webnovel

0066 ดาบพิภพ

ตอนที่ 66 ดาบพิภพ

กู่ฉิงซานเก็บดาบ สองกำปั้นประสานเข้าหากันและเอ่ยกล่าว “ขอบคุณท่านทั้งสองที่ยอมอ่อนข้อ”

นางเซียนไป่ฮั่วยืนขึ้นและกล่าวอย่างทันใด “เจ้ายังไม่ได้ใช้ออกเต็มกำลัง”

กู่ฉิงซาน “เป็นเช่นนั้น ผู้น้อยไม่ใช้ออกเต็มกำลังจริงๆ”

สายตาของนางเซียนไป่ฮั่วค่อยๆ ตกลงมายังกู่ฉิงซานและกล่าว “โฮ่? นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ”

ดวงตาอันสุกสกาวจดจ้องอยู่กับกู่ฉิงซาน ก่อนจะกล่าว “ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าพิสูจน์ในสิ่งที่ตนพูด”

“จะพิสูจน์ได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ย

“ทุ่มลงมือใส่ข้าเต็มกำลัง แล้วข้าจะทำการประเมินเอง” นางเซียนไป่ฮั่วกล่าว

นี่เป็นหนึ่งในสามไตรภาคี แม้กระทั่งในยุครุ่งเรืองของกู่ฉิงซาน เจ้าตัวก็ยังไม่อาจเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้

กู่ฉิงซานไม่มัวโอ้เอ้หรือแกล้งแสดงเสแสร้งใดๆ เขายกดาบเหล็กขึ้นและหันปลายแหลมไปยังนางเซียนไป่ฮั่ว

“ฝ่าวารีเชี่ยว!”

กู่ฉิงซานตะโกนคำหนึ่ง ระเบิดดาบยาวออกไปยังเบื้องหน้าอย่างรุนแรง

บนดาบเหล็ก ปรากฏรังสีดาบอันแล้วอันเล่าหลอมรวมเข้าด้วยกันจนดูราวกับลูกบอล

ในพริบตา รังสีดาบที่ซ้อนทับกันก็ไม่อาจคาดคำนวณได้ก่อนจะวิ่งออกไปยังเป้าหมายราวกระแสธารหลาก

สวรรค์และโลกพลันเงียบสงบ

‘ฮูม!’

รังสีดาบปะทะกับเป้าหมาย มันเปล่งแสงกะพริบไหวออกจากใบดาบ และดับลงอย่างฉับพลัน

ทว่าตัวดาบเหล็กกลับไม่อาจทานทนต่อพลังอำนาจของเทคนิคนี้ได้ มันแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษเหล็กร่วงตกกระทบลงบนพื้นจนบังเกิดเสียงกริ๊งๆ นับไม่ถ้วนคล้ายท่วงทำนองอันไพเราะ

สายตาของกู่ฉิงซานจดจ้องอยู่กับฉากตรงหน้า

ร่างของนางเซียนไป่ขยับวูบ และกลับไปยืนเหนือระเบียง

“ช่างเป็นเทคนิคดาบที่ยอดเยี่ยม สำหรับเจ้าที่อายุเพียงเท่านี้ นับว่าหายากจริงๆ” เธอเอ่ยความคิดเห็น

แม้ว่าดาบนี้จะไม่ทันได้แสดงผล แต่ด้วยสายตาของนางเซียนไป่ ทำให้เธอสามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ว่ากู่ฉิงซานมีความรอบรู้ในสกิลดาบจริงๆ

ทันใดนั้นเธอก็พลันเกิดความรู้สึกเอ็นดูขึ้นเล็กน้อยในหัวใจ

“ผู้ฝึกดาบที่ไม่มีดาบ ไม่เพียงแต่เลือกทดสอบรายการดาบ แต่ยังสำแดงพลังจนดาบที่ยืมมาแตกหักลงอีกด้วย มาเถิด ข้าจะชดใช้ดาบที่แตกหักนี้แก่เจ้า” นางเซียนไป่กล่าว

กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ดาบเล่มนี้มิใช่ของผู้น้อย มันเป็นของคนแจวเรือที่นำตัวผู้น้อยมาที่นี่ หากต้องการจะชดเชย นางเซียนโปรดชดเชยให้แก่เขาเถิด”

คิ้วของนางเซียนไป่ยกสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด และรู้สึกประหลาดใจกับคำกล่าวของกู่ฉิงซาน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอกำลังฟัง กู่ฉิงซานก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ผู้น้อยต้องรบกวนขอให้นางเซียนไป่ออกหน้าด้วยตนเองเพื่อช่วยเหลือกงซุนซีและหนิงเยว่ฉาน สถานการณ์ของพวกเขาในยามนี้ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่นัก”

นางเซียนไป่โบกมือและกล่าว “ไม่ต้องรีบร้อน พวกเขาจะไม่ตายลงอย่างแน่นอน หากตาย ข้านี่แหละจะไปลากพวกเขากลับมาจากสังสารวัฏเอง”

เมื่ออีกฝ่ายดึงดันเช่นนั้น กู่ฉิงซานก็ไม่อาจกล่าวกระตุ้นได้อีก

หากนางเซียนไป่มีความสามารถดังที่กล่าวจริงๆ และกงซุนซีตกตายลงแต่ถูกชุบชีวิตขึ้นอีกครั้ง แล้วภารกิจของเขามันจะสำเร็จหรือล้มเหลวกันนะ?

กู่ฉิงซานสับสนแท้

นางเซียนไป่ฮั่วเหลือบมาทางกู่ฉิงซานและกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป ข้าบอกให้เจ้าเลือกดาบก็จงเลือก แต่จำไว้ว่าเลือกได้แค่เพียงหนึ่ง”

คำกล่าวของนักปราชญ์ย่อมเปรียบเสมือนกฎ และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย

“ทราบแล้ว ขอบคุณนางเซียนไป่”

กู่ฉิงซานประสานมือและกล่าวขอบคุณ

นางเซียนไป่เหวี่ยงแขนที่สวมทับด้วยเสื้อคลุมยาวออกไปจนมันโบกสะบัด จากนั้นก็ปรากฏดาบยาวห้าเล่มร่วงตกลงมาในห้องโถง และลอยอยู่เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานจ้องมองมัน เขารู้สึกราวกับได้กลับไปในห้วงอดีต และพยายามสงบคลื่นอารมณ์อันยิ่งใหญ่ที่ซัดสาดอย่างช้าๆ

ก็มันอดไม่ได้จริงๆ นี่นา ด้วยในฐานะที่เป็นผู้ฝึกดาบ และไม่ได้ครอบครองดาบยาวที่สมควรเป็นของตนเองจริงๆมาเป็นเวลานาน

และที่สำคัญที่สุด ของสะสมของนางเซียนไป่ก็ดูจะไม่ใช่ ‘ของที่มีดีเพียงแค่รูปลักษณ์ แต่ไร้ประโยชน์’  อีกด้วย

กู่ฉิงซานเดินไปเบื้องหน้า ก่อนจะเฟ้นเลือกคู่หูในอนาคตของเขาอย่างเป็นจริงเป็นจัง

นางเซียนไป่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง ขาทั้งสองไขว้สลับกันบนบัลลังก์หมื่นบุปผา และเผยให้เห็นถึงท่าที่สนอกสนใจ

เด็กหนุ่มผู้นี้ไปร่ำเรียนเทคนิคดาบเลื่องชื่อเหล่านั้นมาจากที่ใดกัน แถมตัวตนไม่พึงประสงค์เช่นนี้ยังไม่ได้เข้านิกายใด ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ทางลัดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

อยากจะรู้นัก ว่าชนิดของดาบที่เจ้าหนูคนนี้เลือก จะเป็นแบบใด?

เธอมองลงไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเงียบๆไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ คอยเฝ้าดูรุ่นเยาว์คัดสรรดาบอย่างสนอกสนใจ

กู่ฉิงซานกวาดตามองผ่านดาบยาวทั้งห้า ก่อนจะเดินตรงไปทางซ้ายสุดแล้วดึงมันออกมา

‘กราว!’ ปราณดาบคำรามก้องพุ่งทะยานขึ้นไปสู่ชั้นฟ้า

ช่างเป็นอาวุธดาบที่ยอดเยี่ยม! ยังจำกันได้หรือไม่ว่าอาวุธที่ดีจะถูกแบ่งออกเป็น5ระดับจากต่ำไปสูง ‘อาวุธมีคม อาวุธสมบัติ อาวุธจิต อาวุธมนตรา และอาวุธแห่งเต๋า’

จากที่สัมผัสดู ดาบในมือนี้สามารถรับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่าอันเชี่ยวกรากของมัน

เจตดาบเช่นนี้ ดูก็รู้แล้วว่าหายาก สามารถเรียกได้เลยว่ามันอยู่ในระดับ อาวุธมนตรา

ดาบเช่นนี้นับว่ามีค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ หากจำต้องใช้มันออกครั้งหนึ่ง คงสามารถทำให้นิกายและผู้ฝึกดาบจำนวนมากที่พบเห็นคลุ้มคลั่งได้

กู่ฉิงซานถอนหายใจ และเก็บดาบยาวเล่มนี้กลับเข้าไปในฝัก

เขามองไปยังดาบเล่มอื่นๆ

“มีอะไรผิดปกติกระนั้นหรือ เหตุใดเจ้าจึงไม่เลือกดาบเล่มนั้น?” นางเซียนไป่ฮั่วเอ่ยถาม

กู่ฉิงซานที่ในครั้งอดีตเคยได้นั่งลงบนบัลลังก์แห่งเกียรติยศของผู้ฝึกดาบ แน่นอนว่าย่อมรู้ดีว่าดาบเล่มนั้นมันยอดเยี่ยมแค่ไหน ทว่า...

“หนึ่งมันล้ำค่าเกินไป ด้วยขอบเขตวรยุทธของผู้น้อย ยังไม่สามารถปกป้องตนเองได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“กล่าวว่าหนึ่ง เช่นนั้นต้องมีสอง?” นางเซียนถาม

“สอง ดาบเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยเจตนาฆ่าที่มากล้น มันจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตของดาบ” กู่ฉิงซานกล่าว

“แต่เจ้าพึ่งบอกกับภิกษุไปเองว่า ‘ในจิตใจต้องมีเพียงหนึ่งนั่นคือ ฆ่าสังหารทุกสิ่งเบื้องหน้า’ นี่ไม่ใช่หมายความว่าเจตนาฆ่าของดาบเล่มนั้นเหมาะสมกับเจ้าหรอกหรือ” นางเซียนไป่ดูจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ

“คำกล่าวนั้นเป็นเพียงคำตอบในหัวใจของผู้น้อย มิใช่หัวใจของดาบ” กู่ฉิงซานกล่าว “และตัวผู้น้อยก็หาได้มีเจตนาฆ่า แต่ตัวดาบกลับมีเจตนาฆ่า หากเลือกมัน เช่นนั้นผู้น้อยจะเป็นคนควบคุมมัน หรือจะเป็นมันกันแน่ที่ควบคุมผู้น้อย? หากอย่างหลัง นั้นย่อมหมายถึงสักวันหนึ่งผู้น้อยจะต้องตกเป็นทาสของมันและกลายเป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร”

นางเซียนไป่ปิดปากลง ไม่เอ่ยถามอีกต่อไป 

ในความเป็นจริงเจ้าของเดิมของดาบเล่มนี้ ก็เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ฝึกดาบชั่วร้าย ที่คร่าชีวิตผู้คนมานับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจมนตราของ มารสวรรค์ และถูกกัดกินจิตวิญญาณจนตายในที่สุด

ต่อมา เป็นดาบเล่มที่สองจากทางซ้าย ทั่วทั้งตัวท่วมไปด้วยสีแดง เพียงเฝ้ามองก็ให้ความรู้สึกราวกับถูกเผาไหม้

กู่ฉิงซานหยิบมันขึ้นมา และพยายามที่จะกระตุ้นพลังวิญญาณของเขา ทันใดนั้นบนใบดาบก็พลันลุกโชนก้องคำรามไปด้วยเปลวเพลิงในทันที

นี่เป็นดาบยาวที่มีจิตของไฟ มันเหมาะสมสำหรับผู้ฝึกยุทธดาบที่สามารถปลดผนึกพลังวิญญาณแห่งไฟได้ ซึ่งมันจะช่วยส่งเสริมพลังอำนาจของเขาให้พุ่งสูงขึ้นหลายเท่า

ดาบเล่มที่สามมีสีดำหมึก แม้กระทั่งยามที่กวัดแกว่งก็ยังแทบไม่มีประกายแสงเล็ดลอดออกมา ราวกับใบมีดของมันได้ทะลวงเข้าไปอยู่ในความมืดมิดอันว่างเปล่าอย่างเงียบๆ

ดาบเล่มที่สี่เพียงแค่โบกสะบัดก็สามารถปลดปล่อยคลื่นเสียงที่สะท้านเข้าไปถึงจิตวิญญาณ สามารถสร้างความสับสนว้าวุ่นขึ้นในจิตใจของผู้คนได้

ดาบเล่มที่ห้า มีขนาดยาวกว่าเล่มอื่นๆ เล็กน้อย มันไม่มีฝักดาบ เวลาถือก็รู้สึกว่าค่อนข้างหนัก ทว่ายามที่กวัดแกว่งมันออกไปกลับให้ความรู้สึกว่ากำลังใช้นิ้วมือขีดเขียนปากกา กล่าวได้ว่าสามารถกวัดแกว่งมันได้อย่างอิสระ

กู่ฉิงซานพยายามที่จะกระตุ้นพลังวิญญาณลงไป ทว่าดาบยาวกลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่กลับให้ความรู้สึกที่เงียบสงบและมั่นคงแทน

ยามที่กุมดาบเล่มนี้ มันทำให้ในหัวใจของกู่ฉิงซานรู้สึกรับรู้ได้ว่าความปลอดภัยของตนเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน

กู่ฉิงซานดูจะพอใจกับดาบเล่มนี้มาก เขารีบหันไปเอ่ยกับนางเซียนไป่ “ผู้น้อยเลือกเล่มนี้”

เมื่อกู่ฉิงซานหยิบดาบยาวขึ้นมาไว้ในกำมือ นางเซียนไป่ก็ถึงกับลืมหายใจ

ในที่สุดเขาก็เลือกดาบเล่มนี้! มันพอจะอธิบายได้จริงๆ ว่า สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือดาบ มิใช่พลังแฝงใดๆ นางเซียนไป่ฮั่วผ่อนลมหายใจออกและเอ่ยถาม

“แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เลือกดาบทั้งสี่เล่มก่อนหน้า?”

“ดาบเล่มที่สองเหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธที่มีรากวิญญาณไฟ ซึ่งผู้น้อยยังไม่ได้ศึกษามันจึงยังไม่เหมาะสม”

“ดาบเล่มที่สามเหมาะจะใช้ในการลอบโจมตี ซึ่งมันไม่ตรงกับวิถีดาบของผู้น้อย”

“ดาบเล่มที่สี่ทรงพลังมากทีเดียว แต่ผู้น้อยคิดว่าผู้ฝึกดาบสมควรต้องแสวงหาเทคนิคดาบ มิใช่ใช้เคล็ดวิชาจากที่มีอยู่แล้วในดาบ การกระทำเช่นนั้นมันดูเหมือนกับกำลังฉกฉวยโอกาส”

กู่ฉิงซานกล่าวอธิบายอย่างอ่อนโยน

ดาบเป็นสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าใครจะถามอะไรเขาก็จะสามารถตอบได้เป็นข้อๆ

นางเซียนไป่ฮั่วได้ฟังจึงเอ่ยถาม “แล้วเหตุใดเจ้าจึงเลือกดาบเล่มที่ห้า? ดาบเล่มนี้เพียงแค่ถูกนำออกมาให้มันครบๆ จำนวนเท่านั้น ในทั้งห้าเล่ม มันนับว่ามีประสิทธิภาพด้อยที่สุดเจ้าสมควรตั้งใจเลือกอีกครั้ง”

กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ดาบเล่มนี้เหมาะสมกับผู้น้อยที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำการเลือกใหม่”

“มันไม่ได้มีคุณสมบัติใดๆ เหมือนดั่งดาบเล่มอื่น และไม่เคยมีใครใช้มันกับศัตรูมาก่อน เจ้าจะชอบมันได้อย่างไร?”

กู่ฉิงซานมองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม และแน่นอนว่าดาบเล่มนี้ไม่มีแม้กระทั่งสกิลแรก มันโล่งโจ้งสะอาดตามาก

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกบางอย่างบอกกับกู่ฉิงซานว่าเขาไม่ต้องการที่จะพรากจากดาบเล่มนี้

ด้วยประสบการณ์นับทศวรรษเกี่ยวกับดาบที่ผ่านมา ยามที่ดาบเล่มนี้ถูกกุมอยู่ในมือของเขา มันราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งนี่คือจิตเชื่อมโยงระหว่างคู่หู

กู่ฉิงซานลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เขินอาย “ดาบเล่มนี้มันเหมาะมือดีแล้ว ผู้น้อยไม่ต้องการเปลี่ยน”

นางเซียนไป่ที่กำลังฟังคำพูดนี้ จิตใจเธอถึงกับเหม่อลอย

ในห้วงความทรงจำ เสียงเสียงหนึ่งที่ฝังลึกอยู่นานหลายปีก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง 

“หลิงเอ๋อ ข้าได้ใช้อิทธิพลของตนและเวลามามากมายจึงได้รับมาซึ่งดาบทั้งสิบเล่มนี้ แต่ละอันล้วนทรงพลังจนไม่อาจนำมาดาบในมือเจ้ามางัดกับมันได้เลย เหตุใดเจ้าจึงยังคงเลือกมัน?”

เด็กสาวตอบด้วยรอยยิ้ม “เป็นเพราะข้าได้เลือกแล้ว แถมมันยังเหมาะมือดีอีกด้วย”

เธอกล่าว “ดาบเป็นอาวุธที่เกี่ยวพันถึงชีวิต หากยามใช้มันแล้วรู้สึกอึดอัด ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่ามันแย่แค่ไหน หากเป็นไปได้ในอนาคตข้า”

ก่อนที่สี่คำสุดท้ายจะถูกเปล่งออกมา เธอก็เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ปากอ้าคำรามก้อง

“เหอะ! สวมบทบาทเป็นดรุณีน่าทะนุถนอม ทว่าแท้จริงแล้วเป็นนังสำส่อน สุราชั้นดีอยู่เบื้องหน้าแต่ดันคิดหมายเพียงจะกินแค่ขนมปังชั้นต่ำ! ทุกวี่วันข้าทำตัวเป็นสหายเต๋าแสนดีเพื่อเอาใจเจ้า ทว่าวันนี้สุดท้ายเจ้าก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธข้า! คอยดูเถิดข้าจะไปล้างนิกายเจ้า!”

กล่าวจบชายผู้นั้นก็หายไป

วันต่อมา หลายร้อยคนในนิกายเล็กๆ ของนางก็ถูกฆ่าสังหาร เหลือทิ้งไว้เพียงหนึ่งเด็กสาว เนื่องจากได้รับการปกป้องจากค่ายกลของประมุขนิกายที่ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า 

นางเซียนไป่ฮั่วกัดริมฝีปากของเธอ

“ดาบเล่มนี้ ในอดีตมันเคยเป็นของข้า” เธอมองลงไปยังเด็กชายเบื้องล่างและกล่าวเสียงอ่อน

“ขออภัย เช่นนั้นผู้น้อยจะเลือกอีกครั้งก็แล้วกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาแอบหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างลับๆ ทว่านี่เขาทำมันได้อย่างไร มีดาบตั้งมากมายแต่ดันไปเลือกหยิบดาบของนางเซียน หวังว่าเธอคงจะไม่โกรธเขาหรอกนะ

อย่าลืมว่าเขายังต้องรอให้เธอออกหน้าเพื่อช่วยชีวิตคนเสียก่อน

“ไม่จำเป็น สำหรับนักปราชญ์อดีตก็เป็นเพียงเส้นทางหนึ่งที่เคยพ้นผ่าน ดาบนี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด มันไม่ได้ถูกใช้มานานมากแล้ว”

“หากเจ้ารู้สึกสะดวกสบายในยามที่ถือมัน และมันเองก็ยังเลือกเจ้า เจ้าก็จงรับมันไปและรักษามันให้ดี”

นางเซียนไป่ฮั่วเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

“และนี่ฝักดาบ ขอมอบให้เจ้าเช่นกัน”

เธอคว้าฝักดาบจากอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนจะถือมันในมืออยู่สักพัก และโยนออกไป

มันเป็นฝักดาบที่ปราศลวดลายตกแต่งใดๆ ทั่วทั้งฝักถูกย้อมไปด้วยสีดำ กู่ฉิงซานเอื้อมมือไปคว้าและเก็บดาบยาวเสียบกลับเข้าไปในฝัก

“ขอบพระคุณยิ่งนางเซียนไป่” กู่ฉิงซานกล่าว

อย่างไรก็ตาม นางเซียนไป่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างฉับพลัน “ดาบเล่มนี้มีชื่อเรียกว่า ดาบพิภพ”

“พิภพ?” กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างสงสัย

“ถูกต้อง ดาบพิภพ เนื่องเพราะพิภพสามารถรองรับทุกสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เฝ้าดูการเติบโตของทุกสรรพสิ่ง เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดยอดเต๋าอันหาที่ใดเปรียบ ดังนั้นมันจึงชื่อ ดาบพิภพ”

“ดาบเล่มนี้หนัก 86370000 จิน มีวิญญาณประดิษฐ์และพลังศักดิ์สิทธิ์คอยสนับสนุนน้ำหนักของมันเอง”

“ที่เรียกว่าสนับสนุนน้ำหนักของตนเอง นั่นหมายถึง เมื่อผู้ใช้คว้าจับดาบ เขาจะรู้สึกว่ามันมีน้ำหนักเทียบเท่ากับดาบธรรมดาสามัญเท่านั้น เนื่องเพราะทุกสรรพสิ่งต่างๆมากมายในสวรรค์และโลกไม่ต้องการที่จะทานรับน้ำหนักของมัน มีเพียงศัตรูของผู้ใช้ดาบเท่านั้น ที่จะได้เผชิญหน้ากับการระเบิดน้ำหนักกว่าแปดสิบหกจุดสามแปเจ็ดล้านจินของมัน”

สายตาของนางเซียนไป่มองไกลออกไป มุมปากยกสูงขึ้นอย่างเย้ยหยัน เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ขมขื่น “ดาบพิภพเล่มนี้ เป็นมรดกตกทอดที่มีอายุกว่าหนึ่งแสนปี จากนิกายของข้า ทว่ามันไม่เคยถูกใช้ออกสำหรับศัตรู เนื่องเพราะมันเป็นสิ่งล้ำค่ามากเกินไป กล่าวกันว่าดาบเล่มนี้สามารถสื่อสารกับราชันวิญญาณในสมัยโบราณได้ มันเป็นดาบแห่งการเสียสละของสวรรค์และโลก”

“หนึ่งแสนปี ผ่านมานิกายเต๋าของข้าก็ค่อยๆเสื่อมถอยลง และเหลือทิ้งไว้เพียงดาบเล่มนี้เท่านั้น เดิมทีประมุขรุ่นก่อนหน้าคิดจะให้ข้าเป็นประมุขรุ่นต่อไปจึงคิดมอบดาบเล่มนี้ให้ ทว่าโชคไม่ดีที่ตอนนั้นข้ายังเยาว์วัยนัก และได้ทำบางอย่างที่ผิดพลาดกับสหาย สืบเนื่องให้นิกายถูกทำลายลงในที่สุด”

........................................