคนต่อไป”

“ถ้าท่านปู่รู้ว่าท่านแม่จะทำแบบนี้ เขาคงจะผิดหวัง”

“อย่าเอ่ยถึงตาแก่ตายยากนั่น ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาทีไร ไม่แคล้วต้องพบเจอกับร้ายๆ ทุกที!” มาดามซูกล่าว

ซูเซี่ยเอ๋อร์ลุกขึ้น ก้าวไปทีละก้าว ทีละก้าว จนมาหยุดอยู่ตรงข้ามมาดามซู “ท่านแม่ หนูมีข้อเสนอ”

“เจ้าหรือ? ด้วยอายุของเจ้า ที่แทบจะไม่เข้าใจโลก ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่สมควรจะเสนอสิ่งใดออกมาหรอกนะ”

“ก็เพราะความคิดแบบนั้นนั่นแหละ ที่เป็นเหตุผลให้แม่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย”

มาดามซูมองลูกสาวของตน และรู้สึกว่าในวันนี้ อีกฝ่ายดูจะแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย

ซูเซี่ยเอ๋อร์เอ่ยปากกล่าว “ท่านแม่กำลังมองหาแรงสนับสนุนจากตัวตนภายนอก แต่แม่ดันลืมสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดไป”

“แล้วไอ้ที่ว่ามานั่นมันเรื่องอะไร?” สีหน้าของมาดามซูเริ่มแปรเปลี่ยนไป

“ก็เรื่องที่ว่า ถ้าแม่แข็งแกร่งหรือมีอำนาจมากพอ แม่ก็ไม่จำเป็นต้องขายลูกสาวกินเพื่อแลกเปลี่ยนกับแรงสนับสนุนในระยะสั้นๆ แบบนี้น่ะสิ”

มาดามซูตะคอกด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ลูกพูดอะไรออกมา! ขายลูกสาวบ้าบออะไร! พวกเราหวังดีกับเจ้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเจ้าเองนั่นแหละ!”

“ผลประโยชน์สำหรับหนู?”

“ก็ใช่น่ะสิ” มาดามซูเริ่มหอบหายใจ น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พ่อของลูกจะกลายเป็นผู้ดูแลตระกูลซูในเร็วๆ นี้ และเจ้า ในฐานะที่เป็นเด็กสาวชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ก็จะได้แต่งงานกับรุ่นเยาว์ชนชั้นสูงที่มีแนวโน้มว่าในอนาคตจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปเช่นกัน แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นผลประโยชน์หรือ?”

พอได้ฟัง ซูเซี่ยเอ๋อร์ก็หันไปสบตากับฝั่งตรงข้ามแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน “ผลประโยชน์แบบนั้นหนูไม่ต้องการ หนูไม่อยากทำอะไรแบบนั้น!”

มาดามซูเริ่มโกรธแล้ว น้ำเสียงของเธอเริ่มดังขึ้น “ช่วยคิดให้มันรอบคอบหน่อยจะได้ไหม รู้หรือเปล่าว่าในอดีต หญิงที่มีเกียรติและชื่อเสียงมากมายขนาดไหนที่ใฝ่ฝันจะเป็นเหมือนกับเจ้าที่เพียงแค่ชี้นิ้ว ก็สามารถเลือกรุ่นเยาว์ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้สืบทอดผู้นำตระกูลคนต่อไปได้เลยตรงๆ เท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือ?”

“และเมื่อเวลานั้นมาถึง ตระกูลซูของเราก็จะเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุด!”

“ไม่ใช่นะ! ท่านแม่กำลังตกอยู่ในความลุ่มหลง อำนาจและอิทธิพลเหล่านั้นมันไม่มีจริงหรอก ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตาไม่อาจเชื่อถือได้!”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ส่ายหัวและกล่าวต่อ “ตัวท่านแม่น่ะไม่มีพรสวรรค์ใดๆ เลย นอกเสียจากการคาดคำนวณแผนการไปวันๆ พลังยุทธของท่านแม่ยิ่งแล้วใหญ่ ท่านปู่เลยลังเลใจว่าสุดท้ายจะมอบผู้นำตระกูลให้กับท่านพ่อท่านแม่ดีหรือไม่”

มาดามซูยิ้มออกมาด้วยความจองหอง “ลังเลแล้วมันจะทำไม น่าเสียดายที่ตระกูลของเรา มีเพียงพ่อของเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสม แม้ว่าพวกอาวุโสต้องการจะเปลี่ยนกิ่งก้านลำดับวงศ์ตระกูล เพื่อหาคนอื่นมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำแทน มันก็สายเกินไปอยู่ดี”

ซูเซี่ยเอ๋อร์พยักหน้า ถอนหายใจออกมา “ในเรื่องนี้ ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว”

“ลืมมันเถอะ หนูขอตัวไปหาท่านปู่ก่อนนะ”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ละเลยเสียงตะโกนไล่หลังของมาดามซูอย่างสิ้นเชิง และเดินออกจากเวทีฝึกซ้อมไป

เธอเดินผ่านลานกว้าง ข้ามผ่านห้องโถงเต้นรำและฝูงชนที่จอแจ โดยไม่แยแสหนุ่มรุ่นเยาว์ที่เข้ามาพูดคุยเลยแม้แต่น้อย

“พี่สาว นั่นพี่กำลังจะไปไหนน่ะ?”

ชายคนหนึ่งเดินแหวกฝูงชนเข้ามา และคว้าจับข้อมือของเธอเอาไว้

ซูเซี่ยเอ๋อร์หันไปมอง และพบว่าจริงๆ แล้วเขานายหนุ่มสองแห่งตระกูลซู ‘ซูเหวิน’

“ฉันจะไปหาท่านปู่ ยิ่งไปกว่านั้นในสถานที่แบบนี้ พฤติกรรมที่นายทำมันดูไม่เหมาะสมนะ ไม่รู้รึไง?” ซูเซี่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้ว

ซูเหวินผละมือออก เผยรอยยิ้มขอโทษ “ก็พี่ไม่ยอมปรากฏตัวออกมาซะที ผมมีเพื่อนดีๆ อีกตั้งหลายคนที่อยากจะทำความรู้จักกับพี่อยู่นะ”

เขายกนิ้วโป้งชี้ไปยังเบื้องหลัง ที่ที่นายน้อยชนชั้นสูงหลายคนกำลังยืนอยู่

“เห็นนั่นไหม ทุกคนมากับผม แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดต้องการที่จะมาหาพี่ พี่ช่วยไปพูดคุย...”

“ไว้ก่อนนะ ฉันยังมีอะไรบางอย่างที่จะต้องไปทำอยู่”

ซูเซี่ยเอ๋อร์หันไปอีกทางและเตรียมที่จะเดินจากไป

“‘การปฏิเสธที่จะลิ้มลองขนมปัง ระวังจะถูกบังคับให้ดื่มกินสุราที่ไม่ถูกใจ’ นะพี่สาว” สองมือของซูเหวินล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง พยายามเอ่ยกล่าวอย่างใจเย็น ในหัวฟุ้งไปด้วยความคิด “ได้ยินมาว่าพี่สาวสนใจเจ้าคนยากไร้น่าสงสารคนหนึ่งอยู่นี่นา ถ้าพี่เดินจากไปเฉยๆ ผมจะส่งคนไปประเคนสาวๆ ให้กับมันจนมันอาจจะระเริงรักลืมพี่ไปเลยก็ได้นะ”

ซูเซี่ยเอ๋อร์หยุดฝีเท้า

เธอค่อยๆ หันกลับไปมองน้องชายในสายเลือดอย่างช้าๆ

ซูเหวินหันกลับไปผงกหัวให้กับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา หลายคนในนั้นหัวเราะคิกคักออกมาและยกนิ้วโป้งให้แก่เขาทันที

“ไปกันเถอะพี่สาว มากับผม”

ซูเหวินหันหลัง เดินออกไปได้สองก้าว

ทว่าซูเซี่ยเอ๋อร์กลับยังคงเงียบ มิได้เคลื่อนไหวใดๆ

ซูเหวินที่เดิมเป็นคนที่มีความอดทนต่ำอยู่แล้ว เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาหันกลับมาและกล่าว “มันก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ นั่นแหละ พี่ก็แค่ไปทักทาย แล้วเต้นรำกับพวกเขาไม่กี่เพลงก็เท่านั้นเอง นี่พี่ยังมัวลังเลใจอะไรอยู่อีก?”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ยังคงนิ่ง

เธอเอื้อมมือออกมา แล้วจู่ๆ ก็วางมันลงบนหัวตัวเอง

-เธอกำลังทำท่าทีเลียนแบบคนคนหนึ่ง ที่เคยแตะลงบนหัวเธอเบาๆ และส่งผ่านความอบอุ่นอันอ่อนโยนลงมา

“แปลกจัง ไม่ว่าจะแม่หรือนาย คนอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกันหมด”

ซูเซี่ยเอ๋อร์กล่าวขึ้นในทันใด

เธอเอาแต่ส่ายหัวราวกับว่ากำลังปฏิเสธอะไรบางอย่าง

“คำก็ยากจน อีกคำก็ยากไร้น่าสงสาร นี่คิดจะใช้เขามาข่มขู่ฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน? ทำไมถึงทำแบบนี้ พวกเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันรึไง?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเหวินได้จางหายไป เขาหันไปส่งสัญญาณมือให้ผู้ติดตามที่อยู่เบื้องหลังแทน

และผู้ติดตามคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาทันที

“ครับนายน้อย?”

“เฮ้อ อย่างนั้นคงต้องใช้วิธีที่พูดกันไว้แล้วล่ะ พาสาวๆ สักสามคน...ไม่สิสักสิบคน ไปประเคนให้ไอ้หมอนั่นซะ จองโรงแรมดีๆ ให้มันด้วย เผื่อมันไม่มีเงินจ่าย!”

ซูเหวินหันกลับมามองซูเซี่ยเอ๋อร์ “ระหว่างนี้พี่ยังพอจะเปลี่ยนใจได้ทันนะ จะยอมไปพบกับเพื่อนๆ ของผมได้รึยัง”

ซูเซี่ยเอ๋อร์ชะงักงัน เอ่ยถามออกไป “น้องชาย คิดหรือว่าจะสามารถบังคับฉันได้?”

“ไม่หรอก แต่เป็นพี่ต่างหากที่กำลังบังคับผมให้ต้องทำแบบนี้” ซูเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าตั๋วแห่งชัยชนะอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว “รีบไปซะ จัดการในทันที”

ผู้ติดตามขานรับ เตรียมที่จะก้าวเดินจากไป ทว่าในตอนนั้นเอง

“สวบ!”

เสียงนี้กังวานไปทั่วทั้งบริเวณ พื้นสีขาวบริสุทธิ์ บัดนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็น สีที่ตัดกันอย่างชัดเจน ยิ่งหนุนเสริมศิลปะแห่งเลือดตรงหน้าให้ดูเด่นชัด

ห้องโถงของตระกูลซูที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ผ่านการใช้งานโดยทุกเพศทุกวัยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และไม่เคยปรากฏถึงสิ่งสกปรกหรือคราบเปื้อนใดๆ เลยมาก่อนเลย บัดนี้ บนพื้นของมันถูกแช่ไปด้วยเลือดสีแดงสด

ปรากฏหลุมขนาดใหญ่บนหน้าอกของผู้ติดตาม เขาล้มลงกับพื้นและเสียชีวิตทันที

ฉากงานเลี้ยงเต้นรำเริ่มปรากฏเสียงกรีดร้องดังขึ้น

ซูเซี่ยเอ๋อร์ถอนมือกลับ หลั่งน้ำตาร่ำไห้อย่างเงียบๆ

“ทำไมนายต้องบังคับฉันด้วย?” สองตาหุบลง ปากเอ่ยกล่าวน้ำเสียงที่เบาราวกับกำลังกระซิบออกมา

ซูเหวินยืนโง่งมอยู่ในจุดเดิมทั้งๆ อย่างนั้น

เขาไม่เคยเห็นพี่สาวของเขาทำอะไรเช่นนี้ และยังรู้อีกด้วยว่าพี่สาวไม่เคยกระทั่งฆ่าสังหารสิ่งมีชีวิตใดมาก่อน

ทว่าตอนนี้ เธอกลับได้ฆ่าคน...ฆ่าคน! ฆ่าต่อหน้าสาธารณชนกลุ่มใหญ่

ซูเซี่ยเอ๋อร์ยกสองมือขึ้นกุมหน้า ร่ำไห้อย่างเงียบๆ จนผ่านไปครู่หนึ่ง

เธอจึงหยุดร้องไห้ ผละสองมือออก ใบหน้าที่สวยสดงดงามทว่ามีบางส่วนถูกแต่งแต้มไปด้วยเลือดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บัดนี้ในแววตาของหญิงสาวมันกลับปราศจากซึ่งความโศกเศร้าอีกต่อไป

............................................................