webnovel

0078 เหรียญตรา

ตอนที่ 78 เหรียญตรา

ด้านหลังหญิงสาว ปรากฏเงาวูบตามมาจากในระยะไกล ก่อนจะเปลี่ยนร่างกลายเป็นชายสวมแว่นกันแดดสีดำ ปล่อยผมยาวของเขาแนบชิดติดกับแผ่นหลัง

ชายสวมแว่นกันแดดกล่าว “ช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว ชายแก่อาการหนักแต่ยังไม่ถึงตาย ส่วนผู้หญิงที่อยู่ด้วยไม่เป็นอะไรมาก แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”

พอได้ฟัง ความหนักอึ้งภายในหัวใจของซูเซี่ยเอ๋อก็คลายลง

‘รอดไปที ดูเหมือนว่าอาวุโสทั้งสองจะยังไม่ตาย’

ภายใต้อารมณ์ความรู้สึกสำนึกคุณ ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณที่ช่วยเหลือ ฉันจะจดจำความเมตตานี้ของคุณเอาไว้”

ทว่ากล่าวจบ เธอกลับไม่พบถึงปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ต่ออีกฝ่าย

ชายสวมแว่นยังคงเอาแต่จดจ้องไปยังตัวตลกและเงาสีเทาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ส่วนสาวผมแดงเพลิงก็ไม่ตอบเธอเช่นกัน หล่อนเพียงสาวเท้าก้าวยาวๆ ตรงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอ จากนั้นก็สายตาก็เลื่อนขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างนั้น

ท่ามกลางสายลมพัดโชย ซูเซี่ยเอ๋อก็ได้ยินเสียงกระซิบอันแผ่วเบาของอีกฝ่ายลอยตามมา

“หน้าอกฉันใหญ่กว่านิดหน่อยจริงๆ ด้วย...แต่นอกเหนือจากนั้นไม่ว่าสัดส่วนใดของเธอก็ช่างยอดเยี่ยม… ”

เมื่อได้ยินคำนี้ ซูเซี่ยเอ๋อรู้สึกว่าสมองของเธอกำลังลัดวงจร

เธอตั้งสติและสำรวจฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะพบว่าหญิงสาวตรงหน้าช่างดูคุ้นเคย แต่กลับไม่สามารถนึกออกได้ในทันที จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง

ในตอนนั้นเองหญิงสาวผมแดงที่กำลังจดจ้องเธอก็เอ่ยปาก “โง่เง่า ถ้าพลังธาตุในขอบเขตที่สามหลุดออกไป มันจะไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้วนะ”

แม้ซูเซี่ยเอ๋อจะรู้สึกสำนึกคุณที่ฝ่ายตรงข้ามได้ลงมือช่วยเหลือ แต่ในปากของเธอก็อดไม่ได้ที่จะบ่นอุบ “ก็นั่นฉันจงใจจะฆ่า...”

พอเธอกล่าวมันออกมา ซูเซี่ยเอ๋อก็เริ่มรู้สึกเสียใจ อีกฝ่ายอุตส่าห์ช่วยเหลือเธอแท้ๆ แต่เธอกลับพูดจากับพวกเขาอย่างนี้ได้เช่นไร

ซูเซี่ยเอ๋อลอบเสียใจอย่างลับๆ และต้องการที่จะแก้ไขคำพูด

แต่เมื่อหญิงสาวผมแดงเพลิงได้ยินคำกล่าวนี้ เธอก็ใช้นิ้วมือดีดหน้าผากอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจและกล่าว “เธอไม่กล้าหรอก ในตอนนั้นที่มีโอกาสลงมือน่ะเธอยังคงลังเล ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวตลกนั่นคงไม่มีทางหลบฝ่ามือกระเรียนของเธอได้หรอก และเธอก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้”

สาวผมแดงกล่าวเสียงกระซิบ “ในการต่อสู้กลับยั้งมือเอาไว้ คนโง่แบบนี้น่ะเหรอที่กู่ฉิงซานชอบ? เฮ้อ นี่มันเรื่องจริงงั้นเหรอเนี่ย… ”

ใบหูของซูเซี่ยเอ๋อตั้งตรงทันที

คำพูดก่อนหน้าทั้งหมดถูกโยนทิ้งเอาไว้เบื้องหลังโดยสิ้นเชิง

“อะไรนะ? เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไร? ได้พูดอะไรเกี่ยวกับกู่ฉิงซานรึเปล่า? คุณไปรู้จักเขาได้อย่างไร?”

ซูเซี่ยเอ๋อถามจุกจิก

บรรยากาศคุกรุ่นแห่งการต่อสู้กระจัดกระจายหายไปอย่างฉับพลัน

ใช่แล้ว!

ซูเซี่ยเอ๋อจำได้แล้วว่าตัวตนของอีกฝ่ายคือใคร

“คุณคือองค์หญิงแอนนาแห่งจักรวรรดิโอลันก้า!”

หญิงสาวผู้ครอบครองผมแดงเพลิงอันงดงามกล่าว “ถูกต้อง นั่นฉันเอง”

“เอ๋? แล้วคุณไปรู้จักกับกู่ฉิงซานได้อย่างไร?” ซูเซี่ยเอ๋อถามจี้

แอนนาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยใบหน้าอันยิ้มแย้มที่เก็บซ่อนร่องรอยของความตั้งใจอันชั่วร้ายเอาไว้ และเอ่ยตอบด้วยเสียงสูง “เขาคือหวานใจของเราเจ้าหญิง”

“อ๊า! นั่นคุณพูดอะไรออกมา!”

ซูเซี่ยเอ๋อกรีดร้อง อารมณ์นับไม่ถ้วนกระแทกกระทั้นเข้าใส่จิตใจของเธอ จนเผลอลืมไปชั่วครู่หนึ่งว่าตอนนี้ตนกำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน

เธอระเบิดสายลมสีเขียวอันรุนแรงออกมาจากทั่วร่างกาย ประกายเหล่านั้นหลอมรวมกันและทะลวงโซ่ตรวนของตัวตลกที่ตรึงร่างของเธอกระจัดกระจายออกไปโดยตรง

ประกายแสงสีเขียวร้องคำรามขึ้นไปถึงชั้นฟ้า ราวกับธารน้ำตกที่ไหลทวนกระแสขึ้นสู่สรวงสวรรค์

“เป็นไปไม่ได้” ซูเซี่ยเอ๋อพึมพำราวกับคนไร้สติ

จากนั้น ชั้นความมืดมิดค่อยๆ ฉีกกระชากห้วงอากาศ มันปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า พวกมันค่อยๆ หลอมรวมกัน สร้างหลุมดำอันน่าสยองขวัญขึ้น

กระแสลมอันรุนแรงวิ่งออกมาจากหลุมดำ มันโคจรอยู่รอบกายซูเซี่ยเอ๋อและส่งเสียงหวีดคำรามลั่น

หลายคนในฉากนี้อ้าปากค้างจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างโง่งม

ทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพ พวกเขาจึงสามารถรับรู้ได้อย่างกระจ่างใจว่าแท้จริงแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น

ชัดเจนแล้วว่านี่คือการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตใหม่!

แล้วจู่ๆ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร นี่มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!

“หากไม่มีอะไรผิดพลาด นี่คือพลังธาตุลมในขอบเขตที่สี่ ‘ไต้ฝุ่นปั่นป่วน!’ ”ตัวตลกที่นั่งอยู่บนพื้นดินเอ่ยงึมงำ “แถมเธอยังมีเทพธิดาเปลวเพลิงแห่งความตาย แอนนา เมดิซี คอยช่วยเหลืออีก… ”

ในตอนนั้นเอง เงาสีเทาที่อยู่ข้างกายเขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างฉับพลัน “สารเลว ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครมันเป็นคนรับมอบภารกิจนี้ให้พวกเรา ถ้ารอดกลับไปได้ ต่อให้มันเป็นอาวุโสของสมาคมก็เถอะ ฉันจะฆ่ามันซะ!”

ในอีกด้านหนึ่ง วอนฟอร์ดมองไปยังซูเซี่ยเอ๋อ และสลับไปมองแอนนา ก่อนจะเผยสีหน้ายกย่องในแง่ร้ายออกมา

เขาโน้มตัวไปข้างหูแอนนาและกล่าวกระซิบ “ฝ่าบาท ฝีปากของท่านช่างราวกับพิษร้าย เอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้อารมณ์ของอีกฝ่ายพังทลายลงได้”

แอนนามองไปยังซูเซี่ยเอ๋อ ในแววตาของเธอเผยให้เห็นถึงอารมณ์ซับซ้อน

เธอกล่าวบางคำออกมาแต่มันก็ไม่จบประโยค “ดูท่าจะเป็นปัญหาซะแล้ว เธอคงรักเขาจริงๆ…”

ในวินาทีต่อมา สีผิวของแอนนาก็เริ่มแดงก่ำขึ้น ขณะเดียวกันร่างของเธอก็วูบหายไป

‘ฟุบ…!’

เธอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเบื้องหลังของซูเซี่ยเอ๋อ ก่อนจะสับฝ่ามือลงบนคอของอีกฝ่าย

ซูเซี่ยเอ๋อที่เดิมตกอยู่ในสภาวะจิตหลุดอยู่ก่อนแล้ว ก็พลันล้มลงและหมดสติไปทันที

วินาทีที่เธอสลบไป หลุมดำที่แขวนอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าเธอก็สลายหายไปเช่นกัน

ร่างของซูเซี่ยเอ๋ออ่อนยวบ และเธอก็ร่วงลงกับพื้น

“ฟอร์ด ช่วยปกป้องเธอด้วย”

แอนนากล่าวขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งโอบอุ้มอีกฝ่าย แล้วโยนออกไป

“พ่ะย่ะค่ะ” เงาที่อยู่เบื้องล่างวูบยืนขึ้นและคว้ารับตัวเด็กสาวที่ลอยมาเอาไว้

และเด็กสาวก็หายไปทันที ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป

ในเวลานี้ สีหน้าของแอนนาก็ผ่อนคลายลง เธอเหยียดนิ้วไปบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของตัวตลกและเอ่ยปากกล่าว “ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมถึงไม่เผยโฉมออกมาซะทีล่ะ?”

“องค์หญิงแอนนาผู้ทรงเกียรติ การที่ข้าไม่คิดปรากฏตัว ก็เนื่องเพราะต้องการหลีกเลี่ยงความลำบากใจที่ต้องพบหน้ากันต่างกัน”

ชายชราหัวล้านที่ยืนอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะตัวตลกปรากฏตัวออกมา ขณะที่ในมือถือคทาสั้น

ชายชราหัวล้านค่อยๆ ร่อนลงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าตัวตลกและเงาสีเทา ขวางคนทั้งสองเอาไว้

“คุณเป็นใครกัน?” แอนนาเอ่ยถาม

“ข้าคืออาวุโสแห่งสมาคมจูซิง เรียกว่า ไฮด์” ชายชราหัวล้านโค้งตัวลงคารวะ

เขากล่าวอย่างจริงใจ “พวกเราไม่คาดคิดเลยว่า ผู้ทรงเกียรติเช่นท่านจะยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ มิฉะนั้นพวกเราคงไม่บังอาจยอมรับภารกิจนี้อย่างแน่นอน”

“อย่ามาไร้สาระไปหน่อยเลย เข้าเรื่องกันดีกว่า” แอนนากล่าวอย่างเยือกเย็น “แล้วตอนนี้ล่ะจะเอาอย่างไร ถ้าฉันไม่ขวางทางคุณ คุณจะยังยืนยันที่จะลงมือกับเธอหรือเปล่า”

ชายชราหัวล้านยักไหล่และเอ่ย “การฆ่าแกงกันมันคือความสุขอย่างหนึ่ง เรื่องสนุกแบบนี้มันย่อมไม่สมควรจะรามือง่ายๆ หรอกใช่ไหม?”

สายตาของแอนนาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ

“องค์หญิงแอนนา ครั้งนี้มันคงจะดีกว่าไหมหากต่างฝ่ายต่างยอมรามือกันเพียงเท่านี้ ถ้าต้องเริ่มสู้กันอีกครั้ง เกรงว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องดี… สำหรับพวกเราทั้งสองฝั่ง”

“ทางฝั่งฉันมันจะไม่ดีได้อย่างไร? แรกเริ่มจู่ๆ ก็มีคนจะฆ่าแกงกัน และฉันก็แค่ปกป้องเธอ คุณคิดจริงๆ หรือว่าหลังจากนี้ฉันจะยอมปล่อยตัวคุณไปง่ายๆ?” แอนนาถามพลางกอดอก

ในขณะนี้ทั่วร่างของเธอให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

บัดนี้ดูเธอจะไม่ใช่องค์หญิงผู้สง่างามอีกต่อไป แต่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นตัวตนที่กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

คิ้วของชายชราหัวล้านขมวดมุ่น ก่อนที่เขาจะหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อและโยนมันออกไป

แอนนารับมัน ก้มลงมอง และในตอนนั้นเองสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

ที่อยู่ในมือของเธอมันคือเหรียญตรา

“นี่คือเหรียญตราของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์” ชายชราหัวล้านกล่าว “ยามนี้ ข้ากำลังพูดคุยกับท่านในฐานะอาวุโสผู้ทรงเกียรติแห่งคริสตจักร”

“องค์หญิงแอนนาผู้ไร้เดียงสา โปรดจงอย่ากระทำสิ่งใดที่ไม่จำเป็นอีกเลย”

ระหว่างกล่าว ชายชราหัวล้านก็หันกลับไปมองเงาสีเทาที่พึ่งถูกเตะกระเด็นมาและเจ้าตัวตลก “เจ้าพวกตัวน่าละอาย ยังไม่รีบไปอีก!”

ตัวตลกและเงาสีเทายืนขึ้นอย่างหงุดหงิด

ทั้งสามกำลังจะจากไป แต่ในตอนนั้นเอง องค์หญิงแอนนาที่อยู่อีกฝั่งก็เอ่ยปากขึ้น

“คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเพียงแค่แมลงร้ายที่คอยสูบเลือดจากเชื้อพระวงศ์”

ประกายแห่งความเจ็บปวดวาบผ่านในดวงตาของเธอ และเสียงของแอนนาก็ทุ้มลึก เชื่องช้า ราวกับว่าตัวเธอกำลังพยายามที่จะระงับสติอารมณ์ของตัวเองอยู่

กริ๊ง…ตามมาด้วยเสียงเหรียญตราที่ตกลงบนพื้น

เธอเหยียดแขนออกและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “และตอนนี้”

ปรากฏเคียวยาวที่ดูจะมีความสูงยิ่งกว่าตัวของเธอขึ้นในมือ

ทั่วทั้งเคียวยาวเต็มไปด้วยสีดำสนิททั้งหมด ตรงปลายด้ามแกะสลักเป็นรูปโครงกระดูกสีดำ

ใบมีดโค้งงอรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏลวดลายของเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้

แอนนาก้าวตรงไปยังทั้งสามทีละก้าว ทีละก้าว

ในสายตาของชายชราปรากฏความหวาดกลัวกะพริบผ่าน เขาเอ่ยเสียงทะมึน “องค์หญิงแอนนาโปรดตั้งสติคิดดูให้ดีอย่างถี่ถ้วน หากคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ล่วงรู้ว่าท่านกล้าลงมือกับข้า”

“ไม่ต้องห่วง พวกเขาจะไม่มีทางได้รู้” แอนนาเหลือบสายตามองเคียวของเธอและกวัดแกว่งมันออกไป

หัวกะโหลกสีดำนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีทะมึน

ตัวตลกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ยิ่งเมื่อเห็นฉากนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา “ขอร้องล่ะ ได้โปรดเถอะ ท่านเทพธิดาเปลวเพลิงแห่งความตาย! ไม่! ฉันยังไม่อยากตาย!”

ในวิสัยทัศน์ของแอนนา กวาดผ่านไปยังทั้งสาม คู่ดวงตาที่งดงามของเธอในที่สุดก็กลายเป็นเย็นชาและไร้ซึ่งความปรานี

“วันนี้มันช่างมีหลายเรื่องให้ชวนอึดอัดใจจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ยังโชคดี…ที่มีพวกแกให้ฉันได้ระบายอารมณ์อันน่าหงุดหงิดนี้ลงได้เล็กน้อย”

........................................