webnovel

0065 กฎ

ตอนที่ 65 กฎ

“ดี…ดีมาก หากนักปราชญ์มิคิดถามเจ้า เจ้าก็ไม่สมควรพูดอะไรให้มากความ นี่คือกฎของวังร้อยบุปผา ส่วนเจ้าก็ทำผลงานได้ดีทีเดียวไม่ทราบว่านิกายใหญ่แห่งใดกันที่เจ้าสังกัด?”

“ผู้น้อยมิสังกัดนิกายใด เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธเร่ร่อน”

“โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนั้น ทว่าในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เจ้าประสงค์สิ่งใดกัน”

นางเซียนไป่ฮั่วที่กำลังนั่งอยู่บนบันลังก์หมื่นบุปผาโน้มตัวลงมาจากเหนือระเบียงสูงและกล่าว

กู่ฉิงซานประสานกำปั้นแสดงความเคารพ ก่อนจะกล่าว “ท่านนักปราชญ์ โปรดช่วยชีวิตคนสองคนด้วย”

“ช่วยชีวิต? คนที่เจ้ากล่าวใช่ว่าป่วยหรือใกล้สิ้นอายุขัยหรือไม่?”

นางเซียนไป่ฮั่วถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ

สำหรับเธอแล้ว เรื่องแค่นี้เพียงโบกมือครั้งเดียวก็จบแล้ว ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินคำว่าขอให้ช่วยชีวิตคนสองคน เธอจึงเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย

“มิใช่ ทั้งสองถูกสายลับคนทรยศหักหลังในแนวหน้า คนที่ผู้น้อยต้องการให้ช่วย หนึ่งคือนายพลกงซุน และสองคือนักบุญหนิงเยว่ฉาน ที่บัดนี้กำลังถูกปิดล้อมโดยกองทัพมาร และกำลังจะตกลงไปตายในไม่ช้า”

“พวกเขาได้บังเอิญค้นพบโลกอีกใบ ดังนั้นเผ่ามารจึงทุ่มออกสุดกำลังเพื่อหมายจะเอาชีวิตพวกเขา”

“นายพลกงซุนส่งผู้น้อยกลับมา และผู้น้อยก็ไม่มีหนทางใดเลยที่จะขอกำลังเสริมได้ จึงตัดสินใจที่จะมาทดสอบรายการร้อยบุปผา”

ดวงตาที่แทบจะปิดของนางเซียนไป่พลันเปิดออก ร่างที่โน้มตัวลงกลับมายืดหลังตรง สีหน้าท่าทีเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“โลกอีกใบ…สายลับคนทรยศ?”

“สิ่งที่เจ้าพูด เป็นเรื่องจริงรึ? ต้องรู้นะว่าการหลอกลวงเพื่อให้นักปราชญ์ออกหน้าลงมือด้วยตัวเอง ผลพวงที่ตามมาเจ้าไม่อาจทนแบกรับไหวได้” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

กู่ฉิงซาน “ไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นเท็จ”

“เช่นนั้นเจ้ามีบัตรยืนยันตัวตนหรือไม่?” นางเซียนถาม

“มี” กู่ฉิงซานตกใจเล็กน้อย ว่าจู่ๆ เธอจะถามถึงบัตรยืนยันตัวตนไปทำไม

“นำมันออกมา” นางเซียนไป่กล่าว

“ขอรับ”

กู่ฉิงซานหยิบบัตรยืนยันตัวตนที่แขวนอยู่ตรงเอวออกมา ก่อนที่จะวางมันลงบนสองมือและยื่นออกไปเบื้องหน้า

นางเซียนไป่ฮั่วกระดิกนิ้ว จากนั้นบัตรประจำตัวที่ทำจากบรอนซ์ก็ลอยผ่านห้องโถงหลัก ขึ้นมายังระเบียง และตกลงบนมือของเธอ

นางเซียนไป่ถ่ายเทพลังวิญญาณก่อนที่บนบัตรยืนยันจะปรากฏแสงสว่างออกมาพร้อมเส้นแสงตัวอักษรลอยปรากฏขึ้นกลางอากาศ

“กองพันทหารม้า กู่ฉิงซาน”

บัตรยืนยันตัวตนเป็นของจริง แถมเจ้าหนูนี่ยังมีความสัมพันธ์กับแนวหน้าอีกด้วย

เกรงว่าเรื่องใหญ่ที่เขากล่าว คงจะไม่ใช่เรื่องโกหกเป็นแน่แล้ว

ท่าทีของนางเซียนไป่ดูจะจริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

เธอชี้ไปที่บัตรประจำตัว ก่อนที่มันลอยอยู่เบื้องหน้า

สกิลเทวะ ค้นวิญญาณจากความว่างเปล่า!

สองมือนางเซียนจีบออก วิชาลับถูกเรียกใช้อย่างรวดเร็ว

‘ฮูมมม!’

เสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามเล็ดลอดออกมาจากท่ามกลางความว่างเปล่า

กลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณฟุ้งกระจายออกมาจากอากาศธาตุ ก่อนที่หลุมดำสองหลุมจะปรากฏออกมา

และภาพเสมือนของบุคคลต่างๆ ก็โผล่ออกมาจากหลุมดำ

นั่นคือกลิ่นอาย ปราณ และพลังงานวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ปนเปื้อนมากับบัตรยืนยันตัวตน ในครั้งอดีต

ภายในบ่อกักศพ เต็มไปด้วยศพเจ้าหน้าที่ทหารมากมายนับไม่ถ้วน  แต่ละศพเปล่งแสงสีเทาขี้เถ้าออกมา

ภายในค่ายทหาร ภาพของจ้าวหลิวปรากฏออกมา รอบตัวเขาเต็มไปด้วยปราณแห่งความตายที่เป็นสีเทาขี้เถ้า บ่งบอกว่าเขาเป็นคนแบกศพเหล่านั้นลงไปในหลุมด้วยตนเอง ทำให้กลิ่นอายแห่งสังสารวัฏติดตัวเขามาด้วย

รามสูรไร้พักตร์

มอนสเตอร์นก

มอนสเตอร์งู

...

มีใบหน้านับไม่ถ้วนปรากฏออกมาจนกระทั่งปรากฏร่างของกงซุนซีและหนิงเยว่ฉาน

ต่อมาก็ปรากฏดงทะเลมารอันไร้ที่สิ้นสุดขึ้นในโลกเทวะ

ห้าผู้ฝึกยุทธที่มีบาดแผลรอบกายและปรากฏปราณแห่งความตายกระจายอยู่รอบตัว

มีเพียงแค่เหลิงเทียนสิงที่ยังคงปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกแข็งออกมาเท่านั้น

เห็นถึงจุดนี้ นางเซียนไป่ก็พยักหน้า “มีประสบการณ์การต่อสู้มามากมายตลอดทั้งเส้นทางจวบจนกระทั่งเดินทางมาถึงอาณาจักรร้อยบุปผานิรันดร์ของข้า แถมยังเลือกรับการทดสอบรายการดาบ เจ้าสมควรได้รับการยกย่องจริงๆ”

กู่ฉิงซานเอ่ย “เช่นนั้นขอให้ท่านนักปราชญ์ช่วยชีวิตสองคนผู้นั้นด้วย”

นางเซียนไป่ฮั่ว “เจ้า ห้ามเอ่ยปาก สิ่งเหล่านี้นักปราชญ์จะเป็นคนกำหนดเอง”

เธอเหยียดนิ้วหยกสีขาวหิมะที่ดูราวกับถูกสลักอย่างประณีตออกมา ก่อนพรมนิ้วออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ออกด้วยเทคนิคมนตราบางอย่าง

ขณะนั้นเอง นางเซียนไป่ก็จ้องมองเขาอย่างสงบและกล่าว “จากที่ข้าลองนับคำนวณดู ภายในหนึ่งส่วนแปดชั่วยามต่อจากนี้ พวกเขาจะยังไม่ตกตายลง”

นี่มันเทคนิคทำนายชะตาที่ยากที่สุดใน ‘หกศิลป์’!!

หลังจากที่ได้รับชีวิตที่สองมา นี่นับว่าเป็นครั้งแรกของกู่ฉิงซานที่เขาได้เห็นคนใช้ออกด้วยเทคนิคทำนายชะตาแบบต่อหน้าต่อตาเช่นนี้

ส่วนในชีวิตก่อนหน้าเขาก็เคยเห็นบางคนใช้ออกด้วยสกิลที่คล้ายๆ กับเทคนิคนี้เช่นกัน ทว่ามันก็เป็นแค่การแกล้งเออออกันว่าเป็นเรื่องจริง หรือกล่าวง่ายๆ ว่าคนทำนายและคนถูกทำนายแท้จริงแล้วหลอกลวงและสมรู้ร่วมคิดกันนั่นเอง

ตั้งแต่ที่เกมเปิดตัวขึ้น ทุกผู้คนก็กล่าวกันว่า เทคนิคทำนายชะตา คือหกศิลป์เป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุด

บนคำเหล่านี้ ทำให้ในโลกของผู้ฝึกยุทธ ก่อให้เกิดผู้เล่นที่เป็นพวกสิบแปดมงกุฎที่อ้างว่าตนมีสกิลที่คล้ายเทคนิคทำนายชะตาขึ้นมากมาย

ไม่เพียงหลอกลวงผู้เล่นด้วยกันเอง แต่แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธในโลกใบนี้ ก็ยังไม่วายถูกฉ้อโกงและหลอกลวง

กู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิดและทันใดนั้นเขาก็เห็นว่านางเซียนไป่เริ่มเปิดปากขึ้นอีกครั้ง

“แม้ว่าเจ้าจะเลือกรายการดาบ แต่ภายในจอมรกต เจ้ากลับไม่จำเป็นต้องใช้ดาบเลย นับตั้งแต่ต้นจนจบ นี่มันไม่อยู่ในกฎของข้า”

“หากทุกคนเลือกรายการดาบแต่ไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ สิ่งที่เจ้ากระทำเช่นนี้จะไม่ทำให้รายการร้อยบุปผาของข้ากลายเป็นเพียงของไก่กาหรอกหรือ?”

“ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถนับได้ว่าเจ้าเสร็จสิ้นการทดสอบรายการดาบได้อย่างสมบูรณ์”

ว่าจบเธอก็ปรบมือ ก่อนที่หญิงรับใช้สองคนจะปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

“นี่คือหญิงรับใช้ของข้า พวกนางเป็นผู้ฝึกดาบ และข้าสั่งให้พวกนางลดหลั่นพื้นฐานวรยุทธลงมาอยู่ที่ปราณปรับแต่งขั้นเจ็ดแล้ว...พวกนางจะเป็นคู่มือให้เจ้า”

“หากหนึ่งในแปดชั่วยามแล้วเจ้ายังไม่อาจเอาชนะพวกนางได้ นักปราชญ์จะถือว่าเจ้าที่เลือกทดสอบรายการดาบ ล้มเหลว”

“ซึ่งหากเกิดกรณีนั้นขึ้น ข้านักปราชญ์จะแจ้งเรื่องทั้งหมดในแนวหน้าไปให้คนอื่นลงมือจัดการ และจะไม่ยอมร่วมลงมือส่วนตัวในครั้งนี้”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเร่งร้อน “แม้บางทีแนวหน้าอาจจะมีผู้ฝึกยุทธชั้นยอดอยู่ก็ตาม แต่ก็เกรงว่าจะไม่อาจช่วยพวกเขาได้”

ดวงตาของนางเซียนไป่หรี่แคบลง จดจ้องอีกฝ่าย “ไม่ว่าใครก็ตาม หากต้องการให้ข้าลงมือด้วยตัวเอง ต้องเลือกรายการร้อยบุปผาแล้วผ่านมันด้วยตนเอง นี่คือกฎของข้า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้”

กล่าวจบ สองนักดาบหญิงรับใช้ก็ก้าวตรงมาอย่างเงียบๆ โค้งคำนับอย่างสุภาพ ก่อนจะค่อยๆชักดาบยาวออกมาอย่างช้าๆ

กู่ฉิงซานคิดในใจว่าช่างแม่งเถอะ เอาก็เอา รีบๆ ทำให้มันจบๆ ไปก็แล้วกัน หลังจากที่ได้ลองคำนวณเวลาดูแล้วตั้งแต่ที่เขาจากกับกงซุนซีและหนิงเยว่ฉาน นี่ก็ผ่านไปเกือบจะครึ่งวันแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สิบค่ายกลจองจำของกงซุนซีใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว

เขาเอื้อมมือคว้าออกไปในอากาศที่ว่างเปล่า และดาบเหล็กก็ปรากฏออกมาในกำมือ

นางเซียนไป่ฮั่วมีอารมณ์แปรปรวน และมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองหากคิดกระทำสิ่งใด ต้องดูอารมณ์ตนเองเป็นหลัก เรื่องนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้

ถ้าหากคุณไม่ปฏิบัติตามกฎของเธอ หรือทำให้เธอไม่พอใจ ต่อให้ฟ้าต้องแตกสลายลงเป็นเสี่ยงๆ เธอก็คงไม่คิดยื่นมือเข้าช่วยเหลือคุณ

“เมื่อเป็นเช่นนี้...เชิญท่านทั้งสอง” กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าปอด ก่อนจะยกดาบขึ้นและเอ่ยอย่างจริงจัง

สองนักดาบสาวหันมาสบตากัน ดาบในมือถูกยกสูงขึ้นและเริ่มพุ่งโถมเข้าโจมตีอย่างพร้อมเพรียง

สองดาบหนึ่งยาวหนึ่งสั้น หนึ่งรวดเร็วหนึ่งเชื่องช้า คอยหนุนเสริมข้อบกพร่องของเทคนิคดาบของอีกฝ่ายซึ่งกันและกัน จนราวกับทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียว พริบตาเดียวทั้งสองก็มาถึงเบื้องหน้าของกู่ฉิงซานแล้ว

การประสานกันในเชิงดาบเช่นนี้ สกิลดาบเช่นนี้ ไม่ได้ดูงดงามใดๆ และไม่ต้องกล่าวถึงคุณธรรมหรือศีลธรรมทั้งหมด คมดาบที่ทั้งสองฟาดฟันออกมานี้มีไว้เข้าคร่าชีวิตศัตรูเท่านั้น! เป็นกระบวนท่าที่เรียบง่ายแต่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ถึงขีดสุด!

จ้องมองไปยังทั้งสองที่ราวกับรวมเป็นหนึ่งนี้ อาจกล่าวได้ว่าชุดเทคนิคดาบทั้งสอง แท้จริงอาจแล้วเป็นพวกนางเองที่สร้างมันขึ้นมาก็ได้

“ยอดเยี่ยมจริงๆ”

กู่ฉิงซานกล่าวชมคำหนึ่ง

และคมดาบก็เขาก็วูบไหว

‘เคร้ง!’

สองเสียงรวมกันเป็นหนึ่ง

สองนักดาบสาวถึงกับต้องถอยฉากกลับไปหลายก้าว บนใบหน้าของพวกเธอเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ

“ตัดสายลม?”

“ไม่ใช่ เมื่อครู่มันเผยขุนเขา”

ทั้งสองลังเลและไม่แน่ใจ

กู่ฉิงซานค่อยๆ ไล่ดาบในมือขึ้นมา ดาบยาวของเขาบ้างดูเชื่องช้า บ้างดูรวดเร็ว ก่อนจะใช้ออกด้วยฟันต่อเนื่องติดต่อกันกว่าห้าครั้ง

สองนักดาบสาวทำได้เพียงต้านทาน และจำต้องถอยก้าวแล้วก้าวเล่า

“นี่มันคือชุดเทคนิคดาบตัดสายลม ฟันต่อเนื่อง!”

“ไม่ใช่! มันคือชุดเทคนิคเผยขุนเขา ดาบกระหน่ำ ต่างหาก!”

ทั้งสองเปิดปากเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

พวกเธอพยายามใช้ออกด้วยเทคนิคดาบอย่างเงียบๆ และลงมืออย่างเต็มกำลัง ทว่ากลับไม่อาจทำความเข้าใจกับเทคนิคดาบของอีกฝ่ายได้โดยปริยาย

เมื่อประกายดาบปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทั้งสองก็พยายามที่จะยกดาบขึ้นต้านทานอีกครั้ง ทว่ากลับทำได้เพียงแค่คิด สองมือของพวกเธอพลันสั่นสะท้าน พริบตาต่อมา หนึ่งดาบยาวหนึ่งดาบสั้นจะถูกส่งลอยกระเด็นออกไปตกอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องโถงหลัก

บนระเบียงพลันปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

“เจ้าเด็กคนนี้ สามารถสลับเจตดาบและเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างอิสระ…”

แม้จะอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า แต่สายตาของนางเซียนไป่ฮั่วที่กำลังจ้องมองลงมาก็พอจะบอกได้ว่าเปล่งประกายน่าหลงใหล เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มร่า “เจ้าสูญเสียอะไรไปบ้างกันล่ะนี่ ถึงสามารถเข้าใจถึงความหมายของตัดสายลมที่แท้จริงและความหมายของเผยขุนเขาที่แท้จริงออกมาได้ แถมยังผสานมันเป็นกระบวนท่าดาบได้อีก มีแค่เพียงเหล่าคนที่ได้ฝึกฝนชุดเทคนิคดาบสองกระบวนท่าที่กล่าวมาแบบลึกซึ้งเท่านั้นจึงจะบรรลุกระบวนท่าเช่นเดียวกับเจ้าได้”

มองไปยังท่าทีก่อนหน้านี้ของเธอ นางเซียนไป่ดูเหมือนจะไม่สนใจถึงชีวิตและความตายของกงซุนซีและหนิงเยว่ฉานเลย

แม้กระทั่งเรื่องสายลับระดับสูงในฝั่งมนุษยชาติ และการดำรงอยู่ของโลกเทวะ ก็ยังไม่อาจทำให้หัวใจของเธอเกิดระลอกคลื่นได้ ทว่า…เธอกลับรู้สึกสนใจในกระบวนท่าของกู่ฉิงซาน!

 

........................................