ตอนที่ 80 ได้เรียนรู้
ซางหยินฮ่าวยักไหล่และกล่าว “สมาคมจูซิงรับเงินแลกกับการสังหารคน คนที่เป็นเป้าสังหารจะถูกทรมานอย่างทุกข์ตรมเพื่อความสนุกสนานของพวกมัน ซึ่งนี่มันขัดแย้งกับปรัชญาธุรกิจของฉัน”
“ฟังดูเหมือนว่าจะเป็นข้อพิพาททางธุรกิจซะมากกว่านะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ก็อาจจะ แต่ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของฉัน และถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะขัดขวางคู่แข่งทางธุรกิจของฉันเช่นกัน” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“เพราะงั้นนายเลยคิดจะช่วยฉัน?”
“นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง จริงๆ แล้วมีผู้มีอำนาจหลายคนในรัฐบาลกลางกำลังกระทำการบางอย่างที่ แทบจะถือได้ว่าเป็นการทำลายตนเองอยู่นะ”
ซางหยิงฮ่าวลังเลอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมา “ทุกคนกล่าวกันว่าจักรวรรดิฟูซีนั้นเป็นพวกอนุรักษนิยม แต่เกือบทุกคนในจักรวรรดิฟูซีล้วนมีทักษะพิเศษ พวกเขามีระบบการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบ ทำให้สามารถผลิตนักสู้จำนวนมากออกได้ แต่ทางฝั่งพวกเรา ตระกูลใหญ่ทั้งเก้า กลับหวาดกลัวในความก้าวหน้า”
“หวาดกลัวในความก้าวหน้า?” กู่ฉิงซานเอ่ยทวนซ้ำ
“ถูกต้อง มันคือความหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี”
ซางหยิงฮ่าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉะฉาน แสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจในสิ่งที่กล่าว
“พวกเขาสั่งการให้ยุติเทคโนโลยีผสานยีน เพียงเพราะกลัวว่าผู้คนจำนวนมากสามารถกลายเป็นนักสู้หลายดาวได้”
“นอกจากนี้ พวกเขายังถอนตัวออกจากโครงการวิจัยอวกาศนานาชาติ และบอกว่ามอนสเตอร์ในอวกาศนั้นไม่สามารถที่จะต่อกรได้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพราะเรื่องเงินต่างหาก ค่าใช้จ่ายที่พวกเขาจะต้องสูญเสียมันเข้าเนื้อมากเกินไป”
“ยังมีอีกนะ พวกเขาไม่แม้กระทั่งมีความคิดริเริ่มที่จะศึกษาศาสตร์ความแข็งแกร่งอันลึกลับของจักรวรรดิโอลันก้า และไม่เคยที่จะใส่ใจถึงการปฏิวัติทางอาวุธของสาธารณรัฐฟูซีเลย”
ซางหยิงฮ่าวยิ้มเยาะและกล่าว “ก็นะ พวกจ้าวมณฑล…พวกผู้นำทั้งหลายน่ะแก่แล้ว ถึงเวลาที่จะต้องผลัดเปลี่ยนใหม่เสียที”
“นายนี่มันเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ทำเอาฉันชักอยากจะขยับเนื้อขยับตัวกระโจนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยซะแล้ว” นี่เป็นครั้งแรกที่กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เมื่อทัศนคติของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด ซางหยิงฮ่าวก็เริ่มที่จะจริงจังขึ้นเช่นกัน
ซางหยิงฮ่าวผงกหัวและกล่าว “เพื่อที่จะแสดงความจริงใจต่อไปในอนาคต ฉันสามารถบอกนายได้ว่า คนที่กำลังจะมาฆ่านายคือมิสเตอร์วูฟแห่งสมาคมจูซิง นักฆ่าคนนี้เป็นหนึ่งในไพ่ตายของพวกเขา”
“ไพ่ตาย? ลงทุนถึงขนาดนั้น ทำเอาฉันรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเลยแฮะ”
กู่ฉิงซานหัวเราะร่าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ…” ซางหยิงฮ่าวเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ “แต่ดูเหมือนว่าทางพวกเขาก็จะส่งคนไปยังมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงด้วยนะ และเป้าหมายก็คือเพื่อนของนาย ซูเซี่ยเอ๋อแห่งตระกูลซู”
เมื่อกล่าวประโยคนี้จบลง ซางหยิงฮ่าวพลันสัมผัสได้ถึงกระแสเย็นเยียบ จนเขาถึงกับผงะยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เจ้าหนูที่อยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้ วินาทีก่อนยังปรากฏซึ่งรอยยิ้มที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์และสัตว์โลกอยู่เลย แต่เวลานี้ ทั้งคนทั้งร่างของอีกฝ่าย กลับปลดปล่อยออกมาด้วยจิตสังหารอันน่าหวาดหวั่นออกมา
จิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว และมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในพริบตาเดียวจิตสังหารทั้งหมดก็หายไป
สีหน้าของชายหนุ่มไม่ได้แสดงออกถึงห้วงอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนทั้งคนทั้งร่างของเขาจะหยุดนิ่งไปเสียอย่างงั้น
ซางหยิงฮ่าวรู้สึกว่าสมองของเขาว่างเปล่า และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลุดพ้นจากสภาวะนี้
เมื่อครู่นี้มันเป็นไปได้อย่างไร!
หากอีกฝ่ายต้องการจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ตัวเขาจะต้องตกอยู่ในเจตนาฆ่าอยู่ก่อนแล้ว และหากเป็นเช่นนั้นตัวหยิงฮ่าวที่อยู่ข้างๆ ย่อมต้องสามารถตรวจจับมันได้ตั้งแต่ต้น
แต่จิตสังหารของชายคนนี้จู่ๆ ก็กลับสามารถล้นทะลักออกมาได้เลย อย่างกับว่ามันสามารถถูกปลดปล่อยออกมาได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่อาจตรวจจับได้ แม้กระทั่งเขาที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ก็ไม่อาจพบร่องรอยได้เลย
จิตสังหารเช่นนี้ ส่งผลให้หัวใจของคนไม่อาจต้านทาน แม้กระทั่งตัวซางหยิงฮ่าวเองก็เกือบที่จะทนไม่ไหว
ในเวลานั้นเอง เบื้องนอกกระจกห้องบานใหญ่ พลันปรากฏร่างชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตกกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และเคาะลงบนกระจกเบาๆ
นี่มันเป็นถึงชั้นที่สิบห้า ไม่มีใครรู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร
ภายใต้การเคาะของเขา กระจกบานใหญ่บริเวณนั้นก็พลันหายวับไปจากสายตา
“ขออภัย ที่ผมมาสาย” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษด้วยความสุภาพ
เขาลอยเข้ามาและก้มลงมองนาฬิกาก่อนจะกล่าว “การขัดขวางคู่แข่งทางธุรกิจดูเหมือนว่าจะไม่ประสบผลสักเท่าไหร่นะว่าไหม? เอาล่ะ มิสเตอร์กู่ฉิงซาน ตอนนี้ก็ถึงเวลาของคุณแล้ว
อย่างไรก็ตามในมือของกู่ฉิงซาน ตอนนี้ได้คว้าจับไปในความว่างเปล่าและดาบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กู่ฉิงซานยกดาบขึ้นและชี้ไปยังชายหนุ่ม
“นายคือมิสเตอร์วูฟ?”
“ใช่แล้ว นั่นคือผมเอง และผมก็มาเพื่อเอาชีวิตคุณ”
ชายหนุ่มฉีกยิ้ม และกล่าวอย่างมีความสุข
ทว่านั่นกลับกลายเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาในโลกใบนี้
โรงแรมฟรีฮอลิเดย์เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง แต่ละห้องเต็มไปด้วยกระจกขนาดใหญ่จากพื้นจรดขึ้นไปถึงเพดาน มันถูกสร้างขึ้นมาไว้เพื่อให้ผู้เข้าพักได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามในยามค่ำคืนของเมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ บนห้องชั้นที่สิบห้า กระจกแก้วบานใหญ่นับจากพื้นจรดเพดานก็พลันพังทลายลงแตกกระจายเป็นเศษๆ ทั้งๆ ที่เท้าของชายหนุ่มยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสลงกับพื้นด้วยซ้ำ
และวินาทีต่อมา ก็ปรากฏเสียงแผดคำรามดังกึกก้อง
กระจกแก้วบานใหญ่ทั้งหมดในโรงแรมฟรีฮอลิเดย์ ท่ามกลางเสียงแผดคำรามนี้ ทั้งหมดก็แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยอย่างสิ้นเชิง
ท่ามกลางรังสีดาบที่ห่อหุ้ม ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกอัดกระแทกตกลงมาจากชั้นสิบห้า
รังสีดาบค่อยๆทวีความว่องไวขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันไล่สับสะบั้นเป้าหมายอย่างกับโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน และไม่กี่ลมหายใจ ทั้งร่างของชายหนุ่มก็แยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ
ทว่ารังสีดาบยังคงสับสะบั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ไล่ติดตามลงมาจากชั้นที่สิบห้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สะบั้นจนไม่อาจค้นพบได้แม้กระทั่งร่องรอยเศษชิ้นเนื้อของชายหนุ่มที่ถูกรังสีดาบตัดผ่าน
“ซางหยิงฮ่าว ฉันติดหนี้นายแล้ว”
กู่ฉิงซานกล่าว เขากระโจนลงจากตัวโรงแรมและไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย
ซางหยิงฮ่าวมีชีวิตอยู่มาหลายปี แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตนควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี
เรื่องที่ไพ่ตายของสมาคมจูซิงถูกฆ่าในพริบตาโดยเจ้าหนูนี่ แถมยังถูกสับซะกลายเป็นผงไม่เหลือกระทั่งร่องรอยของคมดาบ
หรือว่าอีกเรื่องหนึ่ง…หยิงฮ่าวมองไปยังแผ่นหลังของกู่ฉิงซานและกล่าวอย่างหมดหนทาง “นี่มันบนชั้นสิบห้านะสหาย…”
แต่ทันใดนั้นเอง ณ กลางอากาศ เด็กหนุ่มก็พลันหยิบอะไรบางอย่างออกมา
“เพลิงนางฟ้า”
เขากล่าวกับสิ่งนั้น
บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวง
ภายในดาวเทียมที่โคจรใกล้กับโลกมากที่สุด
จู่ๆ ประตูห้องโดยสารของมันก็เปิดออก พร้อมกับหุ่นรบอันประณีตงดงามถูกปล่อยตัวออกมาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวก็เห็นเพียงเงา มุ่งตรงสู่เมืองหลวงภายใต้ดวงดาว
กว่าที่เสียงกระหึ่มจากการระเบิดออกตัวจะดังขึ้น เงานั้นก็ได้ข้ามผ่านไปไกลแล้ว ดูเหมือนว่าความเร็วของมันจะอยู่เหนือยิ่งกว่าเสียงไปหลายวินาที
ความว่องไวของหุ่นรบตัวนี้รวดเร็วเกินไปจริงๆ
ยามเมื่อพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วจากมุมสูง และกางปีกทั้งสองออกเพื่อชะลอความเร็วให้หยุดอยู่กลางอากาศ ช่างดูสง่างามยิ่ง มันเอื้อมมือจักรกลออกไปคว้าจับกู่ฉิงซาน และเนื่องด้วยมันได้ชะลอความเร็วลง ทำให้ซางหยิงฮ่าวสามารถเห็นฉากนี้ได้อย่างเต็มสองตา
“โอ้พระเจ้า ให้ตายเถอะ เจ้าหมอนี่มันชักจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว” เขาเบิกตากว้างและเอ่ยพึมพำออกมา
เหนือท้องฟ้าสีคราม เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำและพุ่งทะยานออกไป
แต่ขณะนั้นเอง ความโกลาหลของโรงแรมฟรีฮอลิเดย์ก็พึ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ซางหยิงฮ่าวเดินไปยังกระจกแก้วบานใหญ่ที่ว่างเปล่า และก้มลงมองไปบนพื้นเบื้องล่างที่กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย และเหลือบมองไปยังรอยร้าวนับไม่ถ้วนบนตัวตึกโรงแรม เขาก็นิ่งไปนานก่อนจะส่ายหัวออกมา
“ฉากแบบนี้ ต่อให้เอาหุ่นยนต์นาโนเก็บกวาดมาสักร้อยตัว มันก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“แบบนี้ท่าจะแย่แล้ว ฉันต้องรีบไปคุยกับตาแก่”
เขาเดินไปคว้ากล่องเล็กๆ สีเงินขาวออกมา จากนั้นก็เปิดมันและหยิบสมองควอนตัมขึ้นมาและโทรออก
…
กู่ฉิงซานอยู่ในหุ่นรบเพลิงนางฟ้า สองมือของเขาพรมลง สั่งให้มันดำเนินการขั้นต่อไปอย่างรวดเร็ว
“ภายในสี่วินาที จะเดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง”
“ค้นพบที่ตั้งความผันผวนทางพลังงานชีวิตของซูเซี่ยเอ๋อ ทำการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการบิน”
เพลิงนางฟ้าหวีดคำรามลั่นราวสายฟ้าฟาด ก่อนที่มันจะเอียงตัวโค้งหักศอกและพุ่งตรงออกไป
ในพื้นที่เปิดโล่ง ด้านนอกอาคารเรียน
สนามพลังที่คอยกีดกันผู้คนได้ถูกยกเลิก และแอนนากับฟอร์ดก็ได้หายตัวไปตั้งนานแล้ว
บริเวณโดยรอบทั้งหมดคือคนจากตระกูลซู พวกเขากำลังวุ่นอยู่กับการควบคุมความเสียหาย
ซูเซี่ยเอ๋อยืนนิ่งอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง และเมื่อหุ่นรบได้มาถึง เธอที่คล้ายกำลังจะง่วงหลับก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
ชุดเกราะรบขับเคลื่อนที่ดูสง่างามและเพรียวบาง ปีกยาวทั้งสองข้างสยายออกบดบังแสงตะวันจากบนท้องฟ้า ชะลอความเร็วของมันและค่อยๆ ร่อนลงมา ฉากนี้ดูราวกับนางสวรรค์ในตำนานกำลังจุติลงมาบนโลกมนุษย์
ก่อนที่ผู้คนทั้งหมดจะทันได้ตอบสนอง เกราะรบก็ร่อนลงพื้นเสียงดังปัง! หยุดอยู่เบื้องหน้าของซูเซี่ยเอ๋อแล้ว
“นี่แกเป็นใคร!”
“แจ้งเตือนความปลอดภัย!”
“มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น!”
“คุ้มครองคุณหนู!”
เสียงตะโกนของความวุ่นวาย ผสมผสานกับเสียงอันหลากหลายของเกราะรบขับเคลื่อน พร้อมกับผู้คนมากมายที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งร้อน ส่งผลให้ฉากทั้งหมดนี้ดูซับซ้อนยิ่ง
หุ่นรบหลายตัวเริ่มเดินเครื่อง พริบตาเดียวพวกมันก็เริ่มพุ่งไปยังตำแหน่งปิดล้อมเชิงกลยุทธ์
“นี่ฉันเอง”
ภายในเกราะรบขับเคลื่อนที่สยายสองปีกบดบังแสงตะวัน ปรากฏเสียงของชายคนหนึ่งขึ้น
“พี่ใหญ่ฉิงซาน!” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยออกมาด้วยความสุข เธอโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนและกล่าว “อย่ากังวลไป คนคนนี้อยู่ฝ่ายเดียวกันกับพวกเรา”
และผู้คนโดยรอบก็ผ่อนคลายลง
แต่ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองไปยังหุ่นรบ วิธีการเปิดตัวของมันดูจะหวือหวา สะดุดตาเกินไปหน่อยไหม?
แถมเกราะรบเครื่องนี้ก็ดูจะไม่ซับซ้อน อาจพอกล่าวได้ว่ามันดูเรียบง่าย เพราะมีรูปร่างคล่องแคล่ว เพรียวลม และดูราวกับว่าเป็นคนจริงๆ
มันดูราวกับเป็นหญิงสาวที่ดูสุภาพอ่อนโยนที่กำลังหลับตาลงอยู่
เบื้องหลังติดตั้งไว้ด้วยคู่ปีกอันที่ดูบอบบาง ส่งผลให้เกราะรบตัวนี้แลคล้ายนางสวรรค์ในตำนาน
สำหรับผู้ที่เข้าใจถึงเกราะรบได้อย่างถ่องแท้ การแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขาก็พลันดูจริงจังมากขึ้นทันตา
การเลียนแบบเกราะรบให้เหมือนกับมนุษย์ ยิ่งเหมือนเท่าไหร่ เทคโนโลยีก็จะยิ่งไม่สามารถรองรับให้การเร็วของมันเคลื่อนไหวทันกับการต่อสู้ได้ นั่นจึงส่งผลให้เกราะรบไม่อาจขยับได้ตามใจนึกคิด
แต่เมื่อได้เห็นความรวดเร็วของหุ่นตัวนี้ขณะที่มันบินและร่อนลงจอดราวกับธารน้ำจากสรวงสวรรค์ที่ร่วงหล่นลงมาบนพื้นโลก
เพียงแค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่าเทคโนโลยีหลักของเกราะรบนี้แข็งแกร่งและทรงพลังจนยากที่จะเชื่อ
แล้วไหนจะปีกอันบางเบานั่นอีก ดูมันมีเสถียรภาพที่สูงมาก มองก็รู้ว่ามันมิใช่มีไว้เพียงเป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงาม แต่ยังมีไว้ใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย
........................................